สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯตั้งฉายาคนกีฬา ประจำปี 2561

แห่งประเทศไทย ตั้งฉายา “คนกีฬา” ประจำปี 2561 เพื่อยกย่อง และ หยิกแกมหยอก แบบแสบ ๆ คัน ๆ ตามเหตุการณ์การณ์ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา โดย “บิ๊กอ๊อด” สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับฉายา “ไซด์ไลน์ ไม่อายใคร” ด้านเพื่อนซี้คู่ปรับ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ได้รับฉายา “เจี๊ยบจอมแฉ” ส่วน “เจ้าสัววิชัย” วิชัย ศรีวัฒนประภา ได้รับฉายา “ฮีโร่ของชาวโลก” โดยได้รับการยกย่องและแสดงความอาลัยจากคนทั้งโลก ขณะที่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ ได้รับฉายา “สังเวียนใหม่ไฉไลกว่าเดิม” คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ฉายา “IOC หญิงแกร่งแรงจริง” ฝ่าย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ได้ฉายา “ม้าคะนอง...ก้องหัวหมาก” เอรียา จุฑานุกาล ฉายา “ก้านเหล็กร้อยล้าน” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ฉายา “ลิงน้อย สอย (รางวัล) เรียบ”

นายเอกพงศ์ โพธิ์อ่อง เลขาธิการสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เป็นธรรมเนียมที่สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ ได้ตั้งฉายาให้กับบุคคลในวงการกีฬาเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยคัดเลือกจากบุคคลกีฬาที่มีข่าวฮือฮา หรือมีความโดดเด่นในสายตาของสื่อมวลชนสายกีฬาในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อยกย่อง และหยิกแกมหยอก แบบแสบ ๆ คัน ๆ สำหรับฉายาคนกีฬา ประจำปี 2561 มี 12 ฉายาดังนี้

  1. นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้รับฉายา “ฮีโร่ของชาวโลก” : จากเหตุการณ์ที่ “เจ้าสัววิชัย” ประธานสโมสร “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี ประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก จนเสียชีวิต นับเป็นเหตุการณ์ที่ช็อคแฟนบอลไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม “เจ้าสัววิชัย” ได้รับการยกย่อง และพูดถึงอย่างชื่นชม และมีการแสดงความอาลัยรักจากผู้คนทั่วโลกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนทั้งโลกยกให้ “เจ้าสัววิชัย” และความสำเร็จของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี เป็นแรงบันดาลใจให้กับ ผู้ที่ท้อแท้ และสิ้นหวัง มักจะนำปรากฏการณ์การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่มีอัตราต่อรอง 5,000ต่อ1หรือ เรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ “จิ้งจอกสยาม” ก็ยังทำได้ เพราะฉะนั้นโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ “เจ้าสัววิชัย” จึงจากไปแบบ “วีรบุรุษ” หรือ ฮีโร่ของคนทั้งโลก
  2. “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับฉายา “ไซด์ไลน์ ไม่อายใคร” : หลังจากทีมชาติไทยไม่สามารถคว้าแชมป์อาเซียนได้ดังหวัง แถมทีมชาติทุกชุดก็ตกรอบเรียบ เป็นความตกต่ำของวงการฟุตบอลไทยในรอบ10ปี ซึ่งทำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดนแฟนบอลถล่มยับ โดยในโลกโซเชี่ยลต่างก็ไปขุดคำให้สัมภาษณ์ สมัยที่เป็น ผบ.ตร.ที่ “บิ๊กอ๊อด” เคยยอมรับว่างานตำรวจ “เป็นงานไซด์ไลน์” งานหลักคือเล่นหุ้นและทำธุรกิจ มาเปรียบเทียบกับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่าขนาด เก้าอี้ใหญ่สุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังเป็นงานไซด์ไลน์ เก้าอี้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็คงจะเช่นเดียวกัน

พร้อมกับการที่ “บิ๊กอ๊อด” เคยใหัสัมภาษณ์ตอนทีมชาติไทย บุกไปแพ้ ญี่ปุ่น 0-4 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ว่า “ผมอาย” แต่ขณะที่การตกรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018” ทั้งโลกโซเชี่ยล และสื่อมวลชนพากันถามนายกลูกหนังไทยว่า “ไม่อายหรือ?” ก็ได้รับคำตอบว่า “ไม่อาย” และขอใช้เวลาอีก 20 ปีในการพัฒนาฟุตบอลไทย

  1. “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ได้รับฉายา “เจี๊ยบจอมแฉ” : เจ้าของวลีเด็ด “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” ปีนี้ เกิดขึ้นที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อนายกสมาคมฯ “เพื่อนอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง สั่งปลดเลขาฯ “เพื่อนเจี๊ยบ”พล.ต.ท.พิสัณห์ ออกจากตำแหน่ง ตามมาด้วยการเปิดแถลงข่าวแฉแหลกของ “เลขาฯเจี๊ยบ” ที่นำเอาการใช้เงินที่ไม่โปรงใส ไม่ว่าจะเป็นนายกสมาคมฯ รับเงินเดือน 2ตำแหน่ง ทั้งนายกฯ และประธานบริษัทไทยลีกเป็นเงินเดือนละ 1ล้านบาท รวมทั้ง 2คีย์แมนสำคัญ อย่าง “โจ” พาทิศ ศุภะพงศ์ รองโฆษกสมาคมฯ และ เบนจามิน ตัน ซีอีโอ บริษัทไทยลีก ที่นำภรรยาซึ่งไม่ได้ทำงานให้สมาคมฯ มารับเงินเดือนแทนสามี รวมไปถึงข้อสงสัยในการเชิญทีมต่างชาติมาเตะกับทีมชาติไทย ด้วยค่าใช้จ่ายที่แพงเกินจริง

งานนี้ทำเอาสมาคมฯ ร้อนฉ่าเพราะขนาดเพื่อนรักที่แก้ผ้าอาบน้ำมาด้วยกันตั้งแต่เรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จนถึงการชักนำมาเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตลบอลฯ ยังมาแตกคอกันตอนแก่ ชนิดที่ว่า “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” มีการร้องเรียนกันถึง “ฟีฟ่า” แบบนี้ จึงได้ฉายา “เจี๊ยบจอมแฉ”

  1. “เมซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้รับฉายา “ลิงน้อย สอย (รางวัล) เรียบ” : หลังจากเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ได้ไปค้าแข้งในเจลีก กับสโมสรคอนซาโดเล่ ซัปโปโร แต่ปี 2018 “เมสซี่เจ” ออกตัวด้วยข่าวเลิกรากับแฟนดาราสาว “เมย์” พิชญ์นาฏ สาขากร กลายเป็นมรสุมชีวิตอยู่พักใหญ่ จนหลายคนเป็นห่วงว่าจะกระทบกับผลงานในสนาม แต่นักเตะร่างเล็กกลับพิสูจน์ความแข็งแกร่งของหัวใจด้วยการเค้นฟอร์มอันสุดยอด ยึดตำแหน่งตัวจริงของสโมสรอย่างถาวร และยิงได้ถึง8ประตู สามารถพาต้นสังกัดจากทีมหนีตายจบฤดูกาลด้วยอันดับ4ของตาราง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร นอกจากนั้นยังได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแแห่งปีของสโมสร, เป็นนักเตะอาเซียนคนแรกที่ติด1ใน11ทีมออลสตาร์เจลีก ปิดท้ายด้วยรางวัลนักเตะแห่งปีของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถือว่าเป็นปีทองที่แข้งตัวน้อยสูงเพียง158ซม. สอยเรียบทุกรางวัลแถมค่าตัวยังพุ่งไปถึง200ล้านบาทเลยทีเดียว
  2. “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ได้รับฉายา “ก้านเหล็กร้อยล้าน” : รอบปี 2018 นักกอล์ฟสาวไทยกลับมาทำผลงานสุดยอดอีกครั้ง คว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ได้ถึง 3 รายการ ในจำนวนนี้เป็นแชมป์เมเจอร์รายการที่ 2 ของตัวเองจากศึก “ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น” และกลับไปเป็นมือ 1 ของโลกอีกครั้ง หลังจากที่เคยทำได้เมื่อปีที่แล้ว ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟคนแรกของโลกที่ปิดฤดูกาลด้วยการกวาดรางวัลใหญ่ของแอลพีจีเอทัวร์ได้ครบทุกรางวัล ทั้งรางวัล “แอนนิก้า เมเจอร์ อวอร์ด” สำหรับนักกอล์ฟที่ทำผลงานในรายการเมเจอร์ได้ดีที่สุด, รางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี, รางวัล “แวร์ โทรฟี่” สำหรับสกอร์เฉลี่ยต่ำสุด, ตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินสูงสุด, โบนัส 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากคะแนนสะสม “เรซ ทู ซีเอ็มอี โกลบ” และโบนัส 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ จากการติดอันดับท็อป 10 มากที่สุด 17 ครั้ง จนทางแอลพีจีเอต้องมอบ “ไม้กวาด” ให้โปรเมถ่ายภาพประกอบถ้วยรางวัลทั้ง 6 เพื่อสื่อว่า สามารถกวาดรางวัลได้หมด

สำหรับเงินรางวัลสะสมที่โปรเมทำได้จากรายการต่างๆ ในปีนี้รวม 2,743,949 ดอลลาร์สหรัฐ (90.55 ล้านบาท) เมื่อรวมกับโบนัส 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (36.3 ล้านบาท) ที่ได้จากเรซ ทู ซีเอ็มอี โกลบ และการติดอันดับท็อป 10 มากที่สุด ทำให้เงินรางวัลของโปรเมในปีนี้ทะลุ 100 ล้านบาทไปแล้วเรียบร้อย

  1. คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ได้รับฉายา “IOC หญิงแกร่งแรงจริง” : หลังจากเป็นที่รู้จักในแวดวงกีฬาในฐานะนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ มานานหลายปี ล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว คุณหญิงปัทมาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซีเมมเบอร์ ประจำประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์เป็นไอโอซีเมมเบอร์หญิงคนแรกของประเทศ

มาปีนี้แม้ คุณหญิงปัทมา จะสวมหมวก 2 ใบในวงการกีฬา แต่ก็ยังปฏิบัติภารกิจทั้ง 2 ด้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะการประสานงานกับไอโอซี ซึ่งแทบจะประชุมกันทุกเดือน โดยมีบทบาทในการเชิญ โธมัส บาค ประธานไอโอซี เยือนประเทศไทย และเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนเมษายน 2561 เพื่อหารือเรื่องแนวทางการพัฒนากีฬา รวมถึงประสานงานให้ทีม “หมูป่า อะคาเดมี่” เดินทางไปร่วมชมการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2018 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในเดือนตุลาคม 2561 นอกจากนี้ยังเป็นสื่อกลางนำข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวกีฬาระดับโลกในที่ประชุมไอโอซีมาเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอด้วย

  1. ดร.ก้องศักด ยอดมณี ได้รับฉายา “ม้าคะนอง...ก้องหัวหมาก” : ก่อนหน้า “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) คนที่ 12 จะเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 กกท. ได้เข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้ว่าคนใหม่ โดยมีผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งมากถึง 9 คน ในจำนวนนี้เป็นรองผู้ว่าการ กกท. ที่คลุกคลีกับวงการกีฬามายาวนาน 3 คน ขณะที่คนอื่น ๆ หลายคนเคยผ่านประสบการณ์กีฬามาไม่มากก็น้อย แต่สุดท้ายคณะกรรมการสรรหาฯ ผู้ว่าการ กกท.คนใหม่ ซึ่งมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธาน ได้มีมติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561 เลือก ดร.ก้องศักด เป็นประมุขค่ายหัวหมากคนที่ 13 ชนิดหักปากกาเซียน แหกโผทุกสำนัก

แม้ว่า ดร.ก้องศักด อาจไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านกีฬามาก่อนหน้านี้มากนัก แต่โปรไฟล์ถือว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากเป็นบุตรชายคนที่ 2 ของ ดร.สุวิทย์ ยอดมณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี บุตรสาว จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียนจบนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ได้ทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย เรียนปริญญาโทด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ และจบปริญญาเอกสาขาการจัดการกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเคยทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาแล้ว

ด้วยวัยเพียง 45 ปี “บิ๊กก้อง” อาจจะหนุ่มกับตำแหน่งนี้อยู่มาก แต่ก็มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปวงการกีฬาในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ โดยเน้นการบริหารงานที่ถูกต้อง รัดกุม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน “ม้าหนุ่มที่กำลังคึกคะนองอยู่ในทุ่งหัวหมาก” ซึ่งช่วงเวลา 4 ปีในตำแหน่งผู้นำค่ายหัวหมากนับจากนี้ถึงปี 2565 ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญของ “ผู้ว่าม้ามืด” รายนี้เป็นอย่างดี

  1. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ได้รับฉายา “ปิดทองหลังเวที
” : ความสำเร็จของสมาคมมวยกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย ที่ผ่านมา ปฎิเสธไม่ได้ว่ามาจาก “บิ๊กชาย” นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิตร ในฐานะประธานเทคนิคของสมาคมกีฬามวยฯ เป็นคนรวบรวมหัวใจของนักกีฬาไว้เต็ม ๆ ไม่ว่าจะไปแข่งขันทัวร์นาเม้นท์ไหน เป็นต้องได้เห็นตัวประธานเทคนิคอยู่เคียงข้างนักมวยตลอด เหมือนเงาตามตัว ถึงขนาดนั่งปั้นข้าวเหนียวจิ้มลาบคอยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบเรื่องราวความเป็นอยู่ของนักมวยอยู่ตลอด เรียกว่าเป็นตัวแทนของสมาคม คอยเติมเต็มในทุกสิ่งให้กับนักมวยอยู่ไม่ขาด ทั้งขวัญกำลังใจ และกำลังทรัพย์ ไม่ว่าขาดเหลืออะไรหรือมีปัญหาส่วนตัวตรงไหนขอเพียงบอกก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตลอดเพื่อหวังคลี่คลายปัญหาให้นักมวยในทุกเรื่องได้สบายใจจะได้ทุ่มเทกับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ จนนักมวยต่างยกย่องให้เป็นพ่อคนที่สองไปแล้ว
  2. ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ได้รับฉายา “สังเวียนใหม่ไฉไลกว่าเดิม” : “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น หรือ ส.ต.ต.วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก แชมป์โลกขวัญใจชาวไทย หลังจากประกาศแยกทางกับ “น้องเก๋” พัชรีวรรณ กัณหา อดีตแฟนสาว เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ถัดมาเพียงแค่ 2 เดือน “เจ้าแหลม” ก็เปิดตัวแฟนใหม่ “น้องจ๋า” พรพิมล สารแก้ว สาวสวยจากเมืองชุมพร เจ้าของสวนทุเรียน 60 ไร่ของเมืองชุมพร จากนั้นทั้งคู่ก็ตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่ากันว่าตอนนี้ความรักของคนทั้งคู่หวานชนิดน้ำตาลเรียกพี่ เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนจะเห็นทั้งคู่เดินเคียงข้างจนทำให้หลายคนอิจฉาตาร้อนไปตาม ๆ กัน แถม “เจ้าแหลม” ยังวางอนาคตหลังจากวางมือจากวงการมวยแล้วนอกจากรับราชการที่ใกล้จะเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรเต็มตัวในเร็ว ๆ นี้แล้ว ก็จะทุ่มเทให้กับการทำสวนทุเรียนอย่างเต็มที่ เรียกว่า ชีวิตคู่ครั้งนี้สดใสไฉไลกว่าชีวิตเก่า ๆ เดิม ๆ มากมายก่ายกอง
  3. ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ได้รับฉายา “ตบสาวสะท้านเอเชีย” : แต่ไหนแต่ไรมา ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เป็นหนึ่งในกีฬาที่สร้างชื่อเสียงและสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนกีฬาชาวไทยกับผลงานยอดเยี่ยมในระดับสากล กระทั่งช่วง 2-3 ปีหลังซึ่งกำลังหลักของทีมชาติบางคนเริ่มอำลาทีม อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชจาก “โค้ตอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เป็น “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล รวมถึงการผลักดันนักกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมาเสริมทัพ ยิ่งเวลาผ่านไป ฟอร์มของทีมลูกยางสาวไทยยิ่งลงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะไปพีคสุดยอดในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนสิงหาคม 2561 ทีมตบสาวไทย ซึ่งนำโดย “กัปตันหน่อง” ปลื้มจิตร์ ถินขาว ประเดิมรอบแรกด้วยการเก็บชัย 4 นัดรวด คว้าแชมป์กลุ่มแบบไร้พ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบคู่แข่งสุดแกร่งอย่างญี่ปุ่น 3-0 เซต จากนั้นในรอบก่อนรองชนะเลิศ เอาชนะเวียดนาม 3-1 เซต และที่เรียกเสียงเฮจากคนไทยทั้งประเทศคือการโชว์ฟอร์มสุดยอดคว้าชัยเหนือเกาหลีใต้ ที่มี คิม ยอน คยอง ตัวตบระดับโลกเป็นกัปตันทีม 3-1 เซต สร้างประวัติศาสตร์เข้าชิงชนะเลิศวอลลเลย์บอลเอเชี่ยนเกมส์เป็นครั้งแรก

แม้ในรอบชิงจะพ่ายให้สาวจีนแบบสุดต้าน 3 เซตรวด แต่เหรียญเงินที่ได้มาก็เป็นเหรียญเงินประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นผลงานดีที่สุดเท่าที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยเคยร่วมแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์มา จากเดิมที่เคยได้อันดับ 4-5 เป็นหลัก ก่อนจะมาคว้าเหรียญทองแดงในเอเชี่ยนเกมส์ที่เกาหลีใต้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

  1. “ทีเจ” จาย อังศุธาสาวิทย์ ได้รับฉายา “ยกล้อผงาดแชมป์” : “ทีเจ” หรือ จาย นักปั่นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย ถือเป็นนักปั่นความหวังดวงใหม่ของสมาคมจักรยานและเป็นเด็กสร้างของ “นายพลจอมทุ่มเท” พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมฯ ที่ได้ “จาย” เข้ามาสู่อ้อมกอดแบบเหลือเชื่อจากความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ “จอห์น เมอรี่” โค้ชชาวออสเตรเลีย ที่ยก “จาย” ซึ่งตอนนี้มีดีกรีเป็นถึงแชมป์เยาวชนโลกมาให้ทีมไทยสร้าง และเพียงแค่ครั้งแรกในเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซีย “จาย” ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อคว้าเหรียญทองในประเภทคีรินมาครองชนิดที่สะใจกันทั้งสนาม เมื่อ “จาย” โชว์ความแกร่งด้วยการยกล้อเข้าเส้นชัยเฉือนชนะ อซิซุลฮาสนี อาวัง นักปั่นเจ้าภาพ ดีกรีเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2016 และแชมป์โลก 2017 ชนิดต้องดูด้วยภาพ ไม่เท่านั้นหลังจากเอเชี่ยนเกมส์ จาย ก็ทะยอยเก็บแชมป์จากหลายรายการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญถือเป็นนักปั่นความหวังที่จะลุ้นเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น
  2. ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ได้รับฉายา “ยอดมวยไทยไร้พ่าย” : ตะวันฉาย หรือชื่อจริง จตุคาม เพชรรุ่งเรือง นักชกวัย 20 ปี จาก จ.ชลบุรี ในสังกัดศึกเพชรสุภาพรรณ สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ผงาดก้าวขึ้นเป็นนักมวยเงินแสน ก้าวขึ้นครองรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยมแห่งปี เวทีลุมพินี ก่อนจะประกาศศักดาคว้ารางวัลนักมวยไทยดีเด่นแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทยเมื่อวันกีฬาแห่งชาติ 16 ธันวาคม 2561 ที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก โดยได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานอย่างสมเกียรติด้วย

ตะวันฉาย เปล่งประกายเจิดจ้ามาตั้งแต่เป็นเด็ก ก่อนที่ “เสี่ยแขก” สมชาย เทศรุ่งเรือง หัวหน่าค่าย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม จะเข้าตาในรูปร่างหน้าตา ลีลาการชก แข้งซ้ายอันเฉียบขาด จึงซื้อเข้ามาอยู่ในสังกัด พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “ตะวันฉาย” เพื่อให้คล้องจองกับยอดมวยรุ่นพี่ในสังกัดอีกรายคือ พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม โดย ตะวันฉาย ระเบิดฟอร์มเก่งอย่างต่อเนื่อง ปี 2561 สร้างผลลานชก 8 ไฟต์ชนะทั้ง 8 ไฟต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสยบ “ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย ได้อย่างราบคาบชนิดแฮ็ททริก ถือว่าในพิกัด 136-137 ปอนด์ เขาคือนักชกระดับแนวหน้าที่ได้กลายเป็นนางกวักเรียกแฟน ๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาอันหลบ่อเหลา ฝีมือ เชิงมวยและพลังซ้ายอันเฟอร์เฟ็กซ์ จนสื่อให้สมญานามว่า “ซ้ายเพอร์เฟ็กซ์” เชื่อว่าด่วยอายุยังน้อย เขาจะสร้างผลงาน และกวาดรางวัลเกียรติยศได้ต่อเนื่องอย่างแน่นอน

Political News