สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ดนตรีพลังบวก สานพลัง บ ว ร บ้าน วัด โรงเรียน

เพราะดนตรีคือ สุนทรียของชีวิต เสียงดนตรีอยู่กับเราตั้งแต่เกิดจนจากโลกนี้ไป ดนตรีเป็นความงามด้านศิลปะและธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นการมองโลกอย่างอิสระ ไม่มีขอบเขต ไม่มีอะไรปิดกั้นได้  ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในโครงการสร้างดนตรีพลังบวก “บริบทของดนตรีไทยในชุมชน  สร้างการมีส่วนร่วมระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน” ณ วัดลาดทราย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  จัดโดย มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) โรงเรียนวัดลาดทราย และภาคีเครือข่าย

          ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2549  โดยมีภารกิจด้านการระดมทุนให้ภาคธุรกิจเป็นหลัก แต่เรายังมีมิติที่เราตั้งใจจะช่วยเหลือสังคมในหลายบทบาท รวมถึงการทำกิจกรรมสร้างสังคมร่วมกับ มูลนิธิอาจาย์สุกรี เจริญสุข มาอย่างยาวนาน โดยการเห็นพ้องร่วมกันว่าดนตรีคือสุนทรียอย่างหนึ่งในชีวิต ชีวิตของคนเกี่ยวข้องกับดนตรีตั้งแต่เกิดจนตาย ดนตรีช่วยทำให้จิตใจอ่อนโยน เสียงดนตรีสร้างประโยชน์อีกหลายอย่าง เป็นสื่อกลางในการทำงานร่วมกันเป็นทีม ที่สำคัญคือประเทศไทยของเราต้องการทำงานแบบทีม การทำงานให้กับประเทศชาติในทุกมิติต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม การรับฟังความคิดเห็นเทีมงาน และการเดินต่อไปด้วยกันจนจบบทเพลง  ซึ่งมูลนิธิมีเป้าหมายหนึ่งในการอนุรักษ์ดนตรีไทยและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทย ปัจจุบันได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข 2 โครงการได้แก่ โครงการดนตรีพลังบวก ซึ่งน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้ด้านดนตรีไปใช้ในชีวิตประจำวันได้  อีกโครงการคือวงดนตรีประสานเสียง “วงปล่อยแก่” ที่ทำในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มูลนิธิเล็งเห็นถึงความสำคัญของประชากรผู้สูงอายุด้วย จึงอยากดูแลกลุ่มนี้ด้วยกิจกรรมดนตรีประสานเสียง เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีกิจกรรมบำบัดความเครียด คลายเหงา ลดโรคอัลไซเมอร์หรือบำบัดด้านจิตใจได้อย่างดี ผมเชื่อมั่นว่าเสียงดนตรีไม่มีพิษภัย และสามารถอยู่ในชีวิต อยู่ในชุมชนได้ทุกชุมชนและหวังว่าพื้นวัดลาดทรายแห่งนี้จะเป็นต้นแบบให้หลายๆ พื้นที่นำไปขยายผลต่อยอดไปสู่ชุมชนอื่นได้ ฝากวงเด็กภูมิดีในอ้อมใจของทุกท่านด้วยครับ 

“พิม” หรือ เด็กหญิงพิมญดา ปัญญาน้อย นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่  6 โรงเรียนวัดกุฎีประสิทธิ์ สาวน้อยวัย 11 ปี เปิดเผยว่า ตนเองเป็นลูกคนโตและมีน้องอายุ 9 ขวบ  จึงถูกปลูกฝังให้ทำงานช่วยเหลือครอบครัวประกอบกับได้ยินเสียงคุณแม่ร้องเพลงกล่อมน้อง จึงซึมซับเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อคุณครูมาแนะนำว่า มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญ เข้ามาจัดโครงการดนตรีพลังบวก เป็นโครงการให้ความรู้เทคนิคและสอนเล่นดนตรีจริงจัง จึงสนใจอย่างมากเพราะมีความถนัดในเรื่องดนตรีอยู่แล้ว โดยก่อนหน้านี้สามารถเป่าขลุ่ยและเล่นอังกะลุงได้ เพราะที่โรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอนดนตรีไทย พอเข้าร่วมโครงการดนตรีพลังบวกจึงสนใจและเลือกเล่นคล้องวงใหญ่ สาเหตุเพราะน่าจะหาโอกาสเล่นได้ยาก  ในอนาคตอยากต่อยอดด้วยการเป็นคุณครูดนตรี หรือคุณครูภาษาไทยค่ะ

“บิว” หรือ เด็กชายธนา ไวยอรรถ นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดลาดทราย เปิดเผยว่า ตนเองมีพี่น้อง 2 คน ผมเป็นพี่อายุ 11 ปี และมีน้องอีกคนอายุ 2 ขวบ พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ช่วงแรกเล่นดนตรีได้เล็กน้อย จำพวกเครื่องจังหวะ พอเข้าร่วมโครงการตั้งใจไว้เลยว่าจะต้องเล่นระนาด เพราะระนาดคือเครื่องนำของวงดนตรี  ด้วยความมุ่งมั่นว่าอยากเป็นผู้นำจึงเลือกเล่นระนาดครับ  เมื่อคุณครูจากมูลนิธิฯ เข้ามาสอนในวันพุธกับพฤหัสบดี ผมและเพื่อนๆ ไม่เคยขาดเรียนเลย พวกเราเฝ้ารอคอยให้ถึงวันที่ทีมวิทยากรจะเข้ามาสอนท่องโน้ต  สอนเทคนิคการเล่น การฟังทีม รู้โน้ตตัวเองและยังต้องฟังโน้ตเพื่อนด้วย จะได้ไปด้วยกันอย่างไพเราะ ผมชอบเทคนิคการจดจำโน้ตซึ่งมันเป็นทฤษฎีเริ่มต้นในการเล่นดนตรี  การเล่นดนตรีทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการเรียนได้อีกด้วย เมื่อเล่นผิดก็ตั้งสมาธิให้แน่วแน่ปล่อยใจไปกับเสียงดนตรี  ในอนาคตอยากเรียนด้านนาฏศิลป์  ผมหลงใหลในความงดงามของดนตรีไทยมาตั้งแต่เด็กๆ และอยากสืบทอดความเป็นไทย ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่สนับสนุนโครงการดีอย่างนี้และผมสัญญาว่าจะพัฒนาฝืมือด้านดนตรีไทยต่อไปครับ

นายบุญเลิศ เพชรมณี ผู้อำนวยการโรงเรียนจรูญกิมลี้กิจอาทร อนุสรณ์ เปิดเผยว่า โรงเรียนจรูญกิมลี้กิจอาทร อนุสรณ์ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน 225 คน ครู 18 คนพวกเราจึงอยู่กันเป็นครอบครัว มีเพื่อนข้างบ้านเป็นโรงเรียนวัดลาดทราย ซึ่งโรงเรียนวัดลาดทรายมีความสามารถด้านดนตรีไทย ไปแข่งขันชนะมาหลายรายการแล้ว เราชื่นชมและสนใจการสอนดนตรีไทยในโรงเรียนอย่างเข้มข้น เพราะดนตรีไทยถือเป็นเอกลักษณ์ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ผ่านมาภาครัฐและจังหวัดได้มีการรณรงค์เรื่องความเป็นไทยในหลายมิติ ทั้งการแต่งกายตามละคร การเล่นดนตรีไทย ความนิยมในการรับประทานอาหารไทย ความสวยงามของการจัดวางอาหารไทยและของประดับตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์  ขณะนี้โรงเรียนของเรามีบุคลากรอยู่แล้ว แต่ต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาให้ความรู้ เทคนิคและวิธีการถ่ายทอดกับบุคลากรและนักเรียนของเรา โครงการดนตรีพลังบวกจะทำให้โรงเรียนกับชุมชนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น ดนตรีไทย 100 เปอร์เซนต์แบบนี้หาโอกาสเรียนยากนะครับ และใช้เวลาในการฝึกฝนพอสมควร นักเรียนที่เรียนดนตรีไทยทุกคนจะต้องสร้างความภาคภูมิใจให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยความรู้รอบด้าน ไม่ใช่แค่โบราณสถาน แต่เป็นเรื่องกินอยู่หลับนอนแบบไทย รวมถึงดนตรีไทยที่มีการผสมผสานเป็นวงระหว่างโรงเรียน ยิ่งสร้างความครื้นเครงตามยุคสมัยและความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนต่างๆ ก็ดีขึ้น ตามลำดับครับ

นางสุวิมล เปลื้องกระโทก ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดลาดทราย เปิดเผยว่าความสำเร็จอย่างหนึ่งของคนเป็นครู คือการสร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์ โครงการเด็กภูมิดี ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในทุกมิติ คือ ทั้งการสนับสนุนจากครอบครัว (บ้าน) ให้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ และเจ้าอาวาสวันลาดทราย เปิดโอกาส เปืดพื้นที่ให้เด็กภูมิดีสามารถทำกิจกรรมใน (วัด) ได้ และมีครูทั้งจาก (โรงเรียน) โรเรียนวัดลาดทรายและครูจากมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดนตรีมาสอนเทคนิควิธีการดีๆ ตลอดมา 3 สิ่งนี้ มีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญคือ เสียงดนตรีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กๆ มีผลการเรียนที่ดีขึ้น มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ทุกคนกระตือรือร้นในการเรียนดนตรีและมีสมาธิในการเรียนวิชาอื่นๆ อีกด้วย รวมถึงมีความสามัคคีกันมากขึ้น มีความสุขในการดำเนินชีวิต และตั้งใจทุกครั้งที่มีการแสดงดนตรีในชุมชนหรือในวัด พ่อแม่พี่น้องทุกคนในชุมชนก็ให้ความร่วมมือด้วยดี สนับสนุนบุตรหลานให้มาฝึกซ้อมสม่ำเสมอ และเสียงดนตรีทำให้คนในชุมชนมีความแน่นแฟ้นกันมากขึ้นค่ะ

          รองศาสตราจารย์ ดร.สุกรี เจริญสุข ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรี  เจริญสุข เปิดเผยว่าหลายครั้งที่ผมได้เห็นความมหัศจรรย์ของเสียงดนตรีที่เกิดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก มันคือเสียงที่ทรงพลัง และวันนี้ที่โรงเรียนวัดลาดทรายทำให้ผมมั่นใจว่า เด็กไทยสามารถฝึกฝนฝีมือตนเองและสามารถพัฒนาฝีมือด้านดนตรีไทย จากแววตามุ่งมั่น ความตั้งใจของพวกเขานับว่าเต็มร้อยกับดนตรีไทย และความรู้จากทีมวิทยากรของมูลนิธิฯ ได้ถ่ายทอดให้กับเด็กๆ นั้นถือว่าประสบความสำเร็จ  สิ่งที่วงดนตรีต้องรับผิดชอบ คือ นักเรียนดนตรีทุกคนเมื่อมีโอกาสเล่นดนตรี ต้องเล่นดนตรีเต็มที่ เพราะนี่คือโอกาสสำคัญของคุณที่จะแสดงให้ทุกคนรู้ว่าคุณคือนักดนตรีที่มีคุณภาพ เล่นดนตรีด้วยหัวใจ เสียงดนตรีจะไพเราะเป็นพิเศษและคนฟังรับรู้ได้ และต้องเล่นเต็มวง เต็มที่ในทุกครั้งที่มีการแสดงแล้วพวกคุณจะเดินบนเส้นทางดนตรีได้อย่างงดงาม ขอบคุณเจ้าอาวาสวัดลาดทรายที่ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่มาให้กำลังใจและชมการแสดงดนตรีไทยของเด็กๆ โรงเรียนวัดลาดทรายในวันนี้ หน้าที่นักเรียนดนตรี ต้องทำดนตรีให้แข็งแรงอยู่กับวัดลาดทรายต่อไป ขอบคุณตลาดหลักทรัพย์ บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) ที่สนับสนุนโครงการของมูลนิธิฯ มาตลอดครับ

หมายเหตุ : โครงการสร้างดนตรีพลังบวก “บริบทของดนตรีไทย สร้างการมีส่วนร่วมระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2563 ณ วัดลาดทราย จังหวัดพระนครศรีอยุธา

Political News