ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการ คนละครึ่งเฟส 3 นโยบายแจกงเงิน 3,000 บาท เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด 19 ประชาชนชนกว่า 31 ล้านคน ได้อานิสงส์ ใช้วงเงินงบประมาณ 93,000 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดต่างๆ ของโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” มีดังนี้
- ใครมีสิทธิ์ในโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3" บ้าง?
สำหรับกลุ่มผู้ที่มีสิทธิ์ลงทะเบียน โครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” ต้องมีคุณสมบัติตามนี้ คือ
เป็นบุคคลสัญชาติไทย ที่มีบัตรประจำตัวประชาชน
อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิ์โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)
- “คนละครึ่งเฟส 3” ใช้วงเงิน 93,000 ล้านบาท
ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หารือกันและได้ข้อสรุปว่า โครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” จะมีการใช้วงเงินทั้งหมดประมาณ 93,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะจ่ายเยียวยาคนละ 3,000 บาท ให้แก่ผู้มีสิทธิ์ราว 31 ล้านคน ให้สิทธิ์ใช้จ่ายที่รัฐจะสมทบได้วันละไม่เกิน 150 บาทต่อวัน
*หมายเหตุ : ผู้ที่ได้รับสิทธิ์และใช้สิทธิ์ในโครงการ “คนละครึ่ง” แล้ว จะไม่ได้รับสิทธิ์ในโครงการ “ช้อปดีมีคืน”
- ระยะเวลาโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” ยาวนานขึ้น
รัฐบาลออกแบบโครงการ "คนละครึ่ง" ในระยะ 3 นี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนภายในระยะเวลา 6 เดือน คือ กรกฎาคม-ธันวาคม 2564 โดยสามารถอนุมัติได้เร็วเนื่องจากมีฐานข้อมูลเดิมอยู่แล้ว จะเป็นโครงการที่ช่วยประคองกำลังซื้อในช่วงไตรมาสที่ 3 - 4 ของปีนี้
- เช็คมาตรการเยียวยาอื่นๆ จาก ครม.
ก่อนหน้านี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เคยให้ข้อมูลไว้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกล่าสุด จะออกมาเป็นแพ็กเกจประมาณเดือนพฤษภาคม 2564 โดยจะเป็นมาตรการเดิมเป็นส่วนใหญ่ เช่น "คนละครึ่งเฟส 3"
อีกทั้ง จะมีมาตรการใหม่เพิ่มเข้ามา เช่น มาตรการสนับสนุนให้คนมีเงินออมที่มีอยู่ 6-7 แสนล้านบาท ให้ออกมาใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือและออกแบบมาตรการจากกระทรวงการคลัง รวมถึงยังมีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินสินเชื่อฟื้นฟูและพักทรัพย์พักหนี้ ในวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท เป็นอีกหนึ่งมาตรการเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเพิ่มเติมระบุว่า หลังจากสิ้นสุดมาตรการเยียวยาในระยะแรก อย่างเช่นโครงการ "เราชนะ" และ "ม.33เรารักกัน" (ที่มีการขยายระยะเวลาโครงการฯ ไปจนถึง 30 มิ.ย.64) แล้วจากนั้นจะเริ่มมาตรการเยียวยาฟื้นฟู ระยะที่ 2 ซึ่งจะเริ่มต้นได้หลังจากสถานการณ์การระบาดของช่วงนี้คลี่คลายลง และดูแล้วเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยประกอบไปด้วย 4 โครงการ คือ
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อ "กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ระยะ3
เป็นการเพิ่มค่าครองชีพให้กลุ่มผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" (บัตรคนจน) อีกเดือนละ 200 บาท ครอบคลุมกลุ่มประชากรประมาณ 13.65 ล้านคน เริ่มโครงการได้เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ และสิ้นสุดโครงการวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (คาดว่าจะเริ่มเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 รวมระยะเวลา 6 เดือน)
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อ "กลุ่มเปราะบาง"
โครงการสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ช่วยลดภาระค่าครองชีพ โดยเพิ่มเงินสนับสนุนค่าครองชีพให้อีกเดือนละ 200 บาท ครอบคลุมกลุ่มประชากรประมาณ 2.5 ล้านคน เริ่มโครงการได้เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ และสิ้นสุดโครงการวันที่ 31 ธันวาคม 2564
- โครงการ "คนละครึ่งเฟส 3" กลุ่มรายได้ปานกลาง
รัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในลักษณะ Co-pay เป็นจำนวนเงิน 150 บาทต่อคนต่อวัน แต่สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งมีเป้าหมายครอบคลุมประชาชน 31 ล้านคน อันนี้สำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลาง
- โครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" กลุ่มรายได้สูง
เป็นโครงการที่มุ่งไปที่กลุ่มผู้มีรายได้สูง รัฐจะสนับสนุน E-Voucher สำหรับการใช้จ่าย ในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ระยะเวลาโครงการ เริ่มต้นได้เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2564
ทั้งนี้ วงเงินที่เหลืออยู่ของ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ยืนยันว่าเพียงพอที่จะสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวได้ โดยวันนี้ (5พ.ค.64) ครม.ได้อนุมัติเห็นชอบในหลักการแล้ว
*หมายเหตุ : ส่วนโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" และ "ทัวร์เที่ยวไทย" ครม.อนุมัติให้เลื่อนระยะเวลาโครงการออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ถึงจะกลับมาเริ่มดำเนินโครงการต่อได้