สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

"บาส-ปอป้อ”ฟิตเต็มร้อยพร้อมลุยโตเกียวเกมส์

นักแบดมินตันคู่ผสมมือ 2 ของโลก “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย มีความพร้อมเต็มที่ 100 เปอร์เซนต์แล้ว สำหรับการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

“บาส-ปอป้อ” เปิดเผยร่วมกันว่า ขณะนี้สภาพร่างกายและจิตใจมีพร้อมร้อยเปอร์เซนต์แล้วสำหรับการแข่งขัน “โตเกียวเกมส์” ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมมา 3-4 ปีแล้ว แม้ว่าการแข่งขันจะเลื่อนมา 1 ปี แต่ก็ไม่ได้กระทบกับแผนการฝึกซ้อมแต่อย่างใด หรือแม้กระทั่งในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แทบจะไม่มีรายการให้แข่งขัน ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการฝึกซ้อมหรือการพัฒนาฝีมือ ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นผลดี เพราะได้มีเวลาในการเตรียมตัวมากขึ้น มีเวลาในการแก้ไขจุดบกพร่อง และเสริมจุดแข็ง

บาส-ปอป้อ พูดถึงสภาวะไม่ปกติของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่จะต้องอยู่ในสถานการณ์แข่งขันแบบระบบปิดว่า ไม่มีผลกระทบต่อตัวเอง เพราะที่ผ่านมาการฝึกซ้อมในแคมป์ “เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่” ก็ฝึกซ้อมเหมือนระบบปิดอยู่แล้ว ชีวิตประจำวันจะมีแต่การฝึกซ้อม กินนอน พักผ่อน อยู่ในแคมป์

ในเรื่องความกดดันในฐานะเป็นความหวังเหรียญรางวัลของทัพนักกีฬาไทยนั้น บาสและปอป้อ กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะแข่งขันมีความเครียดและความกดดันเกิดขึ้นอยู่เป็นปกติแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะไม่เพิ่มความกดดันให้ตัวเอง แต่จะใช้ความกดดันที่มีอยู่เป็นแรงผลักดันเพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด โดยจะพยายามอยู่กับตัวเอง โฟกัสที่เกม แผนการเล่น และทำให้ดีที่สุดเพื่อไปถึงเป้าหมายที่วางไว้

ส่วนสายการแข่งขันที่ออกมาก็ถือว่า โอเค ไม่หนักหรือไม่เบาเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม 16 คู่ที่ผ่านมาเข้ารอบมา ไม่มีคู่ไหนง่ายแน่นอน ต้องเตรียมให้พร้อมที่สุด ซึ่งทีมงานผู้ฝึกสอนรวมถึงพวกเราจะมีการวางแผนการเล่นก่อนที่จะลงสนามเจอกับคู่แข่งแต่ละคู่อยู่แล้ว

“เราทั้งคู่มีเป้าหมายคือ การพยายามจะคว้าเหรียญทองให้ได้ ฝากแฟนกีฬาชาวไทยช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเรา รวมถึงนักกีฬาไทยทุกคนที่ลงแข่งขันครั้งนี้”

ทางด้าน ศ.ดร.เจริญ กระบวนรัตน์ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา “เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี” ซึ่งเป็นผู้วางแผนการฝึกซ้อมร่วมกับทีมงานผู้ฝึกสอน กล่าวถึงความพร้อมของทั้งคู่ว่า การฝึกซ้อมของบาสและปอป้อที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกอย่าง เพราะทางทีมงานได้มีการทดสอบ วัดและประเมินผลการฝึกซ้อมทุกช่วงการฝึกซ้อมเป็นระยะ ซึ่งเป็นไปตามหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา

“หลักการสำคัญก่อนเริ่มเข้าสู่ระบบการซ้อมมี 3 ด้านคือ การเตรียมสมรรถภาพทางกลไก การพัฒนาทักษะและเทคนิคกีฬา และการฝึกความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจ”ศ.ดร.เจริญ กล่าว

ส่วนถึงกรณีที่บาสและปอป้อไม่ได้ลงแข่งขันอีกเลยหลังจากที่แข่งขัน 3 รายการใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อประเมินแผนการฝึกซ้อมในช่วงสุดท้ายก่อนเดินทางไปแข่งขันโอลิมปิกนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวว่า เราทดแทนด้วยการจัดแข่งขันกันเองโดยพยายามวิเคราะห์ และจำลองเหตุการณ์ และรูปแบบการเล่นต่างๆ ให้นักกีฬาได้ใช้ทักษะเหมือนกับการแข่งขันจริงทุกอย่าง

“การไปแข่งขันครั้งนี้ ต้องยอมรับความจริงอย่างว่าทุกคู่ที่เป็นมือวางมีสิทธิ์แพ้ชนะได้เท่ากันหมด เพราะผลงานที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้ว มือวางอันดับโลก คือ สิ่งสมมุติที่กำหนดไว้เพื่อระบบการจัดการแข่งขันเท่านั้น ของจริงอยู่ที่ว่า…เวลาลงสนามใครสามารถควบคุมเกมและควบคุมวิธีการเล่นของตนเองได้ดีกว่า และผิดพลาดน้อยกว่า คือ ผู้ชนะ ซึ่งบาสและปอป้อได้บทเรียนจากการแพ้คู่เกาหลีมาแล้วเมื่อต้นปี

การไปแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ของบาสและปอป้อ จึงเป็นโอกาสที่ทั้งสองคนจะได้ใช้ความสามารถแสดงผลงานให้เป็นที่ปรากฏ ด้วยการเล่นอย่างเต็มความสามารถให้ดีที่สุดทุกแต้มจนสิ้นสุดเกม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนำหรือตาม ให้มีสมาธิอยู่กับเกมและการเล่นทุกแต้ม ไม่คาดหวังในผลการแข่งขันที่ยังไม่จบ ซึ่งจะทำให้กดดันตัวเอง “...เกมกดดันไม่เป็นไร แต่เราต้องไม่กดดันตัวเอง…”คือ สิ่งที่เราให้ข้อคิดบาสและปอป้อนำไปปฏิบัติในการแข่งขันมาโดยตลอด”

ส่วนความพร้อมด้านจิตใจซึ่งสำคัญไม่แพ้ความพร้อมด้านร่างกายนั้น ศ.ดร.เจริญ กล่าวว่า “นักกีฬาทุกคนมีความกดดันแน่นอน เพราะมีความคาดหวังสูง การฝึกเรื่องสภาวะจิตใจจึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปลูกฝัง และทำความเข้าใจกับทุกสิ่งและทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกม ด้วยการเตรียมความคิด ฝึกวิธีคิดและการประมวลผลข้อมูลอย่างมีเหตุผล ด้วยการให้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับเกม โดยทีมผู้ฝึกสอนกีฬาและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาได้มีการจำลองเหตุการณ์และสถานการณ์แวดล้อมให้นักกีฬาได้ทำการฝึกซ้อม เพื่อให้นักกีฬาได้เรียนรู้และปรับตัวเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆในเกมการแข่งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอยาวนาน ไม่ใช่พอถึงเวลาแข่งขันก็บอกนักกีฬาว่า …อย่าตื่นเต้น อย่าเครียด อย่าวิตกกังวล ก่อนลงสนาม ซึ่งเท่ากับไปกระตุ้นให้นักกีฬายิ่งเครียด ยิ่งกดดันมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้การแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะจะมีการตรวจเช็กผู้เข้าร่วมมหกรรมมากกว่าปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและอารมณ์ได้ ทำให้นักกีฬารู้สึกวุ่นวาย หงุดหงิด วิตกกังวล และเครียดได้ ดังนั้น ตนจึงย้ำในเรื่องนี้ ให้ทุกคนเตรียมใจและทำใจยอมรับกับเหตุการณ์เหล่านี้ และให้มองเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน มิใช่เกิดขึ้นแต่เฉพาะกับเรา” ศ.ดร.เจริญกล่าว

สำหรับการแข่งขันประเภทคู่ผสมแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม “บาส-ปอป้อ” เป็นมือวางอันดับ 3 อยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ ทอม กีคู/เดลฟิน่า เดลรัว(มือ 10-ฝรั่งเศส), มาร์คัส เอลลิส/ลอเรน สมิธ (มือ 8-สหราชอาณาจักร), โจชัว เฮอร์เบิร์ต-หยู/โจเซฟีน หวู (มือ 14-แคนาดา) โดยจะคัดอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มเข้ารอบ 8 คู่สุดท้ายซึ่งจะเป็นรอบน็อคเอาท์ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ รอบแบ่งกลุ่มกำหนดแข่ง วันที่ 24-26 กรกฎาคม, รอบก่อนรองชนะเลิศ วันที่ 28 กรกฎาคม, รอบรองชนะเลิศ วันที่ 29 กรกฎาคม, รอบชิงเหรียญทองแดงและรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 30 กรกฎาคม

ทั้งนี้ บาสและปอป้อ มีกำหนดเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ที่ 16 กรกฏาคมนี้ ด้วยเที่ยวบิน JL 0034 เวลา 21.55 น. และจะเข้ากักตัวที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 3 วัน.

Political News