สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

TMB Analytics ประเมินโควิดระลอกใหม่ กระทบธุรกิจ SMEs ในภาคบริการและท่องเที่ยวกว่า1.3ล้านราย

การระบาดของโควิดระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปี 2563 สะเทือนไปถึงภาคธุรกิจที่เปราะบาง มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตามระดับพื้นที่ควบคุมที่รัฐใช้จึงเป็นทางออกที่ช่วยลดผลกระทบไม่ให้เหมือนกับมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนเมษายน 2563 อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายและท่องเที่ยวที่แผ่วลง ส่งผลกระทบธุรกิจ SMEs ในภาคการค้า บริการและท่องเที่ยวกว่า 1.3 ล้านรายและจ้างงานกว่า 6.1 ล้านคน

แม้ว่าในตอนนี้ภาครัฐจะได้ออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยการกระตุ้นการจับจ่ายผ่านโครงการ “เราชนะ” และ “โครงการคนละครึ่ง” ซึ่งเป็นการช่วยเหลือ Micro SMEs ในส่วนที่เป็นร้านค้าย่อย และกลุ่มคนทำงานที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม แต่ยังไม่ได้ครอบคลุมไปถึงกลุ่ม SMEs ที่เป็นนิติบุคคลและอยู่ในระบบภาษี ซึ่งมีจำนวนอยู่ 1.1 แสนราย และจ้างงานกว่า 2.5 ล้านคน

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics  คาดผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิดในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะทำให้รายได้ของธุรกิจ SMEs ภาคการค้าบริการและท่องเที่ยวทั่วประเทศรวมลดลงกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท โดยจะมีผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบถึง 1.3 ล้านราย มีการจ้างงานรวมกันกว่าอยู่ 6.1 ล้านคน เมื่อแยกพิจารณาตามพื้นที่มาตรการควบคุมการระบาด พบว่ากลุ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุด รายได้จะลดลงประมาณ 2.20 หมื่นล้านบาท มี SMEs ที่ได้รับผลกระทบราว 5.7 แสนราย มีการจ้างงานกว่า 3.4 ล้านคน ในขณะที่กลุ่มพื้นที่ควบคุมและเฝ้าระวังสูง จะลดลง 2.7 และ 2.2 พันล้านบาท และมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบกว่า 2 แสนราย และ 5.7 แสนราย ตามลำดับ

จากโครงสร้างธุรกิจ พบข้อสังเกตว่าในพื้นที่ควบคุมสูงสุด กลุ่ม SMEs นิติบุคคลที่อยู่ในภาคการค้าบริการและท่องเที่ยว มีบทบาทสำคัญในการจ้างงานถึง 1.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 55% ของการจ้างงาน SMEs ในพื้นที่ ส่วนกลุ่มพื้นที่ควบคุมและเฝ้าระวัง กลุ่มธุรกิจที่เป็นนิติบุคคลมีสัดส่วน 20-27% ของการจ้างงานเท่านั้น

ธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ ร้านค้าปลีกเสื้อผ้า ร้านค้าเบ็ดเตล็ด โรงแรงที่พัก และร้านอาหาร

ภาพรวมธุรกิจ SMEs ในภาคการค้าบริการและท่องเที่ยวที่ถูกกระทบจากการระบาดในไตรมาสแรกของปี TMB Analytics ประเมินว่าธุรกิจที่จะถูกกระทบหนักสุด คือ ธุรกิจร้านขายปลีกเสื้อผ้า รายได้ลดลงกว่า 5 พันล้านบาท รองลงมา ร้านค้าเบ็ดเตล็ด รายได้ลดลง 4.7 พันล้านบาท สาเหตุที่ธุรกิจ ร้านค้าปลีกเสื้อผ้า ร้านค้าเบ็ดเตล็ดได้รับผลกระทบมากลำดับต้น ๆ เนื่องจากมีผู้ประกอบจำนวนการมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ สำหรับธุรกิจโรงแรม/ที่พัก และธุรกิจร้านอาหาร รายได้ลดลง 3.8 และ 2.7 พันล้านบาท ตามลำดับ

เมื่อเจาะลึกลงไปในธุรกิจ SMEs ที่เป็นนิติบุคคล พบว่าร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป มีจำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดถึง 4.6 หมื่นราย มีการจ้างงาน 3.3 แสนคน  รองลงเป็นร้านขายปลีกเสื้อผ้ามีธุรกิจอยู่ 1.1 หมื่นรายจ้างงานอยู่ที่ 6.4 หมื่นคน  ตามด้วยกลุ่มร้านอาหารและโรงแรมที่พัก มีจำนวนธุรกิจ 1 หมื่นราย และ 7 พันรายตามลำดับ มีการจ้างงานรวมกันกว่า 2.9 แสนคน

SMEs ในจังหวัดชลบุรีได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องจากมีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวมาก

เนื่องจากผลกระทบดังกล่าวได้กระจายตัวไปทั่วประเทศ แต่ระดับความรุนแรงของผลกระทบกลับกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเป็นกลุ่มจังหวัดขนาดใหญ่ที่เศรษฐกิจพึ่งพิงภาคการท่องเที่ยวและบริการอยู่มาก โดยประเมินว่าจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ จังหวัดชลบุรี ซึ่งคาดว่า SMEs จะมีรายได้ลดลง 6.2 พันล้านบาท และมีการจ้างงาน 2.46 แสนคน ได้รับผลกระทบมากเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งมีสัดส่วนภาคท่องเที่ยวอยู่ถึง 48% ของมูลค่าการค้าและท่องเที่ยวรวมกัน รองลงมาคือ กรุงเทพมหานคร รายได้จะลดลง 5 พันล้านบาท แม้ว่าจะเป็นจังหวัดขนาดใหญ่กว่าชลบุรี แต่มีสัดส่วนภาคท่องเที่ยวน้อยกว่าโดยอยู่ที่ 37.6% ส่วนลำดับรองลงไป เป็นจังหวัดสมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้รับผลกระทบ 1.38, 1.13 และ 1.08 พันล้าน ตามลำดับ

โดยสรุป มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐส่วนใหญ่ครอบคลุมกลุ่ม SMEs รายย่อยเป็นหลัก จึงยังขาดมาตรการช่วยเหลือให้กับกลุ่มธุรกิจ SMEs ที่เป็นนิติบุคคล เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้มีการแข่งขันสูงกับธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องยื่นมือช่วยเหลือ SMEs กลุ่มนี้ให้มากขึ้น เช่น เพิ่มการเข้าถึงมาตรการกระตุ้นการจับจ่าย ช่วยจ่ายค่าจ้างแรงงานบางส่วนเพื่อลดต้นทุนให้ธุรกิจรักษาการจ้างงานไว้ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงผู้ประกอบการ SMEs และแรงงานให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน

Political News