สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ธนาคารกรุงเทพ ลงพื้นที่ขอนแก่น เยี่ยมลูกค้าธุรกิจ-บมจ.ช ทวี-กลุ่มผู้เลียงปลาหนองนางขวัญ

ธนาคารกรุงเทพ นำคณะสื่อมวลชนถวายผ้ากฐินพระราชทาน ประจำปี 2563 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 54 ณ วัดมหาชัย พระอารามหลวง จ.มหาสารคาม พร้อมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เยี่ยมลูกค้าธุรกิจ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) รับฟังข้อมูลการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ท้าทายรอบด้าน และนโยบายขับเคลื่อนโครงการ “ขอนแก่นโมเดล” ในฐานะภาคเอกชนผู้ร่วมก่อตั้ง กลุ่มขอนแก่นพัฒนาเมือง กำลังสำคัญในการผลักดันขอนแก่นสู่เมืองต้นแบบ Smart City

บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) “CHO” นับเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจรถขนส่งในจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งริเริ่มธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุก ก่อนจะขยายมาสู่การผลิตและต่อตัวถังรถบัส รถพ่วง-กึ่งพ่วง และรถขนส่งประเภทต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีรถพ่วง และรถเพื่อการพาณิชย์ จากการมองเห็นแนวโน้มการขยายตัวของความต้องการที่มีในระบบขนถ่ายสินค้าด้วยรถพ่วงขนาดใหญ่ และเห็นความสำคัญของนวัตกรรมด้านการต่อตัวถังรถบรรทุกด้วยเทคโนโลยีชั้นนำจากต่างประเทศ ว่าจะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมรถพ่วง-กึ่งพ่วง ในอนาคตเพิ่มมากขึ้น

นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์คุณภาพภายใต้การออกแบบอย่างเหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งหน่วยงานราชการและเอกชน ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  1. กลุ่มผลิตภัณฑ์มาตรฐาน (Standard Product) หรือสินค้าที่สามารถสั่งเพื่อนำไปใช้งานได้ทันที มักเป็นรถในกลุ่มเชิงพาณิชย์ หรือรถสำหรับบรรทุกสินค้าตามวัตถุประสงค์ เช่น กลุ่มรถบรรทุก รถพ่วง-กึ่งพ่วงทั่วไป รถตู้ไฟเบอร์กลาส น้ำหนักเบา รถประชุมสัมมนา รถบรรทุกแบบเทข้าง เป็นต้น
  2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ออกแบบพิเศษ (Special Product) เป็นกลุ่มสินค้าที่ออกแบบพิเศษ มีเทคโนโลยีสลับซับซ้อน และระบบวิศวกรรมที่แม่นยำในการใช้งาน เป็นรถเชิงพาณิชย์ในอุตสาหกรรม Logistic การบิน และอื่น ๆ เช่น กลุ่มรถบรรทุก รถพ่วง-กึ่งพ่วงพิเศษ รถลำเลียงอาหารสำหรับเครื่องบิน (Catering Hi-Loader Truck) รถพยาบาลพิเศษในสนามบิน (Ambulance Truck) รถดับเพลิงในสนามบิน รถซ่อมบำรุงเครื่องบิน (Maintenance Platform) รถตรวจสะพาน รถใช้งานพิเศษตามความต้องการของลูกค้า หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะด้าน เช่น รถหุ้มเกราะ 3 Axles Flat Top Semi Trailer, Japan โดยบริษัทมีลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสายการบินชั้นนำทั้งของไทยและต่างประเทศ อาทิ Thai Airways, Thai Air Asia, Emirates Airline, Royal Brunei Catering, Vietnam Airlines เป็นต้น
  3. ผลิตภัณฑ์กลุ่มโครงการและงานบริการพิเศษ (Project Management and Services) เป็นการรับบริหารจัดการสินค้าและบริการในโครงการต่าง ๆ ที่ต้องการความเชี่ยวชาญของพนักงานเฉพาะกลุ่ม เช่น โครงการสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ของกองทัพเรือ ซึ่งบริษัทได้รับบริหารโครงการเรือลำที่ 2 บางส่วน และก่อสร้างชิ้นส่วนเพื่อส่งมอบนำไปประกอบเรือ โครงการบริหารงานซ่อมบำรุงรถขนส่งและดูแลงานซ่อมบำรุง เพื่อรักษาสมรรถนะการใช้งานของรถในพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้า (DC) ของเทสโก้ โลตัส ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์ซ่อมอยู่ใน DC 6 แห่ง ศูนย์ซ่อมนอก DC 3 แห่ง รวมทั้งศูนย์ในประเทศเวียดนาม 1 แห่ง โครงการขนส่งมวลชน เพื่อเป็นสวัสดิการให้บริการรับ – ส่ง นักศึกษาและบุคลากร ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKU Smart Transit) ที่พัฒนาระบบ Smart Transit และ Application ที่สมบูรณ์ทั้งระบบ กลายเป็นต้นแบบให้หลายองค์กรมาศึกษาดูงาน เรื่องการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ รวมทั้งยังได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ซ่อมแซม บำรุงรักษา รถโดยสารปรับอากาศ NGV ให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ “ขสมก.” ร่วมกับพันธมิตรในนาม SCN-CHO อีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทยังต่อยอดธุรกิจจากที่มีศูนย์ซ่อมรถบรรทุกอยู่ 3 แห่ง คือ ขอนแก่น วังน้อย และพัทยา ด้วยการเพิ่มบริการศูนย์ซ่อม “สิบล้อ 24 ชั่วโมง by CHO” เพื่อซ่อมแซม บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตัวถัง ระบบไฟฟ้า แบบเต็มระบบ โดยเปิดให้บริการแล้วที่ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และสุวรรณภูมิ โดยมีแผนลงทุนเพิ่มเติมอีก 5 แห่ง กระจายไปทั่วประเทศ ภายในปี 2565 ภายใต้งบ 350 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มการให้บริการครอบคลุมการจดทะเบียน ต่อภาษี ประกันภัย พร้อมจำหน่ายอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง โดยทีมช่างมืออาชีพ และเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมระบบการบันทึกข้อมูล ประวัติการซ่อมแซม เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการซ่อมรถแต่ละคันได้จากทุกศูนย์บริการ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสังคม เช่น การสนับสนุนรถเมล์ NGV (Low Floor) ที่ออกแบบเพื่อให้ผู้โดยสารทุกกลุ่มสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวก และปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการ หรือผู้สูงอายุ เป็นต้น

“ในส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทเช่นกัน โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มสายการบินทั้งในและต่างประเทศต่างได้รับผลกระทบ และชะลอการลงทุน รวมทั้งการเข้าสู่ขั้นตอนฟื้นฟูกิจการของสายการบินรายใหญ่ระดับประเทศ แต่บริษัทยังมีรายได้ประจำจากกลุ่มงานซ่อมบำรุงเข้ามาช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมสำหรับสายงานผลิตประกอบรถโดยสารไฟฟ้า (EV-BUS) เพื่อรองรับความต้องการทั้งจากภาครัฐและเอกชน  โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ภาพรวมรายได้ของบริษัทเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมานั้น มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกแบบพิเศษประมาณ 65% กลุ่มบริหารโครงการและงานบริการ 22% และมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์มาตรฐาน13%” นายสุรเดช กล่าว

นายสุรเดช กล่าวต่อว่า บริษัท ช ทวี ยังเป็นหนึ่งในแกนหลักสำคัญของภาคเอกชนกว่า 20 ราย ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเชื่อมโยงกันด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันในเรื่อง “สำนึกรักบ้านเกิด” และร่วมกันจัดตั้ง บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง(เคเคทีที) จำกัด “KKTT” ภายใต้ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อน “ขอนแก่นโมเดล” อย่างบูรณาการร่วมกัน ทั้งความร่วมมือกับภาครัฐ หน่วยงานส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา และภาคประชาชนในพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่กลุ่ม NGO เพื่อออกแบบพัฒนาโครงสร้างของจังหวัดและพัฒนาเมืองให้เติบโตอย่างถูกทิศทาง สู่การเป็นต้นแบบด้าน Smart City เมืองแห่งอนาคต และเมืองศูนย์กลางของอาเซียนเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

สำหรับแผนการลงทุนของกลุ่ม KKTT จะเน้นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยใช้ระบบขนส่งมวลชนเป็นตัวนำ ด้วยการสร้างรถไฟฟ้ารางเบา ระยะทาง 26 กิโลเมตร จำนวนสถานี 21 สถานี และการพัฒนาพื้นที่อย่างเหมาะสมในแนวสายรถไฟฟ้ารางเบา (Transit Oriented Development) รวมทั้งการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ นิคมอุตสาหกรรมสีเขียว ท่าเรือบก หรือ Inland Container Depot เพื่อใช้ขนส่งสินค้าด้วยระบบราง รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำ การศึกษา งานวิจัย และอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ดัชนีความสุขของผู้คนในจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น สอดรับกับนโยบายจังหวัดที่ต้องการเป็นเมืองศูนย์กลาง 3 ด้าน คือ การเป็นเมืองราง เมืองศูนย์กลางทางการแพทย์ และเมืองศูนย์กลางด้านการประชุมสัมมนา (MICE City) โดยที่องค์ความรู้เหล่านี้ จะเป็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคมไทยได้ในอนาคต 

ด้าน ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เจตนารมย์สำคัญของธนาคารคือ การเป็น “เพื่อนคู่คิด” พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าธุรกิจในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะ บริษัท ช ทวี ซึ่งเป็นลูกค้ากับทางธนาคารมาอย่างยาวนาน และมีอุดมการณ์ในการดำเนินธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสร้างความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางธนาคารมีความตระหนัก และนำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินงานให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การพิจารณาสินเชื่ออย่างมีจริยธรรม โดยคำนึงถึงหลักปฏิบัติด้านแรงงาน สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม การดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงสวัสดิภาพของพนักงาน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนโดยรอบสำนักงานและสาขาของธนาคาร เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืนของสังคมและประเทศชาติเช่นเดียวกัน

 

ขณะเดียวกัน ธนาคารกรุงเทพ ยังได้นำลงพื้นที่บ้านหนองนาขวัญ ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงด้านการประมงน้ำจืดรายใหญ่  โดยการนำของ  ร.ต.สมพงษ์ ไชยสงค์ อดีตนายทหารเกษียณอายุราชการ  ซึ่งได้พลิกพื้นที่ดินนาที่มีความเค็มไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าวมาเป็นเลี้ยงปลา รวมตัวกันเป็นกลุ่มผู้เลียงปลาหนองนางขวัญ ซึ่งประสบความสำเร็จสามารถเพาะเลี้ยงปลากะพง แต่ส่วนใหญ่ปลาที่เลี้ยงไว้จะเป็นปลานิล  ปลาตะเพียร ปลายี่สก และปลามรกต ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมระหว่างปลาบึก กับปลาสวาย  ปัจจุบัน  มีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาเป็นสมาชิก  60  ครอบครัว แต่ละรายมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้  มีรายรับหลายแสนบาท  นอกจากนี้ ยังเป็นต้นแบบ ที่มีกลุ่มนักวิชาการ ผู้นำชุมชน นักศึกษาและเกษตรกรชาวบ้านจากหลายจังหวัดแวะเวียนมาดูงานไม่ขาดสาย

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมสนับสนุนชนบทในโครงการบัวหลวงร่วมชุมชนแก้ภัยแล้ง สร้างฝายน้ำล้น 22 แห่งทั่วประเทศ และอยู่ในจังหวัดขอนแก่น 9 แห่ง โดยกลุ่มกลุ่มผู้เลียงปลาหนองนางขวัญ ได้รับอานิสงส์ จากฝายต้นน้ำที่นำส่งน้ำมาจากแก่งระว้า ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงขนาดใหญ่ของจังหวัดขอนแก่น มายังบ่อปลาของเกษตรกร

Political News