เคทีซีทำนิวไฮปี 2560 กำไรสุทธิเกินเป้า 3,304 ล้านบาท เติบโต 32% จากปี 2559 ฐานสมาชิกรวม 3 ล้านบัญชี ยอดลูกหนี้รวมเพิ่ม 7% เท่ากับ 73,488 ล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดลงเหลือ 1.3% สำหรับทิศทางและโมเดลธุรกิจปี 2561 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นสมาชิกเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เดินหน้าทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการผู้บริโภค สรรหาคู่ค้าพันธมิตรธุรกิจที่แตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ฐานสมาชิก โดยตั้งเป้าทำกำไรและรักษาระดับ NPL ให้คงอยู่ในระดับเดียวกับปี 2560 พร้อมมุ่งขยายพอร์ตลูกหนี้ไม่ต่ำกว่า 10% และขยายปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมไม่ต่ำกว่า 15%
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อัตราเติบโตของกำไรสุทธิเคทีซีในปี 2560 ถือว่าเกินกว่าคาดหมายไว้อย่างมาก แม้จะต้องเผชิญกับหลายปัจจัยกดดัน ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว มาตรการและกฎเกณฑ์ใหม่ในการควบคุมวงเงินบัตรเครดิต การเข้าถึงสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงานเชิงรุกในการรับมือกับสภาวะที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถขยายฐานบัตรและควบคุมคุณภาพหนี้ให้มี NPL อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก”
“ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เคทีซีมีกำไรสุทธิ 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปี 2559 ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งปีเท่ากับ 176,777 ล้านบาท เติบโต 6.9% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งเท่ากับ 5.2% สำหรับปริมาณการซื้อขายผ่านร้านค้ามีมูลค่า 77,884 ล้านบาท เติบโต 26.3% จำนวนร้านค้าสมาชิกเท่ากับ 32,875 แห่ง เพิ่มขึ้น 10.5% จากการร่วมขยายร้านค้าและติดตั้งเครื่องรับบัตร การขยายร้านค้าออนไลน์ การรับชำระเงินผ่านระบบ Virtual Terminal และการขยายร้านค้าอาลีเพย์”
“บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 73,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ 68,297 ล้านบาท โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมเท่ากับ 73,488 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 3 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,169,370 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 48,388 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 852,915 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 24,757 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดเหลือ 1.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 1.7% NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.1% จาก 1.2% และ NPL สินเชื่อบุคคลลดเหลือ 0.8% จาก 0.9%”
บริษัทฯ มีรายได้รวมปี 2560 เท่ากับ 19,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ย (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้หนี้สูญได้รับคืน ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) เป็น 15.13% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ 15.12% สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 28.5% สัดส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) เท่ากับ 36.6% ต่ำลงกว่าปีก่อนหน้าที่ 39.3% วงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) เท่ากับ 21,570 ล้านบาท เป็นวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 3,540 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 4.85 เท่า ต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
นายระเฑียรกล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2561 ว่า “เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในเชิงบวก การใช้จ่ายในการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปัจจัยสนับสนุนของภาครัฐในโครงการต่างๆ ที่มีความชัดเจนมากขึ้น โมเดลการทำธุรกิจของเคทีซีในปี 2561 จึงมุ่งใช้กลยุทธ์เชิงรุกไปที่สมาชิกเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience) ซึ่งคำว่าสมาชิกไม่ใช่เพียงแค่ลูกค้าแต่จะครอบคลุมถึงพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบด้าน โดยเน้นการเข้าถึง ใส่ใจ และตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของสมาชิก”
“เคทีซีจะเน้นการผนึกความร่วมมือกับหลากพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ รวมถึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีบริการมาสนับสนุนการทำธุรกิจ อีกทั้งจะปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผลิตภัณฑ์บัตรบางประเภทให้น่าสนใจและแข่งขันได้ ขยายฐานสมาชิกโดยมุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของบริษัทและพันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนปรับปรุงบริการให้สมาชิกสามารถกำหนดและทำรายการได้ด้วยตนเอง (Self Service) เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ จะขยายปริมาณร้านค้ารับบัตรเครดิตสู่ธุรกิจใหม่และตลาดต่างจังหวัดด้วยบริการ KTC Payment Solutions ที่เหมาะกับประเภทของคู่ค้า เช่น KTC QR Code Payment, Alipay O2O (Online to Offline) เป็นต้น ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้สมาชิกรอบด้านเกิดความพึงพอใจและผูกพันกับแบรนด์เคทีซี อันจะนำไปสู่การเติบโตของบริษัทฯ อย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนจะขยายปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมที่ไม่ต่ำกว่า 15% พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรและรักษาระดับ NPL ได้ในระดับเดียวกับปี 2560
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
KTC boosts profit by 32 percent, achieving new-high 5 years in a row. Aims to maintain the same net profit and NPL level,and strives for a customer centric business model in 2018.
KTC achieves a new-high in 2017; net profit rose 32 percent, amounting to Bt. 3.304 billion, exceeding well above target profit compared to 2016. KTC serves a total of 3 million user accounts in its customer database. Gross accounts receivable rose 7 percent to Bt.73.488 billion, while NPL dropped by 1.3 percent. The firm’s business model and operating direction in 2018 seeks to be customer centric, to respond and cater to the needs of its members, and to select differentiated business alliances that would add value to its member database. The firm’s aims for 2018 is to generate profit and maintain the same NPL level it had previously established in 2017, expand it’s account receivable port by at least 10 percent, and stimulate credit card spendings by at least 15 percent.
Mr. Rathian Srimongkol, President and Chief Executive Officer of “KTC” or Krungthai Card Public Company Limited, claims, “KTC’s net profit growth rate in 2017 was beyond expectations in the face of various adverse factors, including household debt amidst economic recovery, new credit card regulations and administrative measures, accessibility of personal loans, as well as the effects of credit card interest rate cuts. Despite this, KTC implemented proactive operating strategies to handle such conditions, in order to expand credit card bases to maintain credit quality at a low NPL value, to increase fee income, and to control the increase in operating costs at a minimum value.”
“As of December 31st, 2017, KTC’s net profit rose 32 percent, to Bt. 3.304 billion, in comparison to the same period in 2016. Total Credit Card spendings amounted to Bt. 176.777 billion, a 6.9 percent increase, above industry average growth of 5.2 percent. Merchant spendings amounted to Bt. 77.884 billion, a 26.3 percent increase, while the number of merchants totaled at 32,875 locations, a 10.5 percent increase, catalyzed by the joint merchant expansion, installation of Electronic Data Capture (EDC) devices, expansion of online merchants, implementation of virtual terminal payments, and Alipay merchants.”
“The firm has a total asset value of Bt. 73.636 billion, an 8 percent increase, compared to the same period in 2016, which valued 68.297 billion. Gross account receivable ports totaled 73.488 billion with 3 million user accounts, a 3.7 percent increase compared to the same period last year. This value can be broken down to comprise of 2,169,370 credit cards with total credit card receivables value of Bt. 48.388 billion, a personal loans portfolio of 852,915 accounts, with ending gross receivables of Bt. 24.757 billion, while NPL experienced a drop from 1.7 to 1.3 percent compared to the same period last year. NPL for credit cards also experienced a drop from 1.2 percent to 1.1 percent, and NPL for the personal loans business drop from 0.9 to 0.8 percent.
KTC’s total revenue amounted to Bt. 19.525 billion, a 11 percent increase, compared to last year, comprising of interest revenue (including credit usage fees), fee income and bad debt recovery revenue. Net interest margin totaled at 15.13 percent, similar to last year’s value of 15.12 percent. Operating cost to income ratio totaled at 27.5 percent, having decreased from 28.5 percent of last year. Similarly, cost to income ratio totaled at 36.6 percent, having decreased from 39.3 percent of last year. Available credit line totaled Bt. 21.570 billion, comprising of Bt. 18.030 billion Krungthai Bank credit line, and Bt. 3.540 billion from other commercial banks. To this end, the firm’s debt to shareholder equity is 4.85, the ratio 10 times lower than the contingency agreement value.
Mr. Rathian discusses the 2018 overall economic outlook, “The Thai economic growth have a likelihood of positive growth momentum, while consumer spending and private investments have tendencies to recover due to economic stimulus measures and more distinct support intervention factors in the government sector. Therefore, KTC’s 2018 business model aims to utilize proactive operating strategies that are customer centric, in order to create satisfying customer experiences. The term ‘members’ is not solely defined as customers, but will also span to include employees and encompassing stakeholders. KTC will achieve this by prioritizing accessibility, attentiveness, and meeting the true needs of members.”
“KTC will also emphasize the collaboration and joining forces with various alliances that are experts in specific fields, as well as introduce service technological advancements to support the business operation. KTC will improve certain Credit Card privileges by making it more enticing and competitive, expand customer base with priority in quality over quantity through the firm and it’s business alliances’ online channels, including service improvements, that will allow self service in order to comply with consumer’s lifestyles in the digital age. Moreover, KTC will expand the number of merchants that accept Credit Cards to new businesses and provincial markets via KTC Payment Solutions services, that are suitable to partners, including KTC QR Code Payment, Alipay O2O (Online to Offline), and more. KTC’s objective is for members and stakeholders to feel satisfaction and to create a bond with KTC as a brand, which will eventually lead to long term sustainable company growth. Moreover, within 2018, the company aims to increase Credit Card spendings by at least 15 percent, expand the account receivable port by at least 10 percent, expect to generate profit and maintain the same NPL level it had previously established in 2017.
