สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

นิสสัน และ ฮอนด้า ศึกษาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และการเคลื่อนที่อัจฉริยะ

   บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด (นิสสัน) และบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด (ฮอนด้า) ร่วมแถลงโดยแจ้งว่า ทั้งสองบริษัทฯ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU โดยทั้งสองบริษัทจะเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านของยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และการเคลื่อนที่อัจฉริยะ ด้วยความพยายามในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และทำให้ความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดจากการจราจรเป็นศูนย์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสริมสร้างเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานไฟฟ้าตลอดจนการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ ทั้งสองบริษัทฯ ได้บรรลุความเข้าใจโดยอาศัยความเชื่อที่ว่า จำเป็นต้องรวมจุดแข็งของแต่ละบริษัท พร้อมกับการสำรวจความเป็นไปได้ของความร่วมมือที่จะสามารถเกิดขึ้นในอนาคตทั้งนี้ขอบเขตของการศึกษาความเป็นไปได้ประกอบด้วย แพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ ของยานยนต์ ส่วนประกอบหลักที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์เสริมอื่นๆ

   นายมาโกโตะ อูชิดะ ประธาน และซีอีโอ นิสสัน มอเตอร์ จำกัด  (Makoto Uchida, president and CEO Nissan Motor Co., Ltd.) กล่าวว่า “การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในระยะกลางถึงระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวบนพื้นฐานความเข้าใจร่วมกันว่า ฮอนด้า และนิสสัน จะเผชิญกับความท้าทายร่วมกัน เรารอคอยที่จะหารือเพิ่มเติมพร้อมมุ่งมั่นที่จะค้นหาผลลัพท์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ หรือ win-wins สำหรับการสร้างความยั่งยืน”

   นายโทชิฮิโระ มิเบะ กรรมการบริษัทฮอนด้า ประธาน และผู้แทนเจ้าหน้าที่บริหาร ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด (Toshihiro Mibe, Honda director, president and representative executive officer) กล่าวว่า “ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษนี้ เราจะตรวจสอบศักยภาพในการเป็นหุ้นส่วนระหว่างนิสสัน และฮอนด้า เกณฑ์ของการศึกษาของเราคือการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยี และความรู้ที่บริษัทของเราได้สั่งสมมา จะช่วยให้เราเป็นผู้นำอุตสาหกรรมโดยการสร้างมูลค่าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์หรือไม่”

   ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube

Political News