สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ตรุษจีนปีหมูทอง:คาดคนกรุงเทพฯ ใช้จ่ายเงิน13,560ล้านบาท...ส่วนใหญ่เน้นกิจกรรมประหยัด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เทศกาลตรุษจีนปี 2562 ภาคประชาชนมีมุมมองต่อภาวะกำลังซื้อค่อนข้างระมัดระวัง ทำให้มีการหันมาเน้นประหยัดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จากมุมมองเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ อาทิ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับการใช้จ่ายในช่วงดังกล่าว ทำให้คาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 13,560 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.9 โดยเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการทำบุญ/ท่องเที่ยวเป็นหลัก

  • ศูนยวิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การวางแผนเกี่ยวกับสต็อกสินค้าร่วมกับ Suppliers ที่มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ อาจเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกควรพิจารณา ขณะเดียวกัน ธุรกิจค้าปลีกต่างๆ ควรเร่งประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด ที่สอดคล้องกับมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของภาครัฐ อย่างเข้มข้นให้เป็นกระแส เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเชื้อสายจีน และประชาชนทั่วไป สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ อันจะมีผลช่วยสร้างความคึกคักด้านการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ได้พอสมควร

เทศกาลตรุษจีน ในปีนี้ที่ตรงกับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นปีที่ภาพรวมตลาดอาจถูกกดดันจากความกังวลของประชาชต่อกำลังซื้อ ทำให้กิจกรรมที่ทำในช่วงตรุษจีนจะเน้นที่ความประหยัด อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยพิเศษที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว อาทิ การเลือกตั้ง ที่น่าจะกำหนดขึ้นภายในเดือนมีนาคม 2562 นี้ ซึ่งอาจทำให้มีเม็ดเงินที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งลงสู่ภาคธุรกิจ รวมถึงช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อการใช้จ่ายของภาคประชาชนและการลงทุนของภาคธุรกิจในระยะถัดไป และปัจจัยสำคัญคือ มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับการใช้จ่ายในช่วงระหว่างวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 ถือเป็นมาตรการที่น่าจะช่วยจูงใจให้เกิดเม็ดเงินการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ได้พอสมควร

คนกรุงฯ มองกำลังซื้อค่อนข้างระมัดระวัง...แต่ได้มาตรการพิเศษลดผลกระทบ

นอกเหนือจากพฤติกรรมของคนจีนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคร่งครัดประเพณีดั่งเช่นคนรุ่นก่อน ทำให้ความคึกคักของเทศกาลตรุษจีน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาจลดลงกว่าอดีต จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2562 ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบประเด็นที่น่าสนใจคือ

  • +มุมมองต่อกำลังซื้อในปี 2562...เน้นกิจกรรมประหยัด ผู้ตอบแบบสอบถามมีมุมมองต่อทิศทางกำลังซื้อที่ค่อนข้างระมัดระวัง โดยส่วนใหญ่กว่าครึ่งมองว่ากำลังซื้อของตนเองไม่แตกต่างจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ร่วมกิจกรรมตรุษจีน เช่น ผู้ที่เซ่นไหว้ มีการจัดเตรียมสำรองค่าใช้จ่ายไว้แล้ว และส่วนใหญ่ก็ปรับลดงบประมาณในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเท่าที่จำเป็น ทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านกำลังซื้อไม่มากนัก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า สำหรับกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางลงล่าง ซึ่งอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านกำลังซื้อ ก็อาจปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมบางอย่างที่ทำได้ ซึ่งจากการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่จะเน้นการประหยัด ทั้งการซื้อเครื่องเซ่นไหว้ การแจกเงินแต๊ะเอีย รวมถึงการทำบุญ/ท่องเที่ยว โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

                -การเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ ปีนี้ผู้ซื้อส่วนใหญ่เน้นการจัดชุดเครื่องเซ่นไหว้เอง ในสัดส่วนที่สูงกว่าปีก่อน โดยอยู่ที่ร้อยละ 88.0 เทียบกับร้อยละ 80.2 ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถกำหนดงบประมาณเองว่า จะปรับลดเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ เนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนม กระดาษไหว้เจ้า ในปริมาณและขนาดเท่าใด โดยผู้ประกอบการเครื่องเซ่นไหว้ที่น่าจะได้รับอานิสงส์คือตลาดสดใกล้บ้าน ซึ่งผู้ตอบเลือกเป็นแหล่งซื้อเครื่องเซ่นไหว้อันดับหนึ่งในสัดส่วนที่สูงขึ้น ในขณะที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งมีจุดเด่นด้านชุดเซ่นไหว้เพื่อรองรับคนรุ่นใหม่ที่อาจไม่มีเวลา แต่ปีนี้อาจมีความท้าทายด้านปัญหาจราจรที่ติดขัด ซึ่งอาจกระทบต่อการเดินทางของคนกรุงเทพฯ

                -การทำบุญ/ท่องเที่ยว เน้นการเดินทางระยะใกล้ เนื่องจากไม่ใช่วันหยุดราชการ ประกอบกับอาจเพิ่งเดินทางท่องเที่ยวไปเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่วนใหญ่จึงเน้นการทำบุญหรือท่องเที่ยวในรูปแบบการเดินทางในระยะใกล้ อาทิ วัดในกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง อาทิ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา เป็นต้น

                -การแจกเงินแต๊ะเอีย ในปีนี้ กลุ่มคนที่เคยให้แต๊ะเอียบางส่วนงดกิจกรรมนี้ เนื่องจากบางส่วนอาจปรับขึ้นเงินเดือนให้กับลูกจ้างในช่วงปีใหม่ไปแล้ว ขณะที่ลูกหลานบางส่วนก็เริ่มทำงานจึงงดส่วนนี้ลง อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มที่ยังคงกิจกรรมให้เงินแต๊ะเอียในปีนี้ เตรียมงบประมาณเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อคนประมาณร้อยละ  2.4 ขณะที่กลุ่มที่ได้รับเงินแต๊ะเอีย ยังคงมีแนวโน้มเก็บออมฝากธนาคารมากที่สุดเช่นเดียวกับปีก่อน ซึ่งทำให้เงินแต๊ะเอียทั้งหมดอาจไม่ได้เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในทันที

  • +ปัจจัยเสริมจากมาตรการภาครัฐช่วยหนุนการใช้จ่าย แม้ว่ามุมมองด้านกำลังซื้อของประชาชนในกรุงเทพฯ จะไม่ค่อยสดใส แต่มุมมองทางด้านปัจจัยเสริมอื่นๆ กลับมีทิศทางในเชิงบวก โดยเฉพาะมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในช่วงวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 ในวงเงินค่าใช้จ่ายไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามกว่าร้อยละ 60 เห็นว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นและสินค้ามีราคาถูกลง ขณะที่ ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณร้อยละ 50 คาดหวังว่าปัจจัยทางด้านการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นและกล้าใช้จ่ายมากขึ้น สำหรับปัจจัยทางด้านภาระดอกเบี้ยที่อาจมีแนวโน้มปรับขึ้น มีผลน้อย เนื่องจากเป็นภาระหนี้ระยะค่อนข้างยาวจึงไม่เห็นผลชัดเจนในทันที

โดยรวมแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 13,560 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.9 (YoY) โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มทางด้านค่าใช้จ่ายการทำบุญ/ท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านเครื่องเซ่นไหว้ให้ภาพที่ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนเงินแต๊ะเอียมีแนวโน้มปรับลดลงค่อนข้างเด่นชัดกว่ากิจกรรมอื่นๆ

 มุมมองต่อภาคธุรกิจ...และการปรับตัวในช่วงตรุษจีนปี 2562

 เทศกาลตรุษจีน ถือเป็นกิจกรรมใหญ่ที่คนไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญเป็นลำดับหนึ่ง โดยความคึกคักของเทศกาลในแต่ละปีอาจแตกต่างกัน ภายใต้สถานการณ์แวดล้อมช่วงตรุษจีนปี 2562 ข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องควรต้องเตรียมตัววางแผนโดยพิจารณาประเด็นที่สำคัญต่างๆ ได้แก่

  • +การวางแผนสต็อกที่ยืดหยุ่น จะช่วยบริหารสินค้าที่สัมพันธ์กับความต้องการ จากการที่ตรุษจีนปีนี้ ผู้ตอบบางกลุ่มมีการปรับลดงบประมาณด้านเครื่องเซ่นไหว้ลง และอาจมีผลกระทบต่อปริมาณความต้องการสินค้า จึงอาจเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกควรพิจารณาวางแผนร่วมกับ Supplier ในการวางแผนการจัดส่งหรือสต็อกสินค้า ที่มีความยืดหยุ่นพอเหมาะกับความต้องการ โดยอาจวางแผนทยอยส่งสินค้าทีละล็อตเพื่อทดสอบตลาด และพร้อมที่จะเพิ่มปริมาณจัดส่งได้ทันทีหากความต้องการปรับเพิ่มขึ้น
  • +การใช้มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระตุ้นการใช้จ่าย หากพิจารณาในส่วนของธุรกิจเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่มีเม็ดเงินค่าใช้จ่ายสูงสุด สำหรับการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน อาจไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเต็มที่ เนื่องจากสถานที่ซื้อส่วนใหญ่จะผ่านตลาดสดใกล้บ้าน ซึ่งอาจยังไม่มีระบบชำระเงินผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า หากมองในเชิงบวก มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม อาจจะเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจค้าปลีกต่างๆ อาทิ ธุรกิจประเภท เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไอที ของใช้ส่วนตัว ในการเพิ่มยอดขายทั้งจากคนไทยเชื้อสายจีน และประชาชนทั่วไป ในช่วงตรุษจีนไปจนถึงช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนอีกประมาณ 10 วัน ตามระยะเวลาของการใช้สิทธิ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วง (1-15 กุมภาพันธ์) ทั้งนี้การเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ที่สอดคล้องกับมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของภาครัฐ อย่างเข้มข้นให้เป็นกระแส เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มที่สนใจร่วมกิจกรรมได้รับทราบถึงสิทธิประโยชน์ดังกล่าว อาจเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกควรนำมาพิจารณาประกอบการวางแผนการตลาดเพื่อสร้างความคึกคักในช่วงนี้

Political News