โจรใต้บุกฆ่าพระสงฆ์ในวัดอย่างอำมหิต นายกรัฐมนตรี กลาโหมเรียกร้องสังคมร่วมกันประณามความป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของโจรใต้ฆ่าพระสงฆ์ในวัด สดุดี พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี ผู้กล้าอุทิศตนเพื่อความดี
วันที่ 18 ม.ค.2562 เวลา 20.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงใส่ วัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก หมู่ที่ 2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำให้พระสงฆ์ มรณภาพ 3 รูป และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 รูป นำส่ง รพ.สุไหงปาดี บริเวณที่เกิดเหตุ วัดรัตนานุภาพ บ้านโคกโก หมู่ที่ 2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเข้าทำการตรวจสอบ และติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายรายนี้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพืนที่
และทราบชื่อคือพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี ประธานเครือข่ายพระธรรมทูตอาสาจังหวัดนราธิวาส มรณภาพในที่เกิดเหตุ และพระสมุห์อรรถพร ขุนอำไพ มรณภาพในที่เกิดเหตุ ขณะที่พระประเวศ สุขแก้ว และพระธนโชติ ชุมเลิศ ได้รับบาดเจ็บ
โดยล่าสุดมีรายงานว่า พระลูกวัดที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว มรณภาพเพิ่มอีก 1 รูป รวมแล้ว 3 รูป และมีพระลูกวัดได้รับบาดเจ็บอีก 1 รูป ต่อมา นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.สุไหงปาดี และ พ.อ.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่48และกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเศร้าสลดต่อชาวพุทธเป็นอย่างมาก พร้อมแสดงความอาลัยต่อการมรณภาพของพระสงฆ์ในครั้งนี้ และโพสต์ข้อควาของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ระบุว่า “ถ้าไม่ตายไม่ขอเลิกทำความดี”และว่า “ผมไม่หนี ผมถือว่าตรงนั้นเป็นแผ่นดินไทย ปู่ย่าตายายผมเป็นคนพุทธ เกิดตรงนี้ขอตายตรงนี้”
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองทุกคน ในพื้นที่จังหวัดใช้แดนภาคใต้โดยเฉพาะที่จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุคนร้ายกว่า 10 คนบุกเข้าโจมตีภายในวัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำให้พระภิกษุมรณภาพและได้รับบาดเจ็บหลายรูป
“นายกฯ ประณามการกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริงและไล่ล่าคนร้ายมาลงโทษให้ได้ โดยย้ำว่า รัฐบาลจะปกป้องประเทศชาติและประชาชนด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด จึงขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในรัฐบาล และร่วมมือกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นทุกตารางนิ้วบนผืนแผ่นดินขวานทองของเรา” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
ขณะที่พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ แห่งวัดสร้อยทอง ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยผ่านเฟซบุ๊กไพรวัลย์ วรรณบุตร ความว่า "อาตมาขอประณามเหตุการณ์อันโหดร้ายและป่าเถื่อน ที่กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงได้ใช้อาวุธสงครามกราดยิงพระสงฆ์ที่วัดรัตนานุภาพ จนเป็นเหตุทำให้ท่านเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดีและพระสงฆ์อีก 2 รูป ถึงแก่มรณภาพ
การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจและเลวร้ายเกินวิสัยของมนุษย์ที่ยอมรับได้ เขตพุทธวาส ถือเป็นเขตอภัยทาน และพระสงฆ์ที่มรณภาพ ล้วนเป็นผู้ปราศจากอาวุธในการเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น อาตมาขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติสุขและความปลอดภัยของผู้คนในพื้นที่ ภายใต้ความแตกต่างทางชาติพันธุ์ความเชื่อและศาสนา มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาด้วยความปรารถนาที่จะมีสันติภาพและการดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเป็นปกติสุข ไม่มีใครมีสิทธิ์พรากสองสิ่งนี้ไปจากผู้คนอื่น
สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส
สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยํ
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา
น หเนยฺย น ฆาตเย ฯ
สัตว์ทั้งหมดกลัวโทษทัณฑ์
สัตว์ทั้งหมดรักชีวิตของตน
บุคคลเปรียบตนเองกับคนอื่นอย่างนี้แล้ว
ไม่ควรฆ่าใคร ไม่ควรสั่งใครให้ฆ่าคนอื่น"
พระมหาไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมในเวลาต่อมาว่า ทุกครั้งที่ได้ลงไปทำงานด้านสันติภาพในสามจังหวัด ได้มีโอกาสไปเยี่ยมหลวงพี่หลวงพ่อตามวัดต่างต่าง กับบางรูปอาตมาสัมผัสได้เลยนะว่า ท่านอยู่ด้วยหัวใจและความองอาจกล้าหาญจริงจริง
ทั้งที่บางรูปมีทางเลือกที่จะไปหาที่จำพรรษาที่อื่น ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า แต่ท่านก็ไม่ไป ท่านยังคงเลือกที่จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับฆราวาส
อาตมาได้รู้จักคำว่า ผู้นำทางจิตวิญญาณ จริงจริง ก็เมื่อได้ลงไปที่สามจังหวัดนั่นเอง ในขณะที่พวกเรามีวิถีชีวิตที่เป็นปกติสุข สามารถประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามที่เราต้องการได้ทุกเวลา
แต่กับสามจังหวัดชายแดน บางพื้นที่ทำแบบนั้นไม่ได้ บางวัดพระบิณฑบาตยามเช้าไม่ได้ เวียนเทียนตอนกลางคืนไม่ได้ บางวัดอย่างวัดของอาจารย์พระครูเจ้าคณะอำเภอที่เพิ่งถูกยิงจนมรณภาพ แม้แต่เมรุสำหรับเผาศพก็ยังไม่มี ชาวบ้านต้องก่อกองฟอนเผาศพกันตามมีตามเกิด
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและน่ายกย่องอย่างที่สุด ภายใต้ความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัยในชีวิต ที่นั่นยังคงมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ มีมิตรไมตรี
ที่สำคัญที่สุดแสงประทีปแห่งพุทธธธรรม ยังคงสว่างไสวอยู่ที่ปลายแห่งด้ามขวานตลอดเวลา แม้ว่าจนถึงวันนี้แสงแห่งประทีปนั้นจะกำลังถูกทำให้ริบรี่ลงมากแล้วก็ตาม
ขณะที่พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ รองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้ถวายความอาลัยผ่านเฟซบุ๊ก "Boonlert Chuaythanee" พร้อมข้อความว่า # จะหาสันติได้จากไหน เมื่อยังทำร้ายพระสงฆ์ # ขอถวายความอาลัยอย่างสูงยิ่งแด่ท่านพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กระทรวงกลาโหม กล่าวประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำร้ายและสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์และพระสงฆ์ในศาสนสถานอย่างอุกอาจที่ผ่านมา เพียงเพื่อต้องการสร้างความแตกแยกและแสดงให้สังคมเห็นถึง การยังมีอยู่ของขบวนการหรือองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง ที่ใช้ความรุนแรง สร้างความกลัว เพื่อกดขี่จำกัดสิทธิเสรีภาพของพี่น้องชาวไทยและแสวงประโยชน์ในพื้นที่ พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้คนไทยทุกภาคส่วนและองค์กรที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ได้ร่วมกันประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนดังกล่าวอย่างเปิดเผย
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม.และ รมว.กลาโหม ได้แสดงความเสียใจต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิตของพระสงฆ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง โดย กอ.รมน.ภาค 4 เร่งให้การช่วยเหลือเยียวยาและติดตามขยายผลจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมด มาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยขอให้ดำรงความมุ่งหมายเปิดปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่ต่อเนื่องกันไป ควบคู่กับการเฝ้าระวังและคงเข้มมาตรการป้องกันเชิงรุกในการคุ้มครองดูแลประชาชนเป็นพื้นที่ และให้ขยายผลเปิดเผยพฤติกรรมความเชื่อมโยงของกลุ่มอิทธิพลและผลประโยชน์ในพื้นที่ที่สนับสนุนความรุนแรงและอยู่เบื้องหลังมายาวนาน เพื่อให้สังคมรับรู้และร่วมกันประณามโดยทั่วกัน
ขณะเดียวกัน มีการเผยแพร่แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เรื่อง ประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง กรณีการบุกยิงป้อมชุดรักษาการหมู่บ้านวัดรัตนานุภาพเป็นเหตุทำให้พระภิกษุมรณภาพ และการยิงโต๊ะอิหม่ามรือเสาะเสียชีวิตในจังหวัดนราธิวาส ความว่า
จากเหตุการณ์คนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกยิงป้อมชุดรักษาการหมู่บ้านวัดโคกโกหรือวัดรัตนานุภาพ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ทำให้พระสงฆ์มรณภาพและบาดเจ็บ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๒ และก่อนหน้านี้ปรากฏเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายดอเลาะ สะไร โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านปูโปะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาสเสียชีวิต เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในอันที่จะส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนและปกป้องหลักการเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย อันจะละเมิดมิได้ เห็นว่า ผู้นำทางศาสนาทั้งพุทธและอิสลามที่ถูกพรากชีวิตไป ล้วนเป็นที่เคารพและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของศาสนิกชนซึ่งมิควรที่จะถูกลบหลู่หรือทำร้าย แม้จะมีแนวคิดที่แตกต่างกัน ทั้งสองเหตุการณ์จึงสะท้อนถึงความเลวร้ายที่สังคมมิอาจจะยอมรับ
จึงขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ไร้มนุษยธรรม ผิดต่อกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรมดังกล่าว และขอแสดงความเสียใจยังครอบครัว ญาติมิตร และประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเหตุการณ์อันเศร้าสลดนี้ โดยขอเสนอแนะให้ทุกภาคส่วนคำนึงและปฏิบัติดังนี้
๑. ขอให้ผู้ที่ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงยุติการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ผิดกฎหมาย และละเมิดสิทธิมนุษยชนทันที และได้สำนึกบาปต่อการกระทำดังกล่าว และหันกลับมาสร้างสันติสุข โดยต้องยุติการนำศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง
๒. รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พึงเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว และดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาความเสียหาย ฟื้นฟูจิตใจและความบอบช้ำของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตลอดจนเพิ่มมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย แก่ประชาชนในพื้นที่ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
๓. ประชาชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ควรร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ เฝ้าระวัง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรง การสร้างสถานการณ์ต่าง ที่บั่นทอนขวัญ และทำให้เกิดความหวาดกลัว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการบรรลุเป้าหมายในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กสม. จะติดตามสถานการณ์และตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิด และพร้อมให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสังคมแห่งการเคารพสิทธิมนุษยชนที่จะนำไปสู่การคืนความสงบสุขแก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป