สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

พีดีเฮ้าส์ปรับแผนลุยบริการครบวงจรเล็งเปิดสาขาใหม่ปั๊มยอดขาย

ประเมินสถานการณ์ธุรกิจรับสร้างบ้านในปัจจุบัน

          ธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2563 โดยภาพรวมชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบค่อนข้างมาก ทั้งโรคระบาด การเมือง เศรษฐกิจ รวมถึงภัยธรรมชาติ โดยในส่วนของตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่ารวมประเมินว่ากำลังซื้อปรับตัวลดลงเฉลี่ย 25% โดยกลุ่มราคาบ้าน 2-5 ล้านบาท ปรับลดลงสูงถึง 40% ส่วนกลุ่มราคาบ้าน 5 -10 ล้านบาท ปรับลดลง 25% และกลุ่มราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไปปรับลดลงประมาณ 15% ส่วนตลาดต่างจังหวัดนั้นมูลค่ารวมตลาดประเมินว่ากำลังซื้อปรับตัวลดลงเฉลี่ย 10% โดยกลุ่มราคา 2-5 ล้านบาท ปรับลดลงเฉลี่ย 20% กลุ่มราคา 5 -10 ล้านบาท ปรับลดลงลดลง 15% ส่วนกลุ่มราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป กำลังซื้อกลับเพิ่มขึ้น 10%

          อย่างไรก็ตามแม้ภาพรวมอาจดูชะลอตัวลง แต่ก็มีผู้ประกอบการรายใหม่และรายย่อยเข้ามาในตลาดรับสร้างบ้านเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะอาศัยช่องทางออนไลน์ในการทำการตลาด ซึ่งผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในปัจจุบันนี้มีทั้งกลุ่มรายใหญ่ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำ มีประสบการณ์ยาวนาน มีความเป็นมืออาชีพ มีเงินทุนมากพอสำหรับการบริหารจัดการ มีขีดความสามารถสูงหรือรับงานก่อสร้างได้ในปริมาณมาก เพราะมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเงินทุน อีกทั้งมีสาขาให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและต่างจังหวัด รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก ที่ให้บริการเฉพาะในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและในบางจังหวัดเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผู้รับเหมารายย่อย ที่ไม่จดทะเบียนนิติบุคคล มีที่อยู่ไม่ชัดเจน มักใช้คำโฆษณาชวนเชื่อว่ามีประสบการณ์ 20 ปี และสุดท้ายกลุ่มโบรกเกอร์/นายหน้ารับสร้างบ้าน ที่ไม่จดทะเบียนนิติบุคคล และไม่มีที่อยู่ชัดเจน มักจะโฆษณาชวนเชื่อว่ารับสร้างบ้านทั่วประเทศ เน้นสร้างการรับรู้ผ่านสื่อ    โซเชียล-เว็บไซต์ จูงใจด้วยข้อเสนอราคาต่ำกว่าตลาดแต่ปกปิดรายละเอียด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผู้บริโภคควรระมัดระวัง และศึกษารายละเอียดการให้บริการของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้ดี ๆ

พีดีเฮ้าส์กับการปรับตัวรับมือ Covid-19 & New Normal

          นายพิศาล ธรรมวิเศษ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า “แม้ตลาดรับสร้างบ้านอาจ จะดูชะลอตัวลง แต่จากการเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ทำให้พีดีเฮ้าส์สามารถวางกลยุทธ์รับมือกับ Covid-19 และปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับกระแส New Normal ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขยายการรับงาน ทั้งงานออกแบบอาคาร ผ่านบริษัทในเครือ บจก.เฌอ-วาด อาคิเทค รวมถึงการรับงานอินทีเรีย, แลนด์สเคป ซึ่งเราเป็นทั้งผู้ออกแบบและก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีการออกแบบบ้านใหม่ ทั้งแบบบ้านหรู (Luxury) แบบบ้านสไตล์โรงนา (Farmhouse) แบบบ้านสู้โควิด-19 และแบบบ้านสไตล์ Asian Tropical ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาจะมีการจัดโปรโมชั่นทุก 2 เดือนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดโปรโมชั่นผลิตภัณฑ์/แบบบ้านใหม่ทุกครั้ง โดยจะมีแบบบ้านออกมาใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 1 ซีรีย์ (5-6 แบบ) พร้อมกันนี้ยังร่วมมือกับซัพพลายเออร์ที่เป็นคู่ค้า ทำการปรับลดต้นทุนวัสดุก่อสร้างหลัก ๆ ช่วยให้สามารถปรับลดราคาบ้านลงได้ 3-5% เมื่อเทียบกับราคาบ้านในช่วงปี 2560-2561 รวมถึงการพัฒนาและออกผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง House Brand สำหรับนำมาใช้ก่อสร้างบ้านของเราเอง  เพื่อควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างบ้าน อาทิเช่น ปูนฉาบป้องกันการแตกร้าว PD Mortar Plus, ประตูหน้าต่างอลูมิเนียม PD Alu,       ฝา-ฝ้าไม้สังเคราะห์ WPC ตกแต่งผนัง-ฝ้าเพดานภายนอก และประตูไม้สังเคราะห์ WPC ภายใต้แบรนด์ PD Wood  เป็นต้น

          “นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการปรับลดค่าใช้จ่ายด้วยการปรับตัวสู่ Work from home อย่างเป็นรูปธรรม โดยพนักงานในส่วนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังหรือแบล็คออฟฟิต เริ่มปฎิบัติงานอยู่ที่บ้านตั้งแต่ในช่วงมีการระบาดของโควิด19 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงการนำ Application บริหารงานก่อสร้างมาใช้ในการควบคุม ตรวจสอบ ติดตามงาน รวมทั้งสื่อสารระหว่างกันและรายงานความก้าวหน้างานก่อสร้างอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการได้อย่างเห็นผล” นายพิศาลกล่าวเพิ่มเติม

โอกาสและอุปสรรคธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2564

          ธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2564 จะเป็นปีที่หนักพอสมควร เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคหรือมูลค่าตลาดที่ถดถอยตามภาวะเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะเข้ามาปลุกเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสภาวะความไม่มั่นคงทางการเมือง และสถานการณ์โรคระบาดที่มีสัญญาณกลับมาระลอกใหม่อีกครั้ง รวมถึงการเข้ามาใหม่ของรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและโบรกเกอร์ ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นตามมา นอกจากนี้ข้อแตกต่างและความไม่ชัดเจนของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านในสายตาผู้บริโภค ที่ทำให้เกิดความกังวลและไม่กล้าตัดสินใจใช้บริการ

          อย่างไรก็ตามธุรกิจรับสร้างก็ยังมีโอกาสอยู่บ้าง แม้แนวโน้มการขยายตัวของตลาดรับสร้างบ้านในปี 2564 จะมีความเป็นไปได้น้อยมากก็ตามที ดังนั้นผู้ประกอบการควรเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สามารถอยู่รอดหรือมี    จุดขายที่ชัดเจนเพื่อสร้างความได้เปรียบคู่แข่ง นอกจากนี้คาดว่าจำนวนผู้ประกอบการรายเดิมก็มีแนวโน้มลดลง โดยอาจเลิกกิจการหรือปิดสาขาในหลายพื้นที่ ซึ่งก็เป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่มีความพร้อมและปรับตัวทันสถานการณ์ สำหรับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่-พื้นที่ใหม่ หรือขยายตลาด (ขยายพื้นที่บริการ) และสร้างจุดเด่นหรือจุดแตกต่างได้ชัดเจนในสายตาผู้บริโภค เพื่อสามารถแข่งขันราคาได้ในคุณภาพเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน

พีดีเฮ้าส์ กับกลยุทธ์แข่งขันปี 2564

          สำหรับพีดีเฮ้าส์ในปี 2564 ก็ได้เตรียมจัดกลุ่มธุรกิจและปรับโครงสร้างการจัดการใหม่ โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม  หลัก ๆ คือกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน โดย ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่/ผู้ลงทุน ประกอบด้วย บริษัทในเครือ 14 บริษัท อาทิ ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (ชลบุรี), ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (พิษณุโลก), ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (นครราชสีมา) ฯลฯ ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านภายใต้ชื่อ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์  หลังจากก่อนหน้านี้ ปทุมดีไซน์ฯ ได้เข้าไป Take over หรือร่วมลงทุนโดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กับแฟรนไชส์รับสร้างบ้านรายเดิม เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายใต้ภาวะตลาดที่กำลังซื้อผู้บริโภคลดลงในปัจจุบัน รวมถึงสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนแฟรนไชส์รายใดที่แข็งแรงอยู่แล้วก็ช่วยพลักดันให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น 

          สำหรับกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มบริหารสิทธิ์ตราสินค้าและสนับสนุนธุรกิจรับสร้างบ้าน โดย ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่/ผู้ลงทุน ประกอบด้วย บริษัทในเครือ 3 บริษัท ได้แก่ “พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ทำหน้าที่บริหาร     แบรนด์พีดีเฮ้าส์ให้เป็นที่รับรู้และยอมรับของผู้บริโภคยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็สร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการ พัฒนาระบบการจัดการควบคู่กันไป สำหรับ “พีดี สยามซัพพลาย แอนด์ เซอร์วิส” เป็นบริษัทในเครือที่มีภารกิจหลักคือ การสนับสนุนธุรกิจรับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ได้แก่ การรวมคำสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง และการเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ เพื่อคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพและได้ต้นทุนที่ดีที่สุด และสุดท้าย “เฌอ-วาด อาคิเทค”  ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบครบวงจร เป็นอีกหนึ่งอาวุธลับ/อาวุธเสริม ในการหาลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น งานอินทีเรีย, งานแลนด์สเคป นอกจากนั้นยังมีรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ที่มีความต้องการบ้านที่เฉพาะเจาะจง รวมไปถึงร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ออกแบบบ้านใหม่ ๆ เพื่อเสิร์ฟให้กับกลุ่มลูกค้าที่สนใจใช้บริการสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์                 

          อย่างไรก็ตามนอกจากการปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว ในปี 2564 พีดีเฮ้าส์ยังเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่-พื้นที่ใหม่ รวมถึงทำการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมเน้นขอบเขตการให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อินทีเรีย จัดสวน สระว่ายน้ำ ตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้วางแผนขยายสาขาใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการเข้าถึงบริการสร้างบ้าน โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 3-4 สาขา ซึ่งในเบื้องต้นเตรียมพร้อมขยาย 2 สาขาในไตรมาสแรกคือ สาขาจังหวัดพิจิตร และสาขาจังหวัดนครนายก และมีพื้นที่จังหวัดเป้าหมายที่สนใจอีกได้แก่ สุราษฎร์ธานี, อุดรธานี, ราชบุรี และกรุงเทพมหานครโซนตะวันออก ในส่วนเป้ายอดขายนั้นวางไว้ใกล้เคียงกับปี 2563 ซึ่งผลการดำเนินงานในปี 2563 นั้นจากที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท คาดว่าสามารถทำได้ใกล้เคียงหรืออาจต่ำกว่าเล็กน้อย โดยต้องรอลุ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ ซึ่งปกติถือว่าเป็นช่วงไฮซีซันของผู้บริโภคที่จะตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน

Political News