สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

เอสซีจี พร้อมผลักดันนวัตกรรมปูนซีเมนต์ รักษ์โลก“ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด”

เอสซีจี โดย ธุรกิจ Cement and Construction Solution (CCS) ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของไทย นำนวัตกรรมปูนซีเมนต์โครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด มาตรฐานปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก รายแรกของไทย เพื่อคุณภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น สานต่อเจตจำนง “การบูรณาการความร่วมมือในการจัดการ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์” โดยมุ่งหวังบรรลุลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน CO2  ภายในปี พ.ศ. 2565

นายสยามรัฐ สุทธานุกูล Chief Marketing Officer - Marketing and Branding ธุรกิจ Cement and Construction Solution กล่าวว่า “พร้อมผลักดันปูนซีเมนต์งานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด เป็นผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่กระบวนการผลิตด้วยพลังงานทดแทน (Alternative Fuel) การใช้พลังงานชีวมวล และ Waste Heat Generator (WHG) นำลมร้อนที่ได้จากกระบวนการผลิตมาปั่นไฟฟ้า และ Solar ทดแทนการใช้พลังงานจากไฟฟ้า ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งนำเทคโนโลยี Materials Science และนวัตกรรมมาปรับใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย Active Ingredient ที่มีคุณภาพความแข็งแรง ได้รับรองมาตรฐาน มอก. 2594-2556 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) นับเป็นมาตรฐานปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกรายแรกของไทย”

“แนวคิดเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม จากปูนซีเมนต์งานโครงสร้าง ตามมาตรฐานปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ได้ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 และได้ออกตลาดวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งในปัจจุบัน “ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด” ที่ไม่เพียงแค่ปรับสูตร มีความแข็งแรง ทนทาน รับกำลังอัด ได้ดีกว่าหรือเทียบเท่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ทั่วไป แต่ยังสามารถมีส่วนช่วยโลก ด้วยการลดการใช้ทรัพยากรในการผลิต และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้ง Value Chain โดยทดแทนการใช้ถ่านหิน ได้เท่ากับ 18% ของความร้อน และมีการนำลมร้อนที่เกิดจากการผลิตนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ลดการใช้พลังงานถึง 38% การผลิตปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก 1 ตัน จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 0.05 ตัน CO2 หากผลิตปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกจำนวน 20 ล้านตัน จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 1 ล้านตัน CO2 ต่อปี ดังนั้นเป้าหมายที่ต้องการบรรลุตามเจตจำนง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 300,000 ตัน CO2 ภายในปี พ.ศ. 2565 มีความเป็นไปได้สูง

เอสซีจี คาดว่า ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด จะตอบโจทย์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ และผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ด้วยคุณภาพที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการขัดสีสูงกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ทั่วไป ให้กำลังอัดสูง รวมถึงลดโอกาสเกิดปัญหาฝุ่นและพื้นหลุดล่อน ลดรอยแตกร้าวจากการหดตัวของปูน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสมสำหรับงานสาธารณูปโภคพื้นฐาน งานถนน งานสะพาน หรือ Mega Project งานก่อสร้างอาคาร ที่พักอาศัยทั่วไป รวมถึงด้านผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ ที่ต้องการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว ทั้ง LEED และ Green Building ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังได้รับการรับรอง Green Label, Carbon Reduction Label, Carbon Footprint Reduction, Carbon Footprint Product และ SCG Green Choice 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เอพี จับมือ เอสซีจี ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างสีเขียว เป้าหมาย Net Zero 2050

‘สมาร์ทบอร์ดและหลังคา เอสซีจี’ ครองใจแบรนด์ชื่นชอบ 12 ปีซ้อนตอกย้ำการรักษามาตรฐานความแข็งแรง

SCG x SCB จับมือร่วมสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวผลักดันอาคารยุคใหม่สู่สังคม Green อย่างยั่งยืน

“เซ็นทรัลพัฒนา” ขับเคลื่อนสังคมสีเขียวจับมือพันธมิตร SCG นำกรีนโซลูชันพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสระดับประเทศ

เอสซีจี เผยแก้โจทย์เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ด้วยจุดแข็งประเทศผสานเทคโนโลยีสร้างโอกาสเอเชียเติบโตบนสังคม Net Zero

เอสซีจี ร่วมแสดงความยินดีกับโครงการ “NorthMed & NorthVille” ด้วยรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Political News