สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

เอพี ไทยแลนด์ รุกตลาดคอนโดในเมือง ส่ง LIFE อโศก-พระราม 9 คอนโดใหม่พร้อมอยู่ มูลค่า 9,800 ล้าน

  • +ตอกย้ำพันธกิจ ‘เอ็มพาวเวอร์ ลิฟวิ่ง’ ด้วยวิธีคิดใหม่ในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางในคอนโดมิเนียมรับยุค NEXT NORMAL ด้วย 4 แนวทางปลดล็อคข้อจำกัดและความกังวล
  • +นำร่องด้วย LIFE อโศก-พระราม 9 โครงการใหม่พร้อมอยู่ ต้นแบบเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกัน ในความปกติใหม่ ต่อยอดความสุข ความสำเร็จ ควบคู่ไปกับความอุ่นใจ ปลอดภัยในการใช้ชีวิตไปกับพื้นที่ส่วนกลางกว่า 7.5 ไร่

บมจ. เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING' ที่พร้อมสนับสนุนทุกเป้าหมายของชีวิต ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมาย รุกตลาดอสังหาฯ หลังพบสัญญาณบวกของเซนติเมนท์ลูกค้าที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ LIFE อโศก-พระราม 9 คอนโดร่วมทุน มูลค่า 9,800 ล้านบาท ต้นแบบคอนโดเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันในความปกติใหม่ อุ่นใจในการใช้อยู่อาศัยบนพื้นที่ส่วนกลางที่กว่า 7.5 ไร่ ด้วยแนวคิด ‘THE FUTURE OF LONGEVITY DESIGN’ ชู 4 แนวทางเพื่อการอยู่อาศัยในวิถีใหม่ ครอบคลุมมิติด้านการบริหารความหนาแน่นของพื้นที่ ระบบอากาศที่มีคุณภาพ สังคมแห่งการเชื่อใจทุกพื้นที่ห่างไกลเชื้อโรค และดิจิตอลแพลตฟอร์มบริหารคุณภาพชีวิตหลังการเข้าอยู่อาศัย

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า “บริษัทฯ เตรียมพร้อมส่งมอบ LIFE อโศก-พระราม 9 คอนโดมิเนียมร่วมทุนใหม่โครงการที่ 11 ระหว่างเอพีและพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเดือนสิงหาคมนั้น และเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไปจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ยิ่งโดยเฉพาะกับพื้นที่ส่วนกลาง (Public Area) พื้นที่ที่หลายคนอาจกังวลใจที่จะต้องใช้งานร่วมกัน บริษัทฯ จึงพร้อมเปิดตัว ‘THE FUTURE OF LONGEVITY DESIGN’ แนวคิดใหม่ในการออกแบบพื้นที่และการบริหารจัดการเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันในวิถีใหม่อย่างยั่งยืนโดยนำร่องใช้ที่โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 เป็นแห่งแรก”

“เราได้ศึกษาหาอินไซต์ของคนเมืองในมุมของการอยู่อาศัยร่วมกันกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งพบ 3 ประเด็นที่คนให้ความสำคัญ ได้แก่ 1. ความหนาแน่น (Density) การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการกับปริมาณการเข้าใช้งานในสเปซนั้นๆ  2. สุขภาพร่างกาย (Health) ความปรารถนาที่อยากจะมีสุขภาพร่างกายที่ดี 3. ทางเลือกด้านเทคโนโลยี (Technology) การมองหาเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย ซึ่งทั้งหมดถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายยิ่งในการสร้างความมั่นใจ และทำให้สามารถใช้ชีวิตช่วงระหว่างและหลังวิกฤตได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และมีความสุข โดยไม่สร้างภาระการดูแลและค่าใช้จ่ายในอนาคต" นายวิทการกล่าว

หลักสำคัญของแนวคิด THE FUTURE OF LONGEVITY DESIGN ที่นำมาประยุกต์ใช้ที่โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันในบรรทัดฐานใหม่อย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่

1)   The Next-Level of Sharing Space การนำเสนอทฤษฎีใหม่ 'Human x Social Distancing Scale' ที่ใช้หลักการของการออกแบบสัดส่วนมนุษย์ กับการเว้นระยะห่างทางสังคมในพื้นที่ส่วนกลางที่มีระยะห่างตั้งแต่ 1.20-3.00 เมตร เพื่อลดความหนาแน่นในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ เช่น Lobby, Co-working Space, Fitness และ Lounge เป็นต้น

2)   Clean Air Quality ใช้หลักการออกแบบระบบระบายอากาศ (Ventilation Design) เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศภายใน ตลอดจนและการพัฒนานวัตกรรมและเลือกใช้เทคโนโลยีที่เอื้อให้เกิดอากาศที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน และการบำรุงรักษาในระยะยาว

3)   Trustable Society ยกระดับมาตรฐานการทำงานของทีมบริหารจัดการจาก บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ในเครือเอพี เพื่อสร้างสังคมแห่งการเชื่อใจ อุ่นใจในทุกพื้นที่อยู่อาศัย ด้วยการวางแผนบริหารจัดการให้ทุกพื้นที่ห่างไกลเชื้อโรค พร้อมเป็นผู้ช่วยในการช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในการเข้าใช้ Facilities ต่างๆ ภายในโครงการ นอกเหนือจากการเข้มงวดด้านความสะอาดที่ยึดเป็นพื้นฐาน

4)   Tech-Life Management การนำ SMART WORLD ดิจิตอลแพลตฟอร์มบริหารคุณภาพชีวิตหลังการเข้าอยู่อาศัยเข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย

“ถือเป็นครั้งแรงของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยก็ว่าได้กับการนำเสนอแนวคิดการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับการจัดการพื้นที่ส่วนกลางในวิถีใหม่ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการหลังการเข้าอยู่อาศัย ซึ่งสุดท้ายแล้ว เชื่อว่ามนุษย์ยังคงต้องการ Socialization หรือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งการปรับดีไซน์ในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเชื่อมั่นและความอุ่นใจในการอยู่อาศัยของลูกค้าอย่างแน่นอน” นายวิทการกล่าว

นายพัชร ชยาสิริ ผู้อำนวยการเอพี ดีไซน์ แล็บ กล่าวว่า “การแพร่ระบาดครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะคีย์สำคัญนอกจากจะต้องคิดและทำให้เร็วแล้วนั้น รายละเอียดของงานดีไซน์ในพื้นที่ต่างๆ ที่ต้องปรับเพื่อแก้โจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตกับพื้นที่ส่วนกลางที่เปลี่ยนแปลงไป จะต้องถูกคิดแบบครบทุกมิติ ต้องไม่สร้างภาระให้กับลูกค้าหรือต้องย้อนกลับมาแก้ดีไซน์ใหม่เมื่อถึงวันที่การแพร่ระบาดยุติลง และสำหรับโครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 ณ วันที่ WHO ประกาศสถานการณ์แพร่ระบาดทั่วโลก (เดือนมีนาคม) โครงการนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จไปมากกว่า 90% คงเหลือเพียงงานแลนด์สเคปและอินทีเรียเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่เพื่อความอุ่นใจ มั่นใจในการอยู่อาศัย บริษัทฯ จึงสร้างนิยามใหม่ (Redefine) ของการจัดวางสเปซในพื้นที่ส่วนกลาง ด้วยการคำนึงถึงสัดส่วนมนุษย์กับการเว้นระยะห่างทางสังคมตั้งแต่ 1.20-3.00 เมตร รวมถึงแนวคิดใหม่ในการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวในพื้นที่ส่วนรวม (Space within Space) เช่น Pavilion Space การแยกสเปซรับรองออกเป็นพาวิลเลี่ยนย่อย เพื่อรองรับการใช้งานเฉพาะกลุ่มใน Lobby หรือ Cocoon Seat โซฟาที่ให้ความเป็นส่วนตัว”

“ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการสร้างอากาศที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นภายในโครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงการประหยัดพลังงานและการบำรุงรักษาในระยะยาว เช่น การออกแบบระบบระบายอากาศ (Ventilation Design) เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศภายใน Lobby ที่มีเพดานสูงมากกว่า 4.5 เมตรขึ้นไป มีใช้นวัตกรรม AP Corridor Window ดีไซน์ลิขสิทธิ์ของเอพี สร้างอากาศหมุนเวียนตามธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมง การติดตั้ง Plasma Cluster Technology เทคโนโลยีฟอกอากาศช่วยให้อากาศภายในลิฟต์โดยสาร โถงลิฟต์ หรือพื้นที่ปิดอย่าง Private Co-Working Room และ Private Workout Space เป็นอากาศที่บริสุทธิ์ปราศจากแบคทีเรีย ไวรัส และฝุ่น PM2.5 ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุหรือเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมความอุ่นใจในการอยู่อาศัย เช่น สีทาอาคารปลอดสารพิษ (Non-Toxic) การเลือกใช้ Anti-Bacterial Film สำหรับปุ่มกดลิฟท์และมือจับประตู และ Self-Cleaning Alcohol Station เป็นต้น” นายพัชรกล่าวเสริม

LIFE อโศก - พระราม 9 คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ใหม่ล่าสุด โครงการร่วมทุนระหว่างเอพีและพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) มูลค่ามากถึง 9,800 ล้านบาท จำนวน 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ (ทาวเวอร์ A สูง 42 ชั้น และทาวเวอร์ B สูง 46 ชั้น) จำนวน 2,248 ยูนิต สถานะยอดขาย 95% ราคาเริ่มต้น 3.1 ล้านบาท (หรือเริ่ม 125,000 บาท/ตร.ม.) พื้นที่ใช้สอย 25-58 ตร.ม. โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางกว่า 7.5 ไร่ เดินทางสะดวกเพียง 300 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระราม 9 แวดล้อมด้วย ศูนย์การค้าชั้นนำมากมาย

Political News