สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

เอสซีบี ไพรเวทแบงก์กิ้ง จับมือ บล.ไทยพาณิชย์ดูแลลูกค้ามั่งคั่งระดับสูงแบบไร้ขีดจำกัด

เอสซีบี ไพรเวทแบงก์กิ้ง (SCB PRIVATE BANKING) เดินหน้ามอบประสบการณ์ใหม่ไร้ขีดจำกัดในการดูแลกลุ่มลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (Ultra-High-Net-Worth) อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาเวลธ์แพลตฟอร์มที่ผสานความแข็งแกร่งของทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย รวมถึงการจับมือกับ “จูเลียส แบร์” ต่อยอดความมั่งคั่งแบบไร้พรมแดนให้กับลูกค้าที่สนใจการลงทุนในตลาดต่างประเทศ (Off-shore) ล่าสุดเปิดปี 2562 ด้วยการผนึกกำลัง บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS เติมเต็มแพลตฟอร์มด้านการลงทุนอย่างสมบูรณ์แบบ จัดเตรียมและคัดกรองบทวิเคราะห์ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นที่เหมาะสมกับความต้องการ และความสนใจของแต่ละบุคคล ซึ่งครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หุ้นกู้ หุ้นกู้อนุพันธ์ และกองทุนรวม เป็นต้น เพื่อนำเสนอให้ลูกค้านำไปใช้สนับสนุนการตัดสินใจลงทุนได้อย่างถูกต้อง และทันต่อเหตุการณ์ พร้อมแพลตฟอร์มการลงทุนแบบ Open Architecture ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนในประเทศ (On-shore) ของกลุ่มลูกค้าเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ยังเตรียมปูพรมเสริมแกร่งความรู้ด้วยซีรีส์สัมมนาให้ความรู้ตลอดปี ประเดิมด้วยงานสัมมนา “มุมมองทิศทางตลาดทุนไทย 2019… Opportunity Beyond The Unpredictable Market” โดยทีม Wealth Research คุณภาพของ SCBS

นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาย Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ภาพรวมของตลาดลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (Ultra-High-Net-Worth)  ในประเทศไทย ที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าอยู่ประมาณ 123,000 ราย โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ประมาณ 20 ล้านล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่า13.3 % ในปี 2560 สำหรับฐานลูกค้า SCB PRIVATE BANKING ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 10,000 ราย มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 7.5 แสนล้านบาท โดยธนาคารมองว่าธุรกิจลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่งระดับสูงมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตอีกมาก ด้วยศักยภาพของทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินอย่าง Estate Planning & Family Office ทีมให้คำปรึกษาด้านการส่งต่อความมั่งคั่งและรักษาทรัพย์สินที่มีอยู่จากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างสมบูรณ์ ตอบโจทย์และเติมเต็มความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และทีม Chief Investment Officer (CIO) ศูนย์ยุทธศาสตร์ที่เปรียบเสมือนคลังสมองในการบริหารกลยุทธ์การลงทุนของลูกค้า SCB Wealth นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์ได้พัฒนาเวลธ์แพลตฟอร์มที่ผสานความแข็งแกร่งของทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย รวมถึงการจับมือกับ “จูเลียส แบร์” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ (Off-shore) และในปีนี้ SCB PRIVATE BANKING ได้ผนึกกำลังกับ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในประเทศ (On-shore) จัดเตรียมบทวิเคราะห์ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นแบบฉบับเฉพาะบุคคลสำหรับลูกค้า SCB PRIVATE BANKING ที่เหมาะสมกับความต้องการ และความสนใจของแต่ละบุคคล พร้อมแพลตฟอร์มการลงทุนแบบ Open Architecture ที่คัดสรรพิเศษมาให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนพร้อมผลตอบแทนที่เพิ่มความมั่งคั่ง เพื่อสร้างประสบการณ์ดูแลลูกค้าแบบไร้ขีดจำกัดด้วยมืออาชีพ สอดคล้องกับปรัชญาการให้บริการ It’s a Matter of Trust”

นายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด “ตามที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะธนาคารแม่ได้เดินหน้าปรับทัพองค์กรรองรับกระแสดิจิทัล ขับเคลื่อนแบงก์สู่แพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญก็คือการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ให้กับลูกค้า การใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้นจะช่วยให้ลูกค้าได้รับการบริการและข้อมูลได้ตรงตามความต้องการและในเวลาที่เหมาะสม ทำให้มีโอกาสจะสร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีขึ้น โดยบล.ไทยพาณิชย์เป็นหนึ่งในช่องทางที่สำคัญที่สนับสนุนกลยุทธ์ในการสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้า โดยในปีที่ผ่านมาบล.ไทยพาณิชย์จับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ในฐานะ Partnership ร่วมกัน นำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และองค์ความรู้ทางด้านการลงทุนผ่าน SCB Investment Center และสาขาของธนาคารทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงบริการด้านการลงทุนในทุกมิติของลูกค้า ทั้งนี้ บล.ไทยพาณิชย์มองเห็นถึงช่องทางที่ธนาคารมีและเห็นโอกาสการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเรื่องการลงทุนให้กับนักลงทุนทุกกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะลูกค้า Wealth ที่ยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างแม่นยำ SCBS จึงได้สร้างทีม Wealth Research เพื่อให้คำแนะนำการลงทุน วิเคราะห์เจาะลึกด้านการลงทุนที่ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในรูปแบบบทวิเคราะห์นำเสนอให้กับนักลงทุนแต่ละรายให้เหมาะสมกับพอร์ตการลงทุน ซึ่งบล.ไทยพาณิชย์เชื่อว่าคุณภาพของ Wealth Research จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การทำธุรกรรมด้านการเงินและการลงทุนของลูกค้าประสบความสำเร็จ”

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์จำกัด ได้ให้มุมมองการลงทุนในปี 2019 ว่า “ภาพรวมผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2019 นี้ จะดีกว่าปี 2018 โดยเชื่อว่าสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี ราคาเหมาะสมจะกลับมาให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยมองโอกาสด้านบวกหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวแรงเกินไป อาจส่งผลให้ธนาคารกลางหลัก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดความเข้มงวดของนโยบายการเงิน หรือแม้กระทั่งหันกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลาย ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดการเงิน อย่างไรก็ดี ด้านความเสี่ยงก็ยังคงมีเช่นกัน หากธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป รวมถึง สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กลับมารุนแรงขึ้นหลังจบช่วงพักรบ ก็จะส่งผลลบต่อตลาดการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังคงประเมินว่าเงินทุนต่างชาติจะเริ่มทยอยเคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯมาที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) รวมถึงเงินทุนบางส่วนจะเคลื่อนย้ายออกจากหุ้นเศรษฐกิจยุคใหม่ (News Economy) เช่น หุ้นเทคโนโลยี มาที่หุ้นเศรษฐกิจยุคเก่า (Old Economy) เช่น การบริโภค สาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นต้น อย่างไรก็ดีในปี 2019 ยังไม่มีการบ่งชี้ถึงสภาวะถดถอยอย่างชัดเจนในประเทศเศรษฐกิจหลัก กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ซื้อ ตลาดหุ้นไทย ชอบกลุ่มธุรกิจด้านการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ในขณะที่ประเมินว่า ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น รอซื้อตลาดหุ้นสหรัฐฯหากมูลค่าเหมาะสมมากขึ้น และ แนะนำให้กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น REIT และ IFF รวมถึง ทองคำ เพื่อลดความผันผวนของเงินลงทุน”

เอสซีบี ไพรเวทแบงก์กิ้ง (SCB PRIVATE BANKING) เดินหน้ามอบประสบการณ์ใหม่ไร้ขีดจำกัดในการดูแลกลุ่มลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (Ultra-High-Net-Worth) อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาเวลธ์แพลตฟอร์มที่ผสานความแข็งแกร่งของทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย รวมถึงการจับมือกับ “จูเลียส แบร์” ต่อยอดความมั่งคั่งแบบไร้พรมแดนให้กับลูกค้าที่สนใจการลงทุนในตลาดต่างประเทศ (Off-shore) ล่าสุดเปิดปี 2562 ด้วยการผนึกกำลัง บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS เติมเต็มแพลตฟอร์มด้านการลงทุนอย่างสมบูรณ์แบบ จัดเตรียมและคัดกรองบทวิเคราะห์ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นที่เหมาะสมกับความต้องการ และความสนใจของแต่ละบุคคล ซึ่งครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หุ้นกู้ หุ้นกู้อนุพันธ์ และกองทุนรวม เป็นต้น เพื่อนำเสนอให้ลูกค้านำไปใช้สนับสนุนการตัดสินใจลงทุนได้อย่างถูกต้อง และทันต่อเหตุการณ์ พร้อมแพลตฟอร์มการลงทุนแบบ Open Architecture ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนในประเทศ (On-shore) ของกลุ่มลูกค้าเฉพาะบุคคล

นอกจากนี้ยังเตรียมปูพรมเสริมแกร่งความรู้ด้วยซีรีส์สัมมนาให้ความรู้ตลอดปี ประเดิมด้วยงานสัมมนา “มุมมองทิศทางตลาดทุนไทย 2019… Opportunity Beyond The Unpredictable Market” โดยทีม Wealth Research คุณภาพของ SCBS โดยมี ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาย Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ นายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์จำกัด ร่วมเปิดงานสัมมนา เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม Waldorf Astoria Hotel

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

SCB Private Banking joins with SCBS to offer ultra-high-net-worth clients

unlimited impressive experiences

            To proceed with its strong determination to offer ultra-high-net-worth clients an unlimited impressive experience, SCB Private Banking has lately teamed up with SCB Securities Co., Ltd. (SCBS) to provide them with a comprehensive investment platform and well-prepared and screened investment analysis reports catering to individual needs, whether Thai stocks, foreign stocks, debentures, structured notes, or mutual funds, to allow them to make proper and timely investment decisions.

            SCB First Executive Vice President, Private Banking Division, Ms. Lalitphat Toranavikrai, said the overall segment of Thailand’s ultra-high-net-worth clients with assets worth 50 million baht or more, has grown continuously. At present, there are around 123,000 clients in the segment, with total assets under management (AUM) worth around 20 trillion baht, up 13.3% from 2017. The current number of SCB Private Banking clients numbers more than 10,000, with assets under management totaling 750 billion baht.

            SCB believes the ultra-high-net-worth client segment has potential and much room for growth. The bank is well-prepared for competition to tap the clients given the capability of its Estate Planning & Family Office, which is a team of financial advisors engaged in nurturing and maintaining the wealth and assets of its clients from generation to generation and catering to their real needs, and the competence of the Chief Investment Officer Team serving as the key brain for the investment strategy management of SCB Wealth clients. Last year the bank developed a wealth platform using the strength of its team of advisors and state-of-the-art technology to serve the needs of ultra-high-net-worth clients. It also formed an alliance with Swiss private bank Julius Baer to nurture the boundless wealth of clients keen on off-shore investment. 

            To fulfill clients’ needs for on-shore investment, Ms. Lalitphat noted that SCB Private Banking has of late forged cooperation with SCBS to prepare stock investment analysis reports tailored to the individual needs of its clients. The specially-selected open architecture investment platform is also offered as an investment option for the enhanced wealth of clients and to serve their needs professionally and without limit, in line with the service philosophy of “It’s a Matter of Trust.”

            SCBS Chief Executive Officer Mr. Kampol Jantavibool said parent company SCB has moved to a new platform to serve the greater needs of clients as part of its transformation to deal with digital disruption. One of its key strategies is to use technologies to enhance the efficiency of the wealth management for clients. With the advanced technology, clients will receive services and data catering to their needs and in a timely manner and so have an opportunity to receive more attractive returns.

SCBS, which serves as one of key channels for supporting the wealth enhancement strategy, collaborated with SCB last year to develop and offer service products and investment knowledge via the SCB Investment Center and bank branches nationwide to ensure clients have access to every facet of investment service.

To serve the investment needs of clients in every targeted segment, particularly the wealth segment which has much room for growth, Mr. Kampol noted that SCBS has formed a Wealth Research Team to provide investment advice and in-depth investment analysis of local and overseas financial products in the form of analysis reports for each investor based on their investment portfolios. The company believes that wealth research quality will be key to helping clients fulfill their financial transaction and investment goals.

SCBS Managing Director, Investment Strategy Department, Research Group, Mr. Sukit Udomsirikul said that the company forecast 2019 overall investment return outperforming 2018 returns. Good quality assets at suitable prices will provide outstanding returns. Should the global economy grow at too slow a pace, the main central banks, including the US Federal Reserve (FED), will ease stringent financial policies or even go back to adopting easing policies, which will benefit financial markets. However, financial markets will suffer if the FED continues raising the policy interest rate and the US-China trade war intensifies following the current truce.

Mr. Sukit said that SCBS believed foreign capital will gradually move from the US stock market to emerging markets. Some capital will be relocated from new-economy securities, such as technology stocks, to old-economy securities, such as consumption and infrastructure stocks. Still, no economic recession factor is seen in the major economies for this year.

Regarding investment strategy, Mr. Sukit suggested that investors buy stocks on the Thai bourse, particularly in the local consumption and investment segments. He forecast the Chinese stock market recovering in the short term.  Investment in the US stock market should be made only when valuation is appropriate. He also suggested investors distribute investment in alternative assets such as REIT, IFF, and gold to avoid capital volatility.

Political News