เคทีซีรายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือน ทำกำไรสุทธิโต 15.4% อยู่ที่ 4,631 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 ขยายตัว 7.9% อยู่ที่ 1,317 ล้านบาท รับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบกับรายได้ แต่สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายรวมให้ลดลง และบริหารพอร์ตลูกหนี้ให้มีคุณภาพดีต่อเนื่อง เตรียมรุกกิจกรรมการตลาดทุกผลิตภัณฑ์การเงิน หลังรัฐผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ และขยายเวลาช่วยลูกหนี้รายย่อยตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่คาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมเรื่องการเดินทางและการปฏิบัติตัวในบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ตามประกาศที่จะเริ่มมีการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรและการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้ที่จะกลับมาเติบโตได้ ซึ่งเคทีซีเองได้พัฒนาและพร้อมจะนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินคุณภาพ เพื่อให้สมาชิกเคทีซีและกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้รับความคุ้มค่า สะดวกสบาย และได้รับประสบการณ์ที่ดีทุกการใช้จ่าย””
“ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ 13.5% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลง -1.5% (อุตสาหกรรมหดตัว -2.1%) และมีสัดส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 4.3%”
“สำหรับผลประกอบการของเคทีซีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เคทีซีมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทสำหรับ 9 เดือนแรก 4,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% และมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 เท่ากับ 1,317 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% ซึ่งแม้ว่างวด 9 เดือน ปี 2564 รายได้รวมของเคทีซีจะลดลง -3.4% อยู่ที่ 15,930 ล้านบาท แต่บริษัทก็สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายรวมให้ลดลง -12.0% อยู่ที่ 10,097 ล้านบาท จากการลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน -7.5% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น -28.9% อีกทั้งมีรายได้หนี้สูญได้รับคืนอยู่ในอัตราเพิ่มขึ้นที่ 5.9% ประกอบกับการบริหารพอร์ตลูกหนี้ที่มีคุณภาพดีต่อเนื่อง ทำให้ความจำเป็นในการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นน้อยลงตามไปด้วย ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ เติบโตตามสัดส่วนข้างต้น”
“ในส่วนของพอร์ตลูกหนี้รวมขยายตัวและมีคุณภาพดีขึ้น จากจำนวนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลง โดยเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวมเพิ่มขึ้น 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เท่ากับ 87,030 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 3,306,580 บัญชี แบ่งเป็นพอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,522,945 บัตร เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 54,521 ล้านบาท ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 9 เดือนเท่ากับ 137,705 ล้านบาท ลดลง -1.6% ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยไตรมาส 3 มี อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (% ของ NPL) อยู่ที่ 3.8% ลดลงจากไตรมาส 2 ที่ 4.4% NPL บัตรเครดิตในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.5% ระดับเดียวกับไตรมาส 2 พอร์ตสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 783,635 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 29,203 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้บุคคลอยู่ที่ 3.2% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ 3.0% พอร์ตลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อจาก KTBL มูลค่า 3,306 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้ตามสัญญาเช่าเท่ากับ 46.1% ลดลงจาก ไตรมาส 2 ที่ 51.7% โดยเคทีซีได้ชำระราคาซื้อขายหุ้นสามัญของบจก. กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) ในสัดส่วน 50% ด้วยเงินจำนวน 297.2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 และจะชำระราคาส่วนที่เหลือ ภายหลังการตรวจสอบตามเงื่อนไขเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยมูลค่ารวมอาจมีการปรับราคาซื้อขายหุ้นต่ำลงหรือสูงขึ้นตามเงื่อนไขการชำระราคา”
“บริษัทฯ ยังมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 21,250 ล้านบาท ต้นทุนการเงินสำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 2.64% และอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.21 เท่า ต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า”
“สำหรับทิศทางการทำธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นอกเหนือจากการคัดสรรผลิตภัณฑ์ บริการและกิจกรรมการตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของสมาชิกแต่ละกลุ่มแล้ว เคทีซียังคงมุ่งเน้นการบริหารพอร์ตลูกหนี้ที่มีคุณภาพในทุกธุรกิจตลอดกระบวนการ ตั้งแต่ต้นทางของการคัดกรองจนถึงการดูแลและรักษาฐานสมาชิก เพื่อนำเสนอเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพให้กับสมาชิกทุกกลุ่มในทุกจังหวะของการใช้ชีวิต แม้ในยามที่สมาชิกได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ต่างๆ อย่างเช่นวิกฤตโควิด-19 บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามแนวทางทุกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการเปลี่ยนประเภทหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคคลเป็นเงินกู้สินเชื่อบุคคลระยะยาวโดยมีมูลค่ายอดลูกหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 เท่ากับ 1,825 ล้านบาท จาก 26,174 บัญชี และยังได้ขยายเวลามาตรการปรับลดอัตราผ่อนชำระคืนขั้นตํ่าของบัตรเครดิตเคทีซีอัตโนมัติ จากเดิม 10% เหลือ 5% สำหรับบัตรที่มีการสรุปรอบบัญชีตั้งแต่ 26 มีนาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2565 อัตรา 8% สำหรับบัตรที่มีการสรุปรอบบัญชีตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 – 31 ธันวาคม 2566 และอัตรา 10% สำหรับบัตรที่มีการสรุปรอบบัญชีตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป โดยสมาชิกบัตรไม่ต้องแจ้งความประสงค์เป็นรายบุคคลแต่อย่างใด”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
KTC achieves a 9-month net profit of 4,631 million baht,
implements strict screening for new members and focuses on quality of receivables in full force after the ease of lockdown measures.
KTC reports its 9-month business operation results, reporting a 15.4 percent net profit growth or 4,631 million baht, and a 7.9 percent growth or 1,317 million baht in Q3. The Firm acknowledges that the COVID-19 situation has affected its revenue, however; the Firm was able to lower its overall expenses and continuously manage its portfolio. KTC is ready to go all out with marketing activities for all of its financial products after the government has eased lockdown measures. To boot, the Firm has extended its assistance to help retail debtors in accordance with The Bank of Thailand’s measures.
Mr. Rathian Srimongkol, President & Chief Executive Officer, “KTC” or Krungthai Card Public Company Limited, states, “Although the Thai economy overall continues to be affected by the spread of COVID-19, it is likely that the situation will lift after the government eases its travel measures and restrictions in high controlled areas per the reopening announcement on this upcoming November 1st. This will likely lead to a positive change in card spending and portfolio growth that will revert back to a positive trend. On our side, KTC has developed and is equipped to present quality financial services and products to KTC cardmembers and new target customers to benefit from value, convenience, and enjoy great experience on all spendings at full swing.”
“In the past 8 months, KTC’s credit card receivables market share totaled 13.5 percent. The level of credit card spending decreased by -1.5 percent (compared to the industry drop of -2.1 percent) and the market share of personal loan receivables was 4.3 percent.”
“Regarding the Company’s performance period end date of September 30, 2021, compared to the same period in 2020, KTC has a profit attributable to the Company of 4,631 million baht in the first 9 months, a growth of 15.4 percent, and a net profit of 1,317 million baht for Q3/2021, a growth of 7.9 percent. Although the Firm saw a decrease in total revenue by -3.4 percent, or 15,930 million baht, it managed to reduce the total expenses by -12.0 percent at 10,097 million baht. This was achieved by decreasing financial costs by -7.5 percent and expected credit losses by -28.9 percent. Moreover, bad debt recovery grew 5.9 percent. Furthermore, KTC consistently upkeeps its high-quality port of, which further helped eliminate the need to set an allowance for expected credit losses. All of these factors led the Company’s net profit to grow in the proportion set forth above."
“Overall, the portfolio grew, and the quality improved as a result of a decrease in the number of non-performing loans. Total loans to customers and accrued interest receivables totalled 87,030 million baht (a 3.2 percent growth) compared to last year. Total memberbase numbered 3,306,580, comprising 2,522,945 credit cards. Total loans to credit card debtors and accrued interest receivables are at 54,521 million baht. The total credit card spending during 9 months was 137,705 million baht, a decrease of -1.6 percent corresponding to the economic situation. In the third quarter, NPL to total loans totalled 3.8 percent, a reduction compared to Q2/2021 of 4.4 percent. The NPL to credit card receivables in Q3/2021 is 1.5 percent, the same level as Q2/2021. KTC’s port of personal loans numbered 783,635 accounts. Loans to personal loans debtors and total accrued interest receivables amounted to 29,203 million baht, and NPL to personal loans receivables totalled 3.2 percent, higher than Q2/2021 which was 3.0 percent. The lease receivables under KTBL is valued at 3,306 million baht, and the NPL to lease receivable is 41.6 percent, a drop from Q2/2021 which was 51.7 percent. KTC paid the purchase price of the issuance of ordinary shares of KTB Leasing Company Limited (KTBL) in the proportion of 50 percent with 297.2 million baht cash on May 21, 2021, and will pay the remaining after the examination of the conditions is completed by November 2021. The total value may be adjusted lower or higher in accordance with the settlement conditions.”
“The Firm has an available credit line of 21,250 million baht, while financial costs for the 9-month period are at 2.64 percent, debt to equity ratio is at 2.21time, which was lower than the covenant of 10 times.”
“Regarding the business direction in the last quarter of this year, in addition to the selection of products, services, and marketing activities to meet the diverse needs of each customer groups, KTC will remain focused on quality debtor portfolio management in every business throughout the pipeline. This will start from the very beginning of screening, maintenance, to the management of the member base to offer effective financial tools to members of all groups in every rhythm of life. Even when members are suffering from various situations, such as the COVID-19 crisis, the Company has complied with all measures to provide support to debtors of the Bank of Thailand, including helping debtors that participated in the assistance measure to convert credit card debt and personal loans to long-term personal loans. The value of receivables as of September 30, 2021, is equal to 1,825 million baht from a total of 26,174 accounts. KTC also extended its measure to reduce the KTC credit card minimum repayment rate automatically from 10 percent to 5 percent for cards with a summary of the accounting period between March 26, 2020, to December 31, 2022, and to 8 percent for cards with a summary of the accounting period between January 1, 2023, to December 31, 2023, and a rate of 10 percent for cards with a summary of the accounting period from January 1, 2024 onwards. Cardmembers are not required to individually put forth a request for this service.”
