สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

บอร์ด AIT ไฟเขียวประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท

‘บมจ.แอดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี’ (AIT) ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โชว์ฟอร์มไตรมาส 2/63 จากงบเฉพาะกิจการ ทำกำไรสุทธิ 52 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทำได้ 1,188 ล้านบาท หนุนผลงานครี่งปีแรกทำกำไรสุทธิรวม 114 ล้านบาท และรายได้ที่ 2,419 ล้านบาท พร้อมบอร์ดประกาศไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น มั่นใจผลงานปีนี้ทำได้ 6,000 ล้านบาทตามเป้า หลังตุน Backlog ไว้กว่า 6,800 ล้านบาท

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 (เมษายน – มิถุนายน 2563) มีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาท มีความใกล้เคียงกันเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิที่ 78 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 1,188 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 1,730 ล้านบาท

จากผลการดำเนินงานข้างต้น ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2563) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,419 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,994 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 114 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าจุดยืนการเป็นหุ้นในกลุ่มที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอให้กับผู้ถือหุ้นและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาจากงบเฉพาะกิจการและอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2563) ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 สิงหาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 กันยายน 2563

ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวเสริมว่า แม้ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของลูกค้า ที่ทำให้การส่งมอบงานหรือการตรวจรับงาน รวมทั้งการรับชำระเงินมีความล่าช้าออกไป ส่งผลให้ภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรกลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจรายได้ในปีนี้จะทำได้ 6,000 ล้านบาท ตามเป้าหมาย โดยปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2563 อยู่ที่ 6,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป นอกจากนี้ยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอใบคำสั่งซื้อจากลูกค้าอีกจำนวนประมาณ 240 ล้านบาท

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทฯได้รับผลกระทบเฉพาะเรื่องความล่าช้าในการส่งมอบและตรวจรับงาน รวมทั้งการรับชำระเงิน แต่ไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องการขายโครงการเนื่องจากเป็นงานภาครัฐที่ปกติบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐกว่า 80% ส่วนกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทฯสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากโครงการในปีก่อนๆและได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่รวม 46 ล้านบาท จึงมีผลต่อกำไรสุทธิค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้เพิ่มมาตรการลดความเสี่ยงด้านการขายมากขึ้น ซึ่งคาดว่าการสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจะลดลงในอนาคต” นายศิริพงษ์ กล่าว

Political News