สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

กรุงศรี ออโต้ สนับสนุนเตาเผาไฟฟ้าปลอดฝุ่น PM 2.5 ส่งเสริมชุมชนยั่งยืน

   มลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมลพิษเหล่านี้ไม่ได้เกิดสิ่งที่ไกลตัวอย่างโรงงานอุตสาหกรรม หรือการเผาทางการเกษตรเท่านั้น แต่ยังมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงกิจกรรมที่จะส่งผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้ายอย่างการเผาศพ ซึ่งปัจจุบันถือว่าเตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม ทั้งวัดและชุมชนจึงเริ่มมีความตื่นตัวในเรื่องของเตาเผาศพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

   ปัญหาเรื่องเขม่าควันและมลพิษจากการเผาศพเป็นประเด็นที่มีการร้องเรียนอยู่เป็นระยะ เนื่องจากผู้คนในสังคมไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ การจัดพิธีศพจึงทำโดยการเผาเป็นหลัก

   ปัจจุบันทั่วประเทศไทยมีเตาเผาศพประมาณ 25,000 เตา* บางวัดยังใช้เตาเผาที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเตาเผามาตรฐานระดับที่ 1 เป็นห้องเผาที่ใช้ถ่าน ไม้ และฟืน เป็นเชื้อเพลง ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ และมีประสิทธิภาพในการควบคุมมลพิษต่ำ  ก่อให้เกิดกลิ่น ควัน ฝุ่นละออง PM2.5  ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และขี้เถ้าจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงซึ่งมาจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์หรืออุณหภูมิไม่สูงพอ การเผาศพหนึ่งครั้งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 113 กิโลกรัม** เทียบเท่าได้กับการขับขี่รถยนต์เป็นระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนในบริเวณใกล้เคียง

   วัดห้วยหินฝนเป็นวัดในชุมชนที่ใช้เมรุหลังเดิมมานานหลายสิบปี นอกจากปัญหาควันและกลิ่นจากระบบการเผาด้วยฝืนแล้ว ปัญหาโครงสร้างที่ทรุดโทรมของเมรุที่ส่งผลต่อการใช้งานก็เริ่มยากที่จะแก้ไข

   ดร.พระศรีสัจญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดห้วยหินฝน ได้กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ทางวัดพยายามที่จะซ่อมแซมอยู่ตลอด โดยเฉพาะยอดเมรุที่ผุพังจนทำให้ควันจากการเผาลอยต่ำลงมาถึงพื้นถึงชุมชน ยิ่งในวันที่มีลม ชาวบ้านจะต้องรับมือทั้งกลิ่นและควันเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ก็ได้แค่แก้ปัญหาไปเรื่อย ๆ เพราะต้องใช้งบประมาณเยอะมาก ต่อให้วัดจัดทอดผ้าป่าก็คงจะใช้เวลา 3 – 4 ปีกว่าจะได้ปัจจัยมา การที่ทาง กรุงศรี ออโต้ ได้ยื่นมือเข้ามาสนับสนุนการสร้างเมรุใหม่ ผ่านพิธีทอดกฐินของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

   ในปีนี้ นอกจากทางวัดและชุมชนจะได้เมรุใหม่มาทดแทนหลังเดิมที่ผุพังแล้ว ยังได้เปลี่ยนเตาเผาให้เป็นระบบไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสำนักสงฆ์ที่ต้องการจะลดการก่อมลพิษจากการเผาศพ และลดผลกระทบต่อคนในชุมชนได้อีกด้วย”

   นางพราวนภา ทับทอง ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลวังทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า “เมรุเดิมที่วัดนอกจากจะทรุดตัวแล้ว ปล่องยังตัน ทำให้ควันลอยลงข้างล่าง สร้างมลพิษและกลิ่นให้กับชาวบ้านในพื้นที่รอบข้างเป็นอย่างมาก เตารูปแบบเดิมใช้เวลาเผานานประมาณ 3-4 ชั่วโมง และต้องพักเตาอีก 10 ชั่วโมงถึงจะใช้ได้อีกครั้ง ทุกวันนี้ทางวัดต้องลดจำนวนการเผาศพลง หากวัดได้เปลี่ยนมาใช้เตาไฟฟ้า ที่ใช้เวลาเผาแค่ 1 ชั่วโมง และใช้งานได้ต่อเนื่องไม่ต้องพักเตา ก็จะช่วยลดเรื่องมลพิษและกลิ่น ช่วยเบาแรงสัปเหร่อ ไม่มีเศษขี้เถ้า รู้สึกดีใจที่วัดจะได้รับการซ่อมแซมเมรุใหม่ในครั้งนี้”

   “เมรุที่วัดห้วยหินฝนทรุดโทรมมากทั้งโครงสร้างและระบบการเผา ชาวบ้านหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเมรุที่วัดใช้งานไม่ได้และจำเป็นต้องจัดงานศพ จะต้องเดินทางข้ามหมู่บ้านไปกว่า 5 กิโลเมตร สร้างความลำบากในการเดินทาง ถ้าวัดได้ซ่อมแซมเมรุก็จะทำให้ชาวบ้านคลายกังวลในเรื่องการเดินทางและปัญหาควันและกลิ่นที่ทุกคนในชุมชนต้องประสบทุกครั้งที่มีงาน” นายบำรุง จันดา ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงวัดห้วยหินฝน กล่าวเสริม

   ด้วยแนวคิดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ‘กรุงศรี ออโต้’ ได้ตระหนักถึงปัญหามลพิษทางอากาศและต้องการที่จะส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน จึงได้ระดมบุญจากพนักงานและพันธมิตรทางธุรกิจในพิธีทอดกฐินของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประจำปี 2566 เพื่อสร้างเมรุใหม่ สำหรับรองรับเตาเผาไฟฟ้าไร้มลพิษแทนที่เตาเผาระบบฟืนแบบเดิม ณ วัดห้วยหินฝน ตำบลวังทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Social) และการมีธรรมภิบาล (Governance) สอดคล้องกับนโยบายของ กรุงศรี กรุ๊ป กับเป้าหมาย Krungsri Race to Net Zero เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 อีกด้วย 

 

Political News