ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 มีโอกาสจะขยายตัวได้ 3.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมองว่าไตรมาส 4 มีโอกาสจะเติบโตเฉียด 5% เพราะฉะนั้นมองภาพเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี
ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเร่งแรง มาจาก 3 ปัจจัย
จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คาด และฟื้นเร็วกว่าที่เห็นช่วงครึ่งแรกของปี ไม่ว่าจะเป็นหลายประเทศที่เริ่มกลับมามีจำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ ยุโรป รัสเซีย อย่างไรก็ดี ต้องรอจำนวนนักท่องเที่ยวจีนให้มากกว่านี้ แต่ก็เชื่อว่าโอกาสที่จะกลับมามีมากขึ้น ผลดีน่าจะมีต่อธุรกิจบริการกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ขนส่ง (สายการบิน) ค้าปลีก โดยเฉพาะตลาดบน เช่น โรงแรมขนาด 4 ดาวขึ้นไป และน่าจะเห็นการกระจายตัวมากกว่าในกรุงเทพฯและภูเก็ตออกไปเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น พัทยา สมุย กระบี่ เป็นต้น
ภาคการส่งออกที่น่าจะพลิกกลับมาเป็นบวก หลังจากติดลบต่อเนื่องในช่วงต้นปี เห็นภาพการฟื้นตัวในอุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ชิ้นส่วน น่าจะสนับสนุนให้เกิดภาคการลงทุนที่ดีขึ้น การจ้างงานที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งสนับสนุนภาคการบริโภคอีกทอดหนึ่ง โดยกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงไตรมาส 3 น่าจะอยู่ในกลุ่มอาหารแปรรูปและเกษตรแปรรูป โดยได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศจีนเป็นสำคัญ
ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่น่าจะทรงตัว หรือกลับมาย่อลงเล็กน้อย ตามปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตช้าลง โดยราคาน้ำมันที่ย่อลงน่าจะเป็นส่วนที่ช่วยลดค่าครองชีพให้คนในประเทศ สนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มที่จะทรงตัวและลดลงต่อเนื่องได้ นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ มีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลงตามราคาน้ำมัน ซึ่งน่าจะช่วยลดต้นทุนภาคการเกษตรจากราคาอาหารสัตว์ที่ลดลงและภาคการก่อสร้างจากราคาวัสดุต่างๆที่ทรงตัวได้ แต่อาจไม่มากเพราะปัญหาภัยแล้งจากสภาวะเอลนีโญ (El Nino)
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 มีความเสี่ยงที่อาจทำให้การฟื้นตัวสะดุดได้ ด้วย 3 ปัจจัย
1. ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล อาจจะมีความล่าช้า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คือ ต่างชาติ wait and see รอดูก่อน ก่อนที่จะกลับมาลงทุนในประเทศไทย อาจจะทำให้ไทยเสียโอกาสจากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย ในอุตสาหกรรมสำคัญๆ บางครั้งเราอาจเสียโอกาสในการเร่งเจรจาการค้าเสรี (FTA) กับชาติยุโรป หรือชาติคู่ค้าสำคัญ ส่งผลให้ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย พิจารณาย้ายฐานไปเวียดนามหรือประเทศอื่นได้ หากสถานการณ์ของเรายังไม่มีการเอื้อ ให้เกิดประโยชน์จากการตั้งฐานการผลิตในประเทศ นอกจากนี้ งบการใช้จ่ายภาครัฐ งบการลงทุนภาครัฐ อาจลดลงต่อเนื่องได้ กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศ เมื่อเอกชนไทยยังไม่เห็นโครงการลงทุนภาครัฐใหม่ ๆ เอกชนอาจชะลอการก่อสร้างและกระทบภาคส่วนนี้ เว้นคอนโดมิเนียมระดับ 3 ล้านบาทตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ยังไปต่อได้
2. เศรษฐกิจโลกชะลอโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน เราเห็นภาพการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่เร่งแรงช่วงไตรมาส 1 ที่ 4.5% หลังจีนเปิดเมือง คนเร่งบริโภค แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งภาคการส่งออกที่พลิกกลับมาติดลบ ภาคการผลิตที่เริ่มเติบโตช้าลง รวมทั้งการใช้จ่ายของคนในประเทศเองไม่ได้แข็งแรงเหมือนต้นปี ภาครัฐเองเริ่มหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดดอกเบี้ยช่วงที่ผ่านมา อาจพอพยุงเศรษฐกิจได้บ้าง แต่ภาพเศรษฐกิจจีนที่เสี่ยงจะชะลอลง ปัญหาสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีกับสหรัฐฯที่สหรัฐฯพยายามกดดันไม่ให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีนัก โดยเฉพาะการส่งออกของจีนในอนาคตและอาจมีแรงกดดันในภาคการผลิตของจีนอยู่ ซึ่งผลต่อภาคการส่งออกและการผลิตของจีนที่โตช้าจะกดดันภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวของไทยได้ในช่วงไตรมาส 3 นี้
3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อลากยาว เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อมีแรงกดดันในระดับที่สูงอยู่ เงินเฟ้อที่หักจากราคาพลังงานและราคาอาหาร (core inflation) ยังลดลงค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะมีความจำเป็นที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยอาจไม่ได้ขึ้นทุกรอบการประชุมหรืออาจจะขึ้นแล้วหยุดชั่วคราวก็ตาม ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าที่ตลาดคาดกันไว้ที่ระดับ 5.75% และโอกาสในการลดดอกเบี้ยในปีนี้อาจจะหายไป น่าจะเกิดโอกาสที่เงินทุนจะเคลื่อนย้ายออกจากไทยกลับไปสู่สหรัฐฯกระทบให้เงินทุนผันผวน และทำให้บาทอ่อนค่าแตะระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กระทบกับค่าครองชีพในประเทศได้อีกทอดหนึ่ง ขณะที่ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย มีโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อประคองแรงกดดันเงินเฟ้อในอนาคต แต่อาจมองว่าเรายังไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนสิงหาคม แต่อาจเว้นวรรคเพื่อรอความชัดเจนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและนโยบายทางการเมือง รวมทั้งประเมินผลกระทบจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงและความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ที่ยังมีอยู่ ก่อนจะปรับนโยบายทางการเงินในลำดับถัดไปในเดือนกันยายนสู่ระดับ 2.25%
“โดยรวมเรามองว่าการที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 จะฟื้นตัวได้ แบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวได้ชัดเจนในไตรมาส 4 ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าโอกาสของการฟื้นตัวน่าจะเป็นเชิงบวกที่ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.3% ตามคาด” ดร.อมรเทพ กล่าว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Thai Economy Faces Opportunities and Challenges in the Third Quarter
Dr. Amonthep Chawla, Head of Research office and Head of Wealth Research & Advisory at CIMB Thai Bank PCL., revealed that Thailand’s economy in the third quarter is likely to expand by 3.0% compared to the same period last year. Furthermore, a favorable outlook for the fourth quarter can be seen, with a potential growth rate to nearly 5.0%. Therefore, we expect a clear path of recovery for the Thailand’s economy in the latter half of the year.
The rapid growth of Thailand’s economy can be attributed to three key factors.
Faster-than-expected recovery in the number of tourists. The number of tourists is expected to rebound at a quicker pace than initially anticipated and faster than the observed growth in the first half of the year. Notably, several countries, including Malaysia, India, South Korea, Europe, and Russia, have already begun to witness a return of tourists to the level comparable to that before the COVID-19 pandemic. However, it is important to await more return of Chinese tourists but there is a belief in the high potential for the return of Chinese tourist arrivals as their influx is expected to significantly contribute to the positive outcomes to the service industry, such as hotels, restaurants, transportation (airlines), and retail, especially in the upscale market segment, such as 4-star hotels and higher. Moreover, this growth is expected to extend beyond Bangkok and Phuket to other popular tourist destinations like Pattaya, Samui, Krabi, and more.
Positive turnaround of export sector. After experiencing a period of negativity at the beginning of the year, it has witnessed a recovery in the electronics industry and automotive parts which is likely to bolster the investment sector and result in favorable employment conditions contributable to the growth of the consumption sector. The processed food and processed agriculture segments are anticipated to experience a substantial rebound in the third quarter, primarily driven by an increase in demand from China.
Anticipated stability or moderate decline of oil price in the global market. It is probable that the price of oil in the global market will tend to stabilize or moderately decline, influenced by economic factors in the United States and Europe, which are expected to exhibit slower growth rates. The decrease in oil price is likely to alleviate people’s cost of living within the country, thereby supporting a trend of stabilizing and consistently declining inflation. Moreover, other commodity prices are anticipated to stabilize or decrease in tandem with oil prices. Consequently, this facilitates a reduction in agricultural cost due to declining animal feed price as well as maintains stable material prices in the construction sector. However, these benefits may be limited due to the adverse effects of drought resulting from El Niño condition.
However, the recovery of Thai economy in the third quarter faces risks that could potentially impede its progress from three key factors.
- Uncertainty of the government formation. The uncertainty of the government formation could lead to potential delay. This uncertainty may cause the foreign investors to wait-and-see before reinvesting in Thailand. Consequently, Thailand may lose opportunities to the production base migration from China, particularly in key industries. Furthermore, the country may experience setbacks in expediting free trade negotiation (FTA) with European countries or important trading partners. Such affect could prompt foreign investors in Thailand to consider relocating their production base to alternative countries like Vietnam, if the domestic situation remains unsupportive to the production base establishment within Thailand. Additionally, a continuous decrease in government expenditures and the investment budget could adversely affect the domestic investors’ confidence. The lack of new public investment projects could potentially slow down private sector construction activities. However, this likely won't affect the ongoing projects like the 3-million-baht condominiums situated along mass transit extension lines.
- Slowdown of global economy, particularly for China’s economy. Although China initially witnessed an acceleration in economic growth during the first quarter at 4.5%yoy, after the reopening of cities and increased consumption, there are signs of continued deceleration. The export sector in China has shifted to a deficit, while the manufacturing sector has begun to exhibit a slower growth rate. Additionally, domestic spending within China has weakened compared to the beginning of the year. The Chinese government has already implemented measures to stimulate the economy, such as interest rate reductions, which may support the economy to some extent. However, the risks associated with a slowdown in Chinese economy persist, including ongoing trade and technology wars between the United States and China, aimed at exerting pressure on China's economic growth, particularly for Chinese export in the future and manufacturing sector. These adverse effects on its export sector and the slower pace of manufacturing may suppress Thailand's export and tourism sectors in the third quarter.
- Long-term increase in interest rates by the US Federal Reserve (Fed). Primarily driven by concerns regarding inflationary pressures as well as the core inflation, particularly pertaining to energy and food prices has been declining at a relatively slow pace, consequently, there is a possibility that Fed will continue raising interest rates with intermittent pauses between hikes. This could result in the interest rate hike beyond market expectations, at 5.75%, and potentially impeding the opportunity for interest rate reduction in this year. As a consequence, capital flows may leave Thailand and return to the US, leading to increased capital volatility and causing weakening Thai baht to approximately 35.50 Baht per US dollar. This could impact the cost of living in the country. Meanwhile, the Monetary Policy Committee (MPC) of Thailand is probable to raise interest rate once again in order to alleviate future inflationary pressure. However, the MPC may consider not raising interest rate during the August meeting, awaiting for greater clarity on the economic recovery, new government’s policies, as well as assessing the effects from high household debt and prevailing default risks before the monetary policy adjustment in September, reaching around 2.25%.
“Overall, we anticipate a gradual recovery of the Thai economy in the third quarter and clear signs of improvement in the fourth quarter. It is highly probable that the recovery of the Thai economy will maintain a positive outlook, potentially achieving the projected growth rate of 3.3% for the current year” according to Dr. Amonthep.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
