สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ยืนแป้นที่แดนอิเหนา เป้าหมายใหญ่ของเอสซีจี อะคาเดมี่ ในเอเชี่ยนเกมส์

การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน ซึ่งเหลือเวลาเพียงไม่นาน ที่นักกีฬาทีมชาติไทยจะต้องรับใช้ชาติกันอีกครั้ง

แบดมินตันเป็นอีกหนึ่งกีฬาความหวังเหรียญของไทย อย่างไรก็ตามในเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทัพตบขนไก่ไทยไม่มีเหรียญรางวัลติดมือกลับบ้าน ทำให้ครั้งนี้การเตรียมพร้อมและความมุ่งมั่นของทุกคนเข้มข้นกว่าเก่า เพื่อที่จะอุดรูรั่วที่เคยเจอมาเมื่อในอินชอนเกมส์

สำหรับเอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่ มีนักตบขนไก่ 4 คนที่ร่วมทีมชาติไทยไปลุ้นเหรียญรางวัลในครั้งนี้ คือ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์, “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน, “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล โดยมี “โค้ชโอม” เทศนา พันธ์วิศวาส ร่วมเป็นหนึ่งในสต๊าฟโค้ชในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้

"โค้ชโอม" กุนซือใหญ่แคมป์เอสซีจี กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเพื่อมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของชาวเอเชียว่า เอเชี่ยนเกมส์เป็นเป้าหมายใหญ่ที่สุดของเอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่ ในปีนี้ ถึงแม้ว่าการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2018 ที่เมืองนานจิง ประเทศจีน จะแข่งขันก่อนเอเชี่ยนเกมส์ 2 สัปดาห์ แต่ก็ได้ให้น้ำหนักไปที่เอเชี่ยนเกมส์มากกว่า เพราะ 4 ปีมีครั้ง การได้เหรียญรางวัลในมหกรรมกีฬาให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับนักกีฬาคนหนึ่งที่รับใช้ทีมชาติ

หัวหน้าผู้ฝึกสอนของเอสซีจี อะคาเดมี่บอกอีกว่า ช่วงที่ผ่านมามีแบดมินตันอาชีพรายการใหญ่ให้แข่งขันติดต่อกันถึง 4 รายการ ที่มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย ปิดท้ายที่สิงคโปร์ ไม่ใช่แค่ให้ร่างกายนักกีฬาพร้อมที่สุดในการแข่งขันแต่ละแมตช์ แต่ต้องฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับมือกับศึกชิงแชมป์โลกและเอเชี่ยนเกมส์

โค้ชโอมยอมรับว่า ทรัพย์สิรีที่บาดเจ็บมาก่อนหน้านี้ ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ กิตตินุพงษ์ที่กรำศึกหนักมาตลอด จนต้องถอนตัวในหลายรายการหลัง เพราะใช้ร่างกายหนักเกินไป

ด้านบาสบอกว่า การเตรียมตัวสำหรับเอเชี่ยนเกมส์นั้น ก็ทำเหมือนแข่งขันในรายการต่างๆ เพราะตัวเองเต็มที่กับการซ้อมและแข่งขันทุกรายการมาโดยตลอด ไม่กลัวคู่แข่งจากประเทศไหนเลย เนื่องจากตอนนี้เมื่อปอป้อหายเจ็บก็กลับมาเล่นกันได้เข้าขากันเหมือนเดิม จะประสบความสำเร็จขนาดไหนต้องดูสถานการณ์ในการแข่งขันจริง ว่าจะเจออะไรบ้าง แต่ไม่พยายามกดดันตัวเอง

ขณะที่สกายกล่าวถึงสภาพร่างกายของตัวเองก่อนจะต้องบู๊ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ว่า หลังจากได้พักมาติดต่อกันหลายสัปดาห์ทำให้ร่างกายพร้อมมากขึ้น ช่วงนี้จึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายเป็นหลัก และพยายามดูแลร่างกายไม่ให้มีอาการเจ็บเพิ่มเติม ฝึกซ้อมให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองมากที่สุด รวมทั้งสร้างความมั่นใจและฮึกเหิมในการรับใช้ชาติ

ปอป้อ นักตบขนไก่หน้าหวานที่เพิ่งฟื้นจากอาการเจ็บมาไม่นาน เปิดเผยว่า ตั้งแต่กลับมาแข่งขันได้ก็พอใจกับผลงานโดยรวมของตัวเอง สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในรายการใหญ่ที่สิงคโปร์ได้ แต่ก็ต้องพยายามระวังไม่ให้อาการเจ็บกลับมารบกวนอีก สำหรับอันดับโลกประเภทคู่ผสมกับเดชาพล ในช่วงที่เจ็บตกลงไปจนถึงที่ 62 ของโลก แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ในท็อป 20 ได้อีกครั้ง พยายามจะกลับมาให้ติดท็อป 10 ของโลกให้ได้

“ตอนนี้อาการเจ็บลดน้อยลงเรื่อยๆจนเกือบสมบูรณ์และปรับการซ้อม การแข่งให้เหมาะสมมากขึ้น เรื่องของผลงานพอใจกับทุกรายการ โดยเฉพาะอูเบอร์คัพ(แบดมินตันชิงแชมป์โลกประเภททีมหญิง) ที่ช่วยทีมชาติให้ได้รองแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทุกรอบหนักเหมือนกันหมด หวังว่าจะสามารถช่วยกันทำได้ดีอีกในประเภททีมหญิงที่เอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งปอป้อเชื่อว่าไทยมีโอกาสที่ดีที่จะไปถึงเหรียญทอง” ทรัพย์สิรีกล่าว

มาถึงเอิร์ธ นักตบร่างโย่งที่ช่วงหลังไปจับคู่กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน รุ่นน้องในอะคาเดมี่ ก็ยอมรับว่ายังต้องปรับตัวอีกมากพอสมควร เนื่องจากต้องคอยช่วยคุมเกมน้อง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการแข่งขันมากขึ้น ทำให้มีพัฒนาการที่ดีทั้งในด้านร่างกาย รับมือความกดดัน และเกมการเล่นที่เปลี่ยนไป รวมทั้งยังได้กลับมาเล่นคู่กับทรัพย์สิรีในอูเบอร์คัพอีกครั้ง ก็ยังประสานงานกันได้ดี ในเอเชี่ยนเกมส์จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดถ้าได้รับเลือกให้ลงเล่น แต่ทุกอย่างต้องให้เป็นเรื่องการวางแผนของโค้ช

“ตอนนี้เดินหน้าไปตามแผนที่โค้ชวางไว้ เพราะสิ่งที่โค้ชเห็น เราเองอาจจะไม่เห็น ส่วนตัวมีชื่อในประเภททีมหญิงเอเชี่ยนเกมส์ ก็อยากลงเล่น แต่ต้องดูว่าแผนที่วางไว้จะเป็นอย่างไร เมื่อถึงเวลาที่ได้รับโอกาสก็ต้องลงไปสู้อย่างเต็มที่”

ปิดท้ายที่โค้ชโอม ถามถึงเป้าหมายของนักตบขนไก่เอสซีจี อะคาเดมี่ ในการรับใช้ชาติในเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 โค้ชโอมตอบสั้นๆ ว่า มั่นใจว่าจะได้เห็นลูกศิษย์ของตัวเอง “ยืนแป้น” ในเอเชี่ยนเกมส์

“ผมมั่นใจว่า 4 คนนี้จะต้องมีใครได้เหรียญ อาจจะคนเดียว หรืออาจจะทั้งหมด แต่มั่นใจว่ามีเหรียญแน่นอน”

การเตรียมการระยะยาว ความจริงจัง ทำงานหนัก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของโค้ชและนักกีฬาชุดนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อความสำเร็จ ชื่อเสียง และเกียรติยศของตัวเอง แต่ทุกคนทำเพื่อความสุขของคนไทย ที่จะได้ยิ้มกับความสำเร็จของทีมแบดมินตันทีมชาติไทย ในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้.

Political News