ฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย “โค้กคัพ” ครั้งที่ 20 ประกบคู่รอบ 8 ทีมเตะแบบเหย้า เยือนเรียบแล้ว นัดแรกประเดิมวันที่ 12 มกราคม 2561 ทีมแชมป์รับ 1 ล้านบาท พร้อม ทริปพิเศษแดนปลาดิบดูเกมส์ คอนซาโดเล ซัปโปโร่ 1 นัด และฝึกประสบการณ์กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร่สโมสรในเจลีก เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย เผย “โค้กคัพ”ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับของวงการลูกหนังไทยตามเจตนารมณ์ของ โคคา-โคลา พร้อมที่จะส่งเสริมการสร้างทัศนคติ ความรู้ และศักยภาพของนักฟุตบอลในโครงการ “โค้กคัพ” ให้สามารถก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว
ที่ ห้องประชุมการกีฬาแห่งประเทศไทย ชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ชั้น 25 การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก “คุณธงชัย ศิริธร” ผู้อำนวยการกิจกรรมสังคมและสื่อสารองคก์ร บริษัท ไทยน้ำ ทิพย์จำกัด ร่วมกับ “พันโทรุจ แสงอุดม” รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท.)ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์, “คุณลัขณานันท์ ลักษมีธนานันต์” อุปนายกบริหารงานฝ่ายอำนวยการบัญชีและการเงิน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, “คุณโอฬาร เชื้อบาง” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด มหาชน ร่วมเป็นประธานแถลงข่าว การจับสลากประกบคู่ การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย “โค้กคัพ” ครั้งที่ 20 รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยมีผู้สนับสนุน ตัวแทนสโมสร และสื่อมวลชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก ก่อนที่การแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะเตะแบบเหย้า เยือนจะเริ่มแข่งขันนัดแรกในวันที่ 12 มกราคม 2561
“คุณธงชัย ศิริธร” ผู้อำนวยการกิจกรรมสังคมและสื่อสารองคก์ร บริษัท ไทยน้ำ ทิพย์จำกัด เปิดเผยว่า “ ในนามของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย “โค้กคัพ” ในครั้งที่ 20 นี้ เป็นปีที่เราได้จัดกิจกรรมฟุตบอลระดับเยาวชนในประเทศไทยมาครบรอบ 39 ปีอีกด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้นมิติใหม่ของ “โค้กคัพ” สู่การยกระดับให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยยังคงสานต่อความมุ่งมั่นของ “โค้ก” ในการสร้างโครงการที่สามารถส่งเสริมให้เยาวชนเล่นกีฬาและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป”
“การแข่งขันครั้งที่ 20 นี้ ได้แข่งขันผ่านมาจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายกันแล้ว ซึ่งการแข่งขันก็ได้เพิ่มความเข้มข้น ด้วยการประกบคู่แข่งแบบเหย้าเยือน ซึ่งเรามั่นใจว่าจะเป็นเกมการแข่งขันที่เร้าใจ ตื่นเต้นได้รับความสนใจแฟนบอลแต่ละสโมสรแน่นอน เพราะนักเตะส่วนใหญ่ก็มีดีกรีดาวรุ่งของสโมสรทั้งนั้น ซึ่งก็ตรงกับวัตถุประสงค์ของการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน “โค้กคัพ” ที่เราต้องการจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อแสดงฝีเท้าออกมา เป็นการปูพื้นฐานไปสู่นักเตะอาชีพ ก้าวไปสู่นักเตะตัวแทนทีมชาติ ตัวแทนสโมสรต่างๆนั่นเอง
“สำหรับ”โค้กคัพ”ครั้งที่ 20 “โค้ก” ได้จะมอบรางวัลพิเศษกับทีมแชมป์ เป็นทริปเพิ่มประสบการณ์ โดยจะพาทีมชนะเลิศ ไปเข้าร่วมรับประสบการณ์ที่ คอนซาโดเล ซัปโปโร่ สโมสรในเจลีก เป็นเวลา 1 สัปดาห์ พร้อมชมการแข่งขันอีก 1 นัดอีกด้วย ”รวมถึงสนับสนุนเงินรางวัลให้กับทีมชนะเลิศ และรองชนะเลิศเป็นเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 ล้าน 5 แสนบาท โดยมอบให้ทีมชนะเลิศ 1 ล้านบาท และทีมรองชนะเลิศ 5 แสนบาท”
ส่วน “พันโทรุจ แสงอุดม” รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท.)ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ กล่าวว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทย มีความยินดีและพร้อมที่จะให้การสนับสนุน “โค้กคัพ” อย่างเต็มที่ ด้วยเจตนารมณ์ที่ตรงกันกับกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลาฯ ในการส่งเสริมการเล่นกีฬาในกลุ่มเยาวชน และได้เล็งเห็นประโยชน์ของการแข่งขันนี้ที่จะเป็นโอกาสสำคัญในการที่เยาวชนจะพัฒนาทักษะฟุตบอล เพื่อต่อยอดไปถึงการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนด้านสนามแข่งขันทั่วประเทศ
ขณะที่ “คุณลัขณานันท์ ลักษมีธนานันต์” อุปนายกบริหารงานฝ่ายอำนวยการบัญชีและการเงิน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์กล่าวปิดท้ายว่า “ดิฉันในนามของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็ต้องขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ คือการกีฬาแห่งประเทศไทย, กรมพลศึกษา โดยเฉพาะภาคเอกชนตัวหลัก คือ กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย รวมทั้งสปอนเซอร์ทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนฟุตบอล “โค้กคัพ” ด้วยดีเสมอมา ด้วยเจตนารมณ์ที่ตรงกัน คือต้องการยกระดับมาตรฐานการเล่นกีฬาฟุตบอลของเยาวชนทั่วทุกภูมิภาคของ ประเทศ และส่งเสริมให้ "โค้กคัพ" เป็นสนามแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ของเยาวชน เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เล่นกีฬาที่ชื่นชอบ และแสดงความสามารถ พร้อมกับการพัฒนาทักษะไปสู่นักฟุตบอลอาชีพ ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของเยาวชนที่ชื่นชอบฟุตบอลทุกคน”
สำหรับ 8 ทีมสุดท้าย ที่ผ่านรอบคัดเลือกกลุ่ม ได้เป็นตัวแทนกลุ่มแต่ละภาคดังนี้
1.ภาคกรุงเทพมหานคร (สโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
2.ภาคตะวันออก (สโมสรชลบุรี เอฟซี)
3.ภาคใต้ (สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดยะลา)
4.ภาคตะวันตก (สโมสรอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด)
5.ภาคเหนือตอนล่าง (สโมสรชัยนาม ฮอร์นบิล)
6.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (สโมสรขอนแก่น เอฟซี )
7.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
- ภาคเหนือตอนบน (สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด)
ส่วนการจับสลากประกบคู่รอบ 8 ทีมที่จะแข่งขันแบบเหย้า-เยือน มีดังนี้
นัดแรก ขอนแก่น เอฟซี จะเปิดบ้านต้อนรับ “รองแชมป์เก่า"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันที่ 12 ม.ค.61 และนัดที่ 2 ขอนแก่น เอฟซี จะบุกไปเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันที่ 19 ม.ค.61
ส่วนอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเย้อนของชลบุรี เอฟซี นัดแรกวันที่ 12 ม.ค. และนัดที่ 2 อัสสัมชัญฯ จะไปเยือนชลบุรีวันที่ 19 ม.ค.61
ขณะที่ อีกสาย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดยะลา” จะเล่นเป็นทีมเหย้าก่อนใน วันที่16 มกราคม 2561 หลังจากนั้นจะยกพลขึ้นกรุงเทพมาหนคร เพื่อมาเยือนแชมป์เก่าอย่าง “เอสซีจี เมืองทองยูไนเต็ดในวันที่ 23 มกราคม 2561
และอีกคู่ ชัยนาท ฮอร์นบิล ก็จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ในวันที่ 16 มกราคม 2561 และจะกลับไปเยือน “เชียงราย ยูไนเต็ด” ในวันที่ 23 มกราคม2561 เช่นเดียวกัน
