สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ราคาน้ำมันโลกที่พุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ของธนาคารกลางสหรัฐ ภาวะเงินเฟ้อ และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Digital Economy แบบสุดตัว เป็นโอกาสและความท้าทายที่นักลงทุนไทยต้องเตรียมพร้อมและรับมือให้ทันในปีนี้ ซึ่งเหล่ากูรูด้านการเงินการลงทุนได้มาเผยทิศทางและให้คำแนะนำภายในงานสัมมนาออนไลน์ “THE WISDOM The Symbol of Your Vision: Game Changer แก้เกมการลงทุน ปรับทัพรับดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศ”
ดร.พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า นับจากต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดของปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับยูเครนและชาติตะวันตก ส่งผลต่อราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนทั่วโลก สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และกดดันให้เงินเฟ้อมีโอกาสทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปถึงช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2565 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทบทวนประมาณการจีดีพีใหม่ มาอยู่ที่ 2.5% จากเดิมเมื่อปลายปี 2564 ที่เคยมองว่าจะขยายตัว 3.7%
เศรษฐกิจโลก-ไทย ยังไปได้...ลุ้นจุดจบรัสเซีย-ยูเครน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2565 จะขยายตัว 4.4% ชะลอลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย โดยสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญ ซึ่ง ดร.ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ว่า แนวโน้มที่จะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สงครามจะมีความยืดเยื้อตลอดทั้งปี
สหรัฐอเมริกา: อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้อยู่ที่ 2.8% แม้จะต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่ง 7.9% ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีและตลาดแรงงานที่ร้อนแรงก็ตาม โดยได้รับผลกระทบจากสงครามค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
ยุโรป: มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากภูมิภาคนี้
จีน: ปัจจัยสำคัญที่จะกระทบภาคเศรษฐกิจไม่ใช่สงคราม แต่อยู่ที่เรื่องการระบาดของ COVID-19 ที่ตอนนี้ 20 ภูมิภาคสำคัญ ซึ่งคิดเป็น 70% ของ GDP ประเทศ กำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่ โดยจีนตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 5.5% ต่อปี
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นสูงนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ เนื่องจากต้องนำเข้าถึง 90% และจะผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และทำให้ GDP ลดลง อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกยังคงเป็นพระเอก ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตที่ดี และยังไม่ต้องกังวลมากนัก หากสงครามจำกัดเฉพาะอยู่ในรัสเซียและยูเครน ไม่ได้ขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในยุโรป เนื่องจากสัดส่วนรวมกันของสองประเทศนี้ยังไม่ถึง 0.5% ของการส่งออกของไทย
4 เทรนด์แรงที่นักลงทุนต้องจับตา!
ในแง่ของการลงทุน ต้องมองในเรื่องของสงครามการเงินด้วย นอกเหนือจากสงครามทางกายภาพที่เป็นการสู้รบ ซึ่ง นางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group, ธนาคารกสิกรไทย ชี้ให้เห็นว่า ในปีนี้มีแนวโน้มสำคัญ 4 ประการที่นักลงทุนต้องติดตามให้ทัน ได้แก่
- สงครามรัสเซีย-ยูเครน จะจบอย่างไร จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เช่น มาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ การให้เลิกใช้ระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ SWIFT และการกีดกันทางการค้า
- การปรับลดตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจ ตัวเลข GDP ทั้งโลกจะถูกปรับลงหนักแค่ไหน เมื่อราคาน้ำมันพุ่งสูง จะมีการปรับเงินเฟ้อพุ่งไปอีกแค่ไหน และสถานการณ์ COVID-19 ที่จีน จะยิ่งซ้ำปัญหาของห่วงโซ่ซัพพลายมากแค่ไหน
- นโยบายการเงิน หากสงครามยืดเยื้อ ธนาคารกลางทั่วโลกจะอดทนมากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะมีการขึ้นดอกเบี้ยในลักษณะที่ขึ้นช้าและขึ้นน้อย
- นโยบายการคลัง ต้องติดตามว่าประเทศต่าง ๆ จะมีการใช้จ่ายด้านการคลังอย่างไร จะมีแพ็กเกจหรือโปรแกรมแบบไหนออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยกลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดในวันนี้คือ การกลับมาดูพอร์ตของตัวเอง ซึ่งหากลงทุนเต็มและมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ควรกอดพอร์ตไว้แน่น ๆ อย่าหวั่นไหว ส่วนคนที่มีเงินสดควรกระจายการลงทุนด้วยการทยอยซื้อหุ้น กองทุนตราสารหนี้และทองคำ เพราะช่วงที่ตลาดลงแบบนี้ถือเป็นโอกาสของคนที่มี Cash นั่นเอง
Cryptocurrency…ผันผวนสูง แต่ยังแข็งแกร่ง
ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในการนำ Cryptocurrency มาใช้ โดยมี COVID-19 เป็นตัวกระตุ้นหลัก ซึ่งนายสัญชัย ปอปลี ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยแห่งประเทศไทย ฉายภาพให้เห็นว่า ในช่วงประมาณปี 2561 – 2562 ตัวเลขคนเทรดในตลาด Cryptocurrency ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณหลักแสนคน แต่ทุกวันนี้พุ่งขึ้นถึง 2 ล้านคน เติบโตประมาณ 20 เท่าภายใน 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นอัตราเติบโตที่สูงมาก และคาดว่าจะขยายตัวได้อีก โดยทิศทางของ Cryptocurrency ที่จะเห็นในปีนี้ ได้แก่
ขยับจากเฉพาะกลุ่มสู่การใช้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการลงทุน แต่ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องของไลฟ์สไตล์ ศิลปะ และเกม ซึ่งศิลปินและเกมเมอร์เริ่มเข้าสู่โลก Digital Asset มากขึ้น โดยมี NFT หรือ Cryptocurrency เป็นตัวเชื่อม
บริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนใน Cryptocurrency มากขึ้น
หลายประเทศทั่วโลกกำลังมองถึงการเปลี่ยนตัว Bitcoin ให้สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) ได้ในประเทศ หลังจากที่ประเทศเอลซัลวาดอร์เป็นชาติแรกของโลกที่ประกาศใช้เมื่อปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อยากจะเข้ามาลงทุนในตลาดนี้ ต้องรู้ก่อนว่า Cryptocurrency มีความผันผวนสูง และต้องคอยมอนิเตอร์ทุกอย่างตลอดเวลา เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างเร็ว รวมถึงมีหลายปัจจัยและข้อมูลที่ต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ ซึ่งจะใช้กรอบการลงทุนแบบในหุ้นหรือกองทุนรวมมาใช้ใน Cryptocurrency ไม่ได้
Digital Token มิติใหม่แห่งการลงทุน
กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากสำหรับ Digital Token (โทเคนดิจิทัล) สินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยนางสาวอภิญญา เรืองทวีคูณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด อธิบายว่า Digital Token ในประเทศไทย จะเป็นเหรียญที่ออกด้วยบริษัทคอร์ปอเรตหรือบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- โทเคนเพื่อการลงทุน (Investment Token) เป็นประเภทโทเคนที่ผู้ออกมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุน เพื่อมาร่วมลงทุนในตัวโครงการที่เขานำเสนอ ซึ่งอาจกำหนดสิทธิในการร่วมลงทุนเป็นสิทธิในส่วนแบ่งรายได้หรือเงินปันผล นับเป็นช่องทางใหม่ในการระดมทุนและรูปแบบใหม่ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
- โทเคนเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) เป็นประเภทโทเคนที่ให้ผู้ถือมีสิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ผู้ออกนำเสนอ เช่น สิทธิการเข้าพักที่โรงแรม สิทธิรับส่วนลดต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะเปลี่ยนการถือครองให้เป็นแบบดิจิทัล เพื่อให้ใช้ได้สะดวกขึ้น
ทั้งนี้ เนื่องจาก Digital Token เป็นอุตสาหกรรมใหม่ นักลงทุนจึงควรทำความเข้าใจในตัว Token หรืออุตสาหกรรมที่จะเข้าไปให้ดี รวมถึงควรติดตามข้อมูลข่าวสาร กฎระเบียบ ภาษี และการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตลอดเวลา โดยสินทรัพย์ทางเลือกประเภทนี้สามารถที่จะสร้างโอกาสให้ทั้งฝั่งผู้ออกเหรียญและผู้ที่เป็นนักลงทุน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Keeping track of 2022 economic outlook and future of investment
The Russia-Ukraine conflict, the spike of global oil prices beyond 100 USD/barrel, the hike of the US policy rate by 25 basis points, accelerating inflation and the transition to the full-fledged digital economy – all of these are both opportunities and challenges which Thai investors should brace for this year. Against this backdrop, various financial and investment gurus have recently shed light on the global economic and investment trends while providing insights and advice during the online seminar entitled, “THE WISDOM The Symbol of Your Vision: Game Changer”.
Dr. Pipatpong Poshyanonda, President of KASIKORNBANK, said that since early March, gold prices have risen unabated, while stock and forex markets worldwide have been on a volatile course due to the intensified conflict between Russia and Ukraine as well as other Western countries. This crisis has hindered the Thai economic recovery while also pressuring inflation, which may remain at high levels throughout the second half of this year. Therefore, KASIKORN RESEARCH CENTER (KResearch) has downgraded its GDP growth projection to 2.5 percent, compared to the previous estimate of 3.7 percent made at the end of 2021.
Global and Thai economy continue to enjoy growth…forecasts hinge upon the course of the Russia-Ukraine crisis
The International Monetary Fund (IMF) has forecast that the global economy may grow 4.4 percent, slightly decelerating from last year. The Russia-Ukraine crisis will be a major factor. Dr. Don Nakornthab, Senior Director, Financial Stability Department, Bank of Thailand, holds the view that the Russia-Ukraine war is most likely to be protracted throughout this year.
US: Economic growth is set to stand at 2.8 percent in 2022 even though it may contend with rising interest rates and a soaring inflation rate of 7.9 percent – the highest level in 40 years – amid the heated employment market. The US economy may be quite resilient to the Russia-Ukraine war, as it is one of the world’s largest oil producing countries.
Europe: The European economy is set to plunge into a recession, as it is heavily reliant upon oil and natural gas from the warring factions.
China: The Chinese economy is projected to be impacted chiefly by the COVID-19 outbreak, not the Russia-Ukraine war. Currently, as many as 20 major regions of the mainland – accounting for 70 percent of its GDP – are grappling with the outbreak. Chinese authorities have set its economic growth target at 5.5 percent for this year.
Skyrocketing oil prices are set to hurt the Thai economy in 2022 because the country must import 90 percent of its
oil. As a result, inflation will increase, and GDP growth will decline. However, the export sector will continue to serve as a driver for the Thai economy, as it exhibits a promising outlook. There should be no cause for concern about Thai exports, as long as the war is limited to Russia and Ukraine or does not spread across Europe, because Thai shipments to Russia and Ukraine amount to less than 0.5 percent of Thailand’s total exports.
Close attention must be paid to four hottest trends
In terms of investment, aside from an investment war, one must keep an eye on a physical war or a battle. Ms. Siriporn Suwannagarn, CFA, CFP ®, Senior Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group, KASIKORNBANK, said that investors must monitor four important trends, as follows:
- Russia-Ukraine war: How will the war end, and how long will it last? Investors must keep an eye on related factors such as sanctions, the cancellation of SWIFT, and trade barriers.
- Downgrade of economic growth forecasts: How much will global GDP growth be trimmed when oil prices and inflation rates worldwide keep rising? How will the COVID-19 situation in China exacerbate supply chain problems?
- Monetary policy: If the Russia-Ukraine war continues unabated, will central banks worldwide be more patient? It is expected that they will only gradually increase their policy rates, at a slow rate.
- Fiscal policy: Close attention must be paid to fiscal spending of various countries, and whether or not they will introduce new economic stimulus packages or programs.
Today’s best investment strategy is to look at your portfolios once more. If you put all your money in investment and have sound risk diversification, you should keep your portfolios intact and do not panic. Those having cash should diversify their investment by gradually purchasing stocks, fixed-income funds and gold, because the current downward trends in these markets offer opportunities for those with cash.
Cryptocurrency remains highly volatile despite its robustness
Since 2000, there has been a substantial change seen in the use of cryptocurrency, triggered primarily by COVID-19. Mr. Sanjay Popli, Co-founder, Cryptomind Group and Advisor, THAI DIGITAL ASSET ASSOCIATION, said that there were only hundreds of thousands of traders in the Thai cryptocurrency scene during 2018-2019, but that number has surged by about 20x over the course of two and a half years, which is considered a high rate, and it is set to grow further. Cryptocurrency will tend to see the following trends in 2022:
Its usage will shift from specific groups to a wider audience that is not limited to investment but extends into lifestyle, arts and gaming. For this reason, an increasing number of artists and gamers have ventured into the world of digital assets.
Major companies will gravitate more towards investing in cryptocurrency.
Many countries worldwide are considering the adoption of Bitcoin as legal tender, after El Salvador became the first country in the world to officially implement such usage last year.
However, persons interested in making an investment in this market should first be aware of the highly volatile nature of cryptocurrency and consistently monitor its movements as changes can happen quite rapidly. Many factors and data should be taken into careful consideration. The frameworks used for investing in stocks and/or mutual funds cannot be applied to cryptocurrency.
Digital Tokens: New Dimension of Investment
Digital tokens are currently attracting much attention as a new form of digital asset that can help to diversify portfolio risks. Ms. Apinya Ruangthaveekoon, Managing Director of Kubix Digital Asset Co., Ltd., explained that Thailand’s digital tokens are ‘coins’ issued by large domestic corporations or companies, and can be divided into two types, namely:
- Investment Token: This type of token is issued for fundraising purposes to encourage investment in a program introduced by the issuer. The benefits of joining this investment scheme may be to partake in a share of the program’s revenue or dividend. Thus, it represents a new channel for raising funds and a new way of tapping into sources of capital.
- Utility Token: This type of token offers its holders the benefit of receiving the goods/services provided by the issuer, for instance, hotel stays and discounts at department stores. Holdings will thus become digitized for the owners’ greater convenience.
Since digital tokens are a relatively new industry, investors should familiarize themselves with the tokens and/or industries that they plan to enter, while keeping track of information, news, rules and regulations, tax and relevant changes at all times. This type of alternative asset is expected to generate opportunities for issuers and investors alike.
