สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

จับจุดหุ้นจีน A Share หลังโควิด..พลิกวิกฤตเป็นโอกาส

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด จัดสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “จับจุดหุ้นจีน A Share หลังโควิด..พลิกวิกฤตเป็นโอกาส”  โดยมีมุมมองว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวได้หลังโควิด-19 คลี่คลาย และ New China หรือเศรษฐกิจจีนยุคใหม่จะเป็นธีมการลงทุนในตลาดหุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะกลางถึงยาว พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นในกองทุน UBS Investment China A Opportunity ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้ (KFACHINA-A) ที่จะยังคงทำผลงานได้เหนือตลาด พิสูจน์ได้จากช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา

โดยคุณวิเวียน หงึ (Vivien Ng) ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก UBS Asset Management กล่าวว่า ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวของจีน  ได้แก่ การบริโภคที่เพิ่มขึ้น  การเข้าสู่สังคมเมือง  การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ และความก้าวหน้าทางนวัตกรรม  โดยมี 2 ปัจจัยที่ช่วยเร่งเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างรวดเร็ว  ได้แก่ ความนิยมในการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นระดับพรีเมี่ยมเพิ่มมากขึ้น  และนวัตกรรมต่างๆ จากจีนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของตลาดหุ้น A Share ที่ในปี 2562 มีการเติบโตมากถึง 13.8% มากกว่า MSCI World ซึ่งเติบโตอยู่ที่ 4.3% และ MSCI China  ที่เติบโตเพียง 3.5% และปัจจุบันตลาด A Share เป็นตลาดที่สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ   ทั่วโลกรองจาก Nasdaq เท่านั้น นอกจากนี้ ราคาของตลาด A Share ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยมี P/E เพียง 12.4 เท่า มีโอกาสที่จะเติบโตในระยะยาวได้อีก ตลาดหุ้นจีน A Share จึงมีความน่าสนใจในการลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรได้ในระยะกลางถึงระยะยาว

ทั้งนี้ กองทุนหลักจะเลือกลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจจีนยุคใหม่ และคัดเลือกหุ้นที่โดดเด่นหรือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ส่งผลให้กองทุนทำผลงานได้เหนือตลาดมาโดยตลอด โดยเฉพาะในวิกฤตโควิด-19 ที่ตลาดติดลบไปเกือบ 20% ขณะที่กองทุนติดลบเพียง 5 - 10% เท่านั้น ในช่วงที่ผ่านมากองทุนหลักได้เพิ่มการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากวิกฤตโควิด-19 โดยตรง  ได้แก่ หุ้น Tencent  Holdings ผู้นำธุรกิจเกมทางมือถือ หุ้น TAL Education ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเรียนทางออนไลน์ และหุ้น Kweichow Moutai ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดเหล้าระดับพรีเมี่ยมที่ราคาลดลงในช่วงวิกฤต และตอนนี้ราคาได้กลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่อาจทำให้เกิดการสร้างกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นจีนมากนัก เนื่องจากรายได้ของประเทศจีนมากกว่า 90% มาจากการบริโภคภายในประเทศมากกว่าการพึ่งพาตลาดของสหรัฐเพียง 2%

ส่วนประเด็นกำแพงภาษีก็ไม่น่าจะมีผลกระทบเพราะผู้บริโภคในสหรัฐเองจะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า วิกฤต  โควิด-19 ทำให้ตลาดหุ้นจีนโดยรวมลดลงไป 15% แต่ขณะนี้ตลาดเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ 10% เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนได้ผ่านพ้นช่วงต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากมาตรการการควบคุมจากภาครัฐและความร่วมมือจากภาคประชาชนทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว   ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเติบโตในระดับต่ำและอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกนาน นักลงทุนจึงยังควรมองหาธีมการลงทุนที่แข็งแกร่ง      อย่าง New China ที่จะสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ สำหรับกองทุน UBS Investment - China A Opportunity สามารถทำผลงานชนะตลาดได้โดยตลอด โดยในปี 2562 สร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 50% เป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรม (ที่มา: Morningstar Thailand  ณ 30 ธ.ค. 62)

 คำเตือน

  • ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • KFACHINA-A ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ UBS (Lux) Investment SICAV - China A Opportunity (USD) (Class P – acc) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV | กองทุนมีระดับความเสี่ยง 6 : เสี่ยงสูง
  • KFACHINA-A อาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
  • KFACHINA-A มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/ หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

 

Political News