สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ขับ มาสด้า3 ใหม่ ไต่เส้นทางธรรมชาติ ลัดเลาะ ภูเก็ต-พังงา

โดย...หรั่ง รอบโลก

[email protected]

หลังจาก มาสด้า เซลส์ ประเทศไทยเปิดตัว ALL-NEW MAZDA3 ที่มาพร้อมแนวคิด “A New Era Begins” รถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ซี่งได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งคัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เรียบง่ายแต่งดงาม ได้เปิดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะอย่างจริงจัง บนเส้นทาง ภูเก็ต-พังงาน ระยะทาง 240 กิโลเมตร แม้ก่อนหน้านี้ ได้ยลโฉมและทดสอบขับพอหอมปากหอมคอมาแล้วในงาน MAZDA THAILAND SNEAK PREVIEW  ณ สนามทดสอบยาง Yokohama Tire Test Center of Asia จังหวัดระยอง

ในการทดสอบครั้งนี้ มาสด้า ได้จัดให้ทั้ง ฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู  ให้ขับในรูปแบบของการใช้งานจริงอย่างจุใจ โดยแบ่งการเดินทางที่ท้าทายออกเป็น 3 ระยะ ๆ 80 กิโลเมตร เริ่มจากโรงแรมเรอเนซองส์ หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ผ่านสะพานสารสิน ใช้ทางหลวงหมายเลข 4  ขับผ่านอุทยานแห่งชาติเขาหลักลำรู่ สภาพเส้นทางส่วนใหญ่ ขึ้นเขา สลับกับพื้นราบ คดเคี้ยว มีบางช่วงถนนกำลังก่อสร้าง ก่อนไป ไปแวะ จิบกาแฟ กันที่ร้าน At Heart Coffee Restaurant ถือเป็นร้านกาแฟสวย มีคอนเซ็ปต์ของอำเภอตะกั่วป่า

ขณะที่ การเดินทางในช่วงที่ 2 มุ่งหน้าสู่จังหวัดพังงา แล้วมาแวะพัก เปลี่ยน ผู้ขับ ที่ปั๊มน้ำมันบาง เส้นทางส่วนใหญ่ ก็ยังคงเหมือนเดิม ตามสภาพพื้นที่ของพังงานที่หาพื้นราบได้น้อยมาก แต่ได้ขับผ่านตัวเมืองจังหวัดพังงา

จากนั้น เข้าสู่ช่วงที่ 3  เดินทางกันไปที่ จุดชมวิวเสม็ดนางชี ระยะทาง 36 กิโลเมตร แวะพักชมวิว ทิวทัศน์ อันสวยงามของอ่าวพังงา ดุจประหนึ่งจิตรกรเอกบรรจงวาดไว้ และถือว่าเป็นอันซีนอีกแห่งของประเทศไทย ก่อนย้อนกลับสู่ภูเก็ต โดยสวัสดิภาพ

มาสด้า 3 ใหม่ ได้ยึดหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง นำเอาท่วงท่าการเดินที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา เกิดเป็นรถยนต์ที่สามารถควบคุมการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและสมดุลในทุกสถานการณ์ ด้วยสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ทำงานผสานกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ที่ช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 (SKYACTIV-G 2.0) ได้รับการพัฒนาให้ใช้วาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็นเพื่อมอบประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในระดับไดนามิกส์ ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก มาสด้า ยังคงให้ความสำคัญกับการออกแบบที่สวยงาม ตามวิวัฒนาการใหม่ของ KODO design ผสานกับ “การเคลื่อนไหวที่เป็นหนึ่งเดียว” เพื่อให้เกิดความเรียบง่ายที่สุดในทุกองค์ประกอบ ทิศทางของแสงและเงาสะท้อนให้เห็นการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ให้บุคคลิกที่แตกต่างกัน รุ่นฟาสท์แบคให้อารมณ์มากกว่าเดิม แฝงด้วยความหนักแน่นและเร้าใจ ชูจุดเด่นของความเป็นสไตล์สปอร์ต ในขณะที่รุ่นซีดานนำเสนอภาพลักษณ์ที่ โฉบเฉี่ยว หรูหรา สง่างาม มากขึ้น ต้องยอมรับว่า ด้วยรูปลักษณ์โดนใจผู้ขับขี่ทั่วโลก สามารถสร้างยอดขายได้ถล่มทลายในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนการออกแบบภายในห้องโดยสารหรูหราด้วยวัสดุเกรดพรีเมียมครบครันทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ภายในห้องโดยสารเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมคุณภาพสูง ผ่านการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมดในทุกรายละเอียดโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้งเบาะดีไซน์ใหม่ที่โอบกระชับ รองรับสรีระช่วยให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะเดิน เพื่อให้การขับขี่ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมดุล ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง

ขณะที่ แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอลแบบ TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน การเชื่อมต่อสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน สัมผัสกับห้องโดยสารที่เงียบขึ้น เสียงจากภายนอกเข้ามาได้น้อยมาก และระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ทำให้ขับขี่สนุกเพลิดเพลิน

ส่วนระบบความปลอดภัยมีให้อย่างเหนือชั้น ครบครัน โดยยกระดับมาตรฐานด้วยเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE เน้นป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support) ที่สามารถควบคุมความเร็วของรถ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่       ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support) ที่สามารถตรวจจับรถคันหน้า จักรยาน รวมถึงคนเดินถนน ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing)ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในวงกว้างและสูงขึ้น ด้วยจำนวนเซ็นเซอร์ที่มากขึ้น        

ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) ที่ได้รับการพัฒนาให้ลำแสงละเอียดยิ่งขึ้น             ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)      ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)         ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)              ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)  ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) และระบบ และปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง

มาดูที่สมารถนะของการขับขี่บนถนน เพื่อพิสูจน์อัตราเร่งของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ที่มีแรงบิดถึง 213 นิวตัน-เมตร โดยมีรอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 4,000 รอบต่อนาที  พลังที่ได้จากกำลัง 165 แรงม้า ส่งผ่านเกียร์ 6 สปีด ส่งผลทำให้รถมีอัตราเร่งที่ฉับไว แม้แตะคันเร่งเพียงเล็กน้อย จาก 80 ไปสู่ 120 กม.ในเวลาเพียงไม่เกิน  6 วินาทีเท่านั้น สามารถเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ  บางช่วงทางตรงลองกดความเร็วได้ถึง 170 กม/ชม. รถยังคงเคลื่อนตัวไปอย่างนิ่งสนิท ขณะที่ประหยัดน้ำมันได้ถึง 15.9กม./ลิตร

จากระบบช่วงล่างที่แน่น หนึบ พวงมาลัยแม่นยำ แม้เป็นเส้นทางคดเคี้ยวลัดเลาะไปตามเนินเขา ส่งผลให้รถมีการยึดเกาะถนนที่สูง การทรงตัวดี ไม่มีแรงเหวี่ยงมาก ทำให้การขับขี่เป็นไปด้วยความมั่นใจ

หลังทดลองขับรถ Mazda3 ใหม่ ด้วยระยะทาง 240 กิโลเมตร ทั้งในเมือง และนอกเมือง ขึ้นเขา เข้าโค้ง ลัดเลาะตามหมู่บ้าน ที่สภาพถนนแตกต่างกันอย่างเส้นเชิง มีทั้งราบเรียบ ขรุขระ สิ่งที่รับรู้ได้คือการขับขี่ ที่สนุก เพลิดเพลิน สวนทั้งรูปลักษณ์ แรงด้วยเครื่องยนต์ สมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยี ถือเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่น่าใช้

 สิ่งที่พิสูจน์ถึงความน่าใช้ และความแรงของมาสด้า 3 ใหม่ กระแสตอบรับแรงเกินคาด บรรดาแฟนพันธุ์แท้ และลูกค้าที่รอคอย ส่งผลให้ยอดจองพุ่งทะลุ 1,070 คัน ภายหลังเปิดตัวได้เพียง 4 วัน มาสด้าประกาศลั่นพร้อมส่งมอบรถใหม่ได้ทันที

ด้วยราคาทั้งตั้งไว้ เท่ากัน ทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู รุ่น 2.0 C                            969,000  บาท รุ่น 2.0 S  1,069,000 บาท และ รุ่น 2.0 SP 1,198,000 บาท มีให้เลือก 7 สี ประกอบด้วย    สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)    สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)   สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)    สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)    สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช (Titanium Flash)    สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black) และ สีเทาใหม่ โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) เฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู พร้อมโปรโมชั่น ฟรีค่าแรงการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 10 ครั้ง ทุก 6 เดือน หรือ ทุก 10,000 กม. ตั้งแต่ 10,000 – 100,000 กม. ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร** พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance น่าจะทำให้ มาสด้า 3 ใหม่ ขับเคี่ยว กับคู่แข่ง รอบข้างในตลาด ได้อย่างมันหยดแน่

Political News