สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ซิตี้แบงก์ เผยทิศทางเศรษฐกิจปี 65 คาดจีดีพีโลกโต 3.8%จับตานโยบายการเงินเข้มงวด - เงินเฟ้อ

  • ซิตี้แบงก์ แนะ 3 ธีมการลงทุนในปี 65 ได้แก่ Long term leaders – เน้นการลงทุนในกลุ่มผู้นำระยะยาวที่ผลตอบแทนได้ดีและสม่ำเสมอ อาทิ กลุ่มไอทีเทคโนโลยี สุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภค Beat the cash thief - ลงทุนกลุ่มตราสารหนี้ผลตอบแทนได้ดีในตลาดเกิดใหม่เอเชีย ตราสารหนี้ไฮยีลด์ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา และ Unstoppable trends – เทรนด์การลงทุนที่มาแรงต่อเนื่องคือกลุ่มพลังงานสะอาด เทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชัน ตลอดจนเฮลธ์แคร์
  • นักวิเคราะห์ ประมาณการปี 2565 ผลตอบแทนหุ้นทั่วโลกโดยรวมอยู่ที่ 7-8% ในขณะที่ผลตอบแทนตราสารหนี้คาดการณ์ที่ -1% ถึง 0%  เน้นเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่โดยมุ่งไปที่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และใช้ตลาดทุนเพิ่มผลตอบแทนจากการถือครองเงินสดหรือตราสารหนี้

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เผยข้อมูลคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2565 ยังคงไม่กลับไปยังจุดก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่จะไม่มีการหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจอีก โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มชะลอตัวโดยจะขยายตัวอยู่ที่ราว 3.8% ส่วน สหรัฐฯ และจีน คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ราว 3.5% และ 4.5% ตามลำดับ เนื่องด้วยหลายประเทศมีเปลี่ยนแปลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินเข้มงวด ในขณะที่ภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์ซิตี้มีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฏจักรในอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแนะนำกระจายการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย อาทิ กลุ่มการดูแลสุขภาพ กลุ่มพลังงาน เทคโนโลยี และเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชัน เป็นต้น พร้อมกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อลดความผันผวน เช่น ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่เอเชีย ตราสารหนี้ไฮยิลด์ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา โดยเน้นที่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในตลาดเอกชนที่มีความเสี่ยงต่ำ และใช้ตลาดทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทน พร้อมกันนี้แนะนำให้นักลงทุนเฝ้าติดตามความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว

ทั้งนี้ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้จัดงานสัมมนาออนไลน์  “Citigold Annual Outlook 2022” แถลงข้อมูลทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2565 เมื่อเร็ว ๆ นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หรือ www.citibank.co.th 

มร.เคน เพ็ง นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก ปี 2565 นักวิเคราะห์ซิตี้คาดการณ์ว่าจะไม่กลับไปยังจุดก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่ก็จะไม่มีการหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน แม้ว่าทั่วโลกจะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน โดยนักวิเคราะห์ซิตี้คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2565 มีแนวโน้มชะลอตัว โดยจะขยายตัวอยู่ที่ราว 3.8% เนื่องด้วยหลายประเทศมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น มาตรการการชดเชยทางการเงินขนาดใหญ่จากผลกระทบของโควิด-19 ธนาคารกลางในประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังลดทอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE (Quantitative Easing) รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใน 2 ปีต่อจากนี้ ตลอดจนธนาคารกลางตั้งเป้าที่จะให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นปานกลางในระยะยาว เป็นต้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ราว 3.5% โดยได้รับอานิสงส์จากภาคบริการที่กลับมามีความแข็งแกร่ง ในขณะที่ภาคการผลิตยังได้รับผลกระทบจากแรงลมหนุนท้าย (tailwind) ส่วนประเทศจีนคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอยู่ที่ 4.5% โดยมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมาตรการควบคุมในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งสินค้าออกไปยังจีน และในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์บางส่วน

ด้านกำไรต่อหุ้นทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 53% ในปี 2564 น่าจะเติบโตช้าลงเป็น +7 ถึง 8% ภายในปี 2565-2566 ในส่วนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (10-year US Treasuries) จะเพิ่มผลตอบแทนเป็น 2.1% ภายในสิ้นปี 2565 แม้ว่าโควิดอาจทำให้อัตราผลตอบแทนปกติช้าลง นอกจากนี้นักวิเคราะห์ซิตี้ประมาณการผลตอบแทนหุ้นทั่วโลกในปี 2565 อยู่ที่ 8% ในขณะที่ผลตอบแทนตราสารหนี้คาดว่าจะอยู่ที่ -1% ถึง 0% อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันตลาดเพิ่มเติมได้ เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีน หรือความสัมพันธ์สหรัฐ - รัสเซียที่อาจเลวร้ายลง ดังนั้นนักลงทุนควรจับตาประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว

ทั้งนี้แม้ว่าภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์ซิตี้มีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฏจักรในอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเล็งเห็นโอกาส โดยเน้นที่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และใช้ตลาดทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการถือครองเงินสดหรือตราสารหนี้ ดังนั้นแนะนำกระจายการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย โดยกลยุทธ์การลงทุนในปี 2565 สามารถแบ่งเป็น 3 ธีมการลงทุนด้วยกัน ประกอบด้วย

  • Long term leaders – เปลี่ยนการลงทุนระยะสั้นเป็นการลงทุนในกลุ่มผู้นำระยะยาว แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและสม่ำเสมอมากที่สุด คือ กลุ่มไอทีเทคโนโลยี กลุ่มการดูแลสุขภาพ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
  • Beat the cash thief! – เอาชนะการถือเงินสดด้วยการลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนดี เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้หลายบริษัทต้องมีการจัดการภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก คาดว่ากลุ่มตราสารหนี้ที่น่าจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าคือ ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่เอเชีย ตราสารหนี้ไฮยีลด์ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา
  • Unstoppable trends – เทรนด์การลงทุนที่ยังมาแรงคือกลุ่มพลังงานสะอาด รวมถึงความพยายามในการลดต้นทุนอันเห็นได้จากภาครัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำให้โลกเป็นสีเขียว (greening the world) รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี และเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชันของทั้งบริษัทสหรัฐฯ หรือจีนที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนกลุ่มการดูแลสุขภาพที่พบว่ามนุษยชาติจะมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น มร.เคน กล่าวสรุป

ด้าน นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในปี 2565 ซิตี้แบงก์เตรียมนำเสนอกองทุนใหม่ ๆ ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การเติบโตด้านการลงทุน โดยพบว่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตเป็นที่น่าพึงพอใจ มีการเติบโตในกลุ่มซิตี้โกลด์ รวมถึงซิตี้ไพรออริตี้ ที่พร้อมให้บริการการลงทุนได้ทั่วโลกกว่า 200 กองทุน จากพันธมิตรที่หลากหลายกับ 5 บลจ.ในประเทศและ 12 บลจ.ต่างประเทศ ซึ่งมีความหลากหลายของกองทุนทั้งประเภทของสินทรัพย์ และภูมิภาคของการลงทุน ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าซิตี้โกลด์ อาทิ บริการผู้ดูแลบัญชีที่พร้อมให้บริการคำแนะนำและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่าง ๆ การลงทุนให้กับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ พร้อมทั้งให้ลูกค้าสามารถการบริหารความมั่งคั่งสะดวกในทุกโอกาสผ่านซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน โดยลูกค้าซิตี้โกลด์สามารถทำการซื้อ-ขายกองทุนได้ด้วยตัวเอง การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพอร์ทการลงทุน การโอนเงินผ่านทางพร้อมเพย์ไปยังต่างธนาคาร หรือโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศได้ง่าย ๆ รวมถึงสามารถเปิดบัญชีสกุลเงินต่างประเทศได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น นายดอน กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์สามารถรับข้อเสนอพิเศษรับซื้อและขายกองทุนผ่านซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน รับเครดิตเงินคืนค่าธรรมเนียมการซื้อ 5%* หรือสูงสุด 150,000 บาท* เมื่อมียอดซื้อกองทุนรวมที่ร่วมรายการขั้นต่ำรวม 100,000 บาท พร้อมรับเครดิตเงินเคืนเพิ่มสูงสุดอีก 150,000 บาท* เมื่อลงทุนด้วยเงินลงทุนใหม่ในกองทุนที่ร่วมรายการ สำหรับลูกค้าใหม่รับเครดิตเงินคืนสูงสด 15,800 บาท* เมื่อเปิดบัญชีใหม่และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตซิตี้ และรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุด 2% ต่อปี 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565  โดยผู้สนใจสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซิตี้โกลด์ กรุณาติดต่อธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย โทร. 0-2081-0999 หรือ www.citibank.co.th/th/citigold

ทั้งนี้ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้จัดงานออนไลน์  “Citigold Annual Outlook 2022” แถลงข้อมูลทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนประจำปี 2565 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หรือ www.citibank.co.th 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ซิตี้แบงก์”ชี้ภาคธุรกิจต้องการดิจิทัลโซลูชันด้านการเงิน-การค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

“ซิตี้แบงก์”ประกาศแต่งตั้ง นฤมล จิวังกูร ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซิตี้แบงก์ประเทศไทย

ซิตี้แบงก์ ฉลองครบรอบ 21 ปี บัตรเครดิตซิตี้ รอยัล ออร์คิด พลัส จัดเต็มดีลสุดปัง

ซิตี้แบงก์ จับมือ การบินไทย และไทยสมายล์ ส่งแคมเปญ Happy Vacay ชวนพักร้อนออกเดินทางกันให้แฮปปี้

บัตรเครดิตซิตี้ ส่งโปรครบครันจัดเต็มทั้งกิน ดื่ม ช้อป สำหรับนักเดินทาง

บัตรเครดิต ซิตี้ เมอร์เซเดส ร่วมฉลอง 3 ปี ส่งแคมเปญมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านให้แก่สมาชิกบัตร ตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. 65

Political News