สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

วีซ่า เผย วันคริสต์มาสครองแชมป์ใช้จ่ายสูงสุดสำหรับผู้บริโภคชาวไทย

วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ล่าสุดได้เปิดเผยผลการสำรวจเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวไทยช่วงวันหยุดเทศกาลในปีที่ผ่านมา โดยวันคริสต์มาสครองแชมป์ที่มีผู้ใช้จ่ายมากที่สุด คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ จากยอดรวมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลทั้งหมด ซึ่งรวมถึง วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (วันพ่อแห่งชาติ) วันสิ้นปี วันปิยมหาราช วันตรุษจีน และวันสงกรานต์

การศึกษาครั้งนี้ของวีซ่า[1]เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยวีซ่าเน็ต (VisaNet) หนึ่งในเครือข่ายด้านการใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดเทศกาลของผู้บริโภคชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนานวัตกรรมและทางเลือกในด้านการชำระเงินต่างๆ และต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรของวีซ่าในหลากหลายอุตสาหกรรม

สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “สำหรับวีซ่า เราไม่เคยหยุดยั้งในการคิดค้นนวัตกรรมด้านการชำระเงินเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพันธมิตรและผู้บริโภค  ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่เราใช้คือการนำข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในระบบเครือข่ายทั่วโลกของวีซ่าเน็ตมาศึกษาและวิเคราะห์ ด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามจรรยาบรรณและมีความปลอดภัยอย่างสูงสุด  ทีมงานผู้ให้คำปรึกษาด้านการชำระเงินของวีซ่าได้วิเคราะห์ข้อมูลด้านการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดเทศกาลเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกอันเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบรรดาพันธมิตรของวีซ่าและภาคอุตสาหกรรม ให้เจริญก้าวหน้า รวมทั้งการขยายการยอมรับการชำระเงินทางดิจิทัลในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”

หกอันดับวันหยุดเทศกาลในประเทศไทย วัดจากการใช้จ่ายโดยรวม

วันหยุดเทศกาลที่ได้รับความนิยมสูงสุดวัดจากการใช้จ่ายโดยรวม ได้แก่ วันคริสต์มาส (30 เปอร์เซ็นต์) วันพ่อแห่งชาติ (16 เปอร์เซ็นต์) วันสิ้นปี (15 เปอร์เซ็นต์) วันปิยมหาราช (15 เปอร์เซ็นต์) วันตรุษจีน (13 เปอร์เซ็นต์) และวันสงกรานต์ (11 เปอร์เซ็นต์)

โดยเฉลี่ยยอดการใช้จ่ายสูงสุดต่อหนึ่งธุรกรรมการเงิน คือ วันคริสต์มาส (4,949 บาท) ตามด้วยวันตรุษจีน (2,773 บาท) วันปิยมหาราช (2,742 บาท) วันพ่อแห่งชาติ (2,517) วันสิ้นปี (2,492 บาท) และวันสงกรานต์ (2,137 บาท)

คนไทยใช้จ่ายในด้านใดบ้าง: สิบอันดับประเภทการใช้จ่ายในประเทศ

เนื่องจากวันหยุดเทศกาลของไทยถือเป็นโอกาสในการพบปะสังสรรค์ รวมถึงการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว จึงไม่น่าแปลกใจที่สถานที่ที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดสองอันดับแรกจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งแต่ละแห่งคิดเป็น 26 เปอร์เซ็นต์ของยอดการใช้จ่ายรวม  นอกจากนี้  ประเภทการใช้จ่ายอื่นๆ ที่คนไทยจับจ่ายในช่วงวันหยุดเทศกาลที่ติดอันดับสูงสุด ได้แก่ ร้านอาหาร (15 เปอร์เซ็นต์) ห้างสรรพสินค้า (11 เปอร์เซ็นต์) ร้านค้าปลีก (10 เปอร์เซ็นต์) โทรคมนาคมและระบบสาธารณูปโภค (8 เปอร์เซ็นต์) เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ (7 เปอร์เซ็นต์) ดิสเคาท์สโตร์ (6 เปอร์เซ็นต์) ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด (6 เปอร์เซ็นต์) และบริการเฉพาะกิจ (5 เปอร์เซ็นต์)

ประเทศยอดนิยมของคนไทย สำหรับการท่องเที่ยวและใช้จ่าย

ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากยังใช้เวลาในช่วงวันหยุดเทศกาลเพื่อเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนอีกด้วย โดยสิบอันดับจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมวัดจากการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดเทศกาลทั้งหกวัน ได้แก่ ญี่ปุ่น (25 เปอร์เซ็นต์) สหราชอาณาจักร (8 เปอร์เซ็นต์) เกาหลีใต้ (7 เปอร์เซ็นต์) สหรัฐอเมริกา ( 6 เปอร์เซ็นต์) ฝรั่งเศส (5 เปอร์เซ็นต์) สิงคโปร์ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ และ อิตาลี (4 เปอร์เซ็นต์) และไต้หวัน (3 เปอร์เซ็นต์)

ยอดใช้จ่ายในต่างประเทศของคนไทยเฉลี่ยยอดสูงสุดต่อธุรกรรม

จากข้อมูลการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในต่างแดนของลูกค้าวีซ่า คนไทยมีการใช้จ่ายสูงสุดต่อธุรกรรมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (14,240 บาท) ตามด้วยฝรั่งเศส (13,444 บาท) อิตาลี (13,356 บาท) ฮ่องกง (8,393 บาท) สหราชอาณาจักร (8,014) ญี่ปุ่น (5,961 บาท) สิงคโปร์ (5,778 บาท) ไต้หวัน (5,333 บาท) เกาหลีใต้ (4,486 บาท) และสหรัฐอเมริกา (4,445 บาท)

 “ผู้ถือบัตรวีซ่าชาวไทยจะได้รับประโยชน์จากการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความรวดเร็ว สะดวกสบาย และปลอดภัย  ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หรือในช่วงเวลาไหน นอกจากนั้นเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วนทั้งภาคการเงิน และอุตสาหกรรมอื่นที่ระบบการชำระเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จะเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานและความแตกต่าง และเหนือสิ่งอื่นใด เราจะยังคงเดินหน้าร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในอนาคต” นายสุริพงษ์ กล่าวสรุป

 

Political News