สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

งานผิวต้องมา!หมอโอ๊ค แนะนำ5วิธีดูแลผิวให้สวยใส ฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดี

สำหรับสาว ๆ นอกจากใบหน้าและรูปร่างที่ต้องคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอแล้ว งานผิวก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าเรามีผิวที่เปล่งปลั่ง เรียบเนียน สดใส แลดูสุขภาพดี ก็จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูสดใส น่าเข้าใกล้ พร้อมเสริมเสน่ห์และความั่นใจให้กับสาว ๆ ได้เลยทีเดียว เมิร์ซ เอสเธติกส์ ในฐานะผู้นำนวัตกรรมความงามจากเยอรมัน จึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมพูดคุยและอัปเดตเทรนด์ผิวประจำปี พร้อมแชร์วิธีการดูแลผิวให้สวยใส แลดูสุขภาพดี  ไม่ตกเทรนด์ กับ หมอโอ๊ค หรือ นายแพทย์ สมิทธิ์ อารยะสกุล จาก Smith Prive' Aesthetique Clinic จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย

 “คำว่า “ผิวสวย” ในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องเป็นผิวขาว แต่ต้องเป็นผิวที่ดูสุขภาพดี มีความเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ไม่มีริ้วรอยหรือจุดด่างดำ และต้องมีความชุ่มชื้นที่พอเหมาะ โดยในปีนี้ ผิวแบบ “Glass Skin” ได้รับความนิยมจากสาว ๆ ทั่วโลกเป็นอย่างมากและยังเป็น New Beauty Trend ในปี 2019 - 2020 อีกด้วย ซึ่งเป็นลักษณะผิวที่มีสุขภาพดีจนสามารถเปล่งประกาย เงาวาว เหมือนมีน้ำใต้ผิว ยกตัวอย่างนักแสดงที่เห็นได้ชัด อาทิ Jennifer Lawrence กับ Bella Hadid ในโซนตะวันตก หรือ โซนของเอเซีย ก็อย่างเช่น จวน จี ฮุน ที่มีความใกล้เคียงกับผิวแบบ Glass Skin มากที่สุดครับ โดยวิธีการที่จะดูแลผิวให้สวยใส ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดีแบบ Glass Skin ก็มีหลายวิธี ทั้งวิธีการที่เริ่มจากการดูแลจากภายในสู่ภายนอก เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างภายในของผิวเราให้แข็งแรงก่อน และวิธีที่ช่วยให้เห็นผลได้รวดเร็ว อย่างการปรึกษาคุณหมอในคลินิกเสริมความงาม ทั้งนี้ หมออยากแนะนำให้ตรวจสอบและเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีเครื่องมือและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน”

สำหรับเทคนิคการดูแลผิวให้ สวยใส ฉ่ำวาว เป็นธรรมชาติแบบ ‘Glass Skin’ ที่คุณหมอโอ๊คอยากแนะนำสาว ๆ มี 5 วิธี คือ

    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

จุดเริ่มต้นของการดูแลตัวเองที่ดีในทุกด้าน ก็คือการเริ่มดูแลตัวเองจากภายใน การที่จะมีผิวแบบ “Glass Skin” ก็เช่นกัน ยังต้องอาศัยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้เสริมสร้างกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและซึบซับแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์จากผักผลไม้มาซ่อมแซมเซลล์ผิวของเราจากภายในให้แข็งแรง และเปล่งปลั่ง กระจ่างใส สู่ภายนอก

    ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร

ต้นไม้ขาดน้ำแล้วใบแห้งเหี่ยวฉันใด ร่างกายที่ขาดน้ำก็จะมีผิวที่แห้งเหี่ยวฉันนั้น น้ำสะอาด จึงเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและผิวของเรา สาว ๆ จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร เพื่อลดอาการผิวแห้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวของเราเหี่ยวย่นได้ และหากมีการดื่มน้ำสะอาดที่มากพอ ยังช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น กระจ่างใส อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดีได้เช่นกัน

    นอนหลับพักผ่อนวันละ 7-8 ชั่วโมง

สังเกตุไหมว่า เวลาที่เรานอนดึก หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งความสิว ความหมองคล้ำ ความถุงใต้ตา จะมาเยี่ยมเยือนผิวหน้าของเราทันที เพื่อให้ผิวของเรากระจ่างใส และมีชีวิตชีวา การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนินออกมาได้ดีในตอนกลางคืน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระ แถมยังช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ ทำให้ผิวของเราแลดูสดชื่น กระจ่างใส อีกด้วย

    ทาครีมกันแดดทุกวัน

แดดเมืองไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะนอกจากความร้อนแรงที่สาดมาถึงตัวเราแล้ว ยังแฝงรังสี UV มาทำร้ายผิวของเราด้วย ซึ่งจะทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ แห้งเหี่ยว ขาดความกระจ่างใส และไม่เนียนนุ่มชุ่มชื้น เพื่อป้องกันการโดนทำร้ายจากรังสี UV สาว ๆ ควรที่จะทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV สูง เพื่อปกป้องผิว โดยหากต้องทำงานที่โดนแดดบ่อยครั้ง ควรเลือกซื้อครีมกันแดดที่สามารถทาระหว่างวันได้ เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ปรึกษาคุณหมอในคลินิกเสริมความงาม

การดูแลผิวจากภายในเป็นวิธีที่ดี แต่ยังต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการดูแล เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น สาว ๆ อาจจะต้องปรึกษาคุณหมอในคลินิกเสริมความงามร่วมด้วย ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การเลเซอร์ปรับสภาพผิว หรือ การฉีดฟิลเลอร์โมเลกุลขนาดเล็กใต้ชั้นผิวตื้น ๆ เพื่อให้ผิวมีความอิ่มน้ำ กระจ่างใสแบบ Glass Skin มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลอย่างชัดเจน สาว ๆ ควรเลือกคลินิกที่เป็นสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย และ US FDA โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิลเลอร์แท้จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีเทคนิคการฉีดแบบเฉพาะที่เรียกว่า “Hourglass pattern” โดยจะฉีดบริเวณพวงแก้ม ซึ่งเป็นจุกตกกระทบแสงหรือเป็นจุดที่โชว์ความเป็น Glass  Skin ได้มากที่สุดนั่นเอง

สาว ๆ คนไหนที่อยากมีผิวสวยใส ฉ่ำวาว ไม่ตกเทรนด์ แบบ ‘Glass Skin’ ก็อย่าลืมลองไปทำตามคำแนะนำของคุณหมอโอ๊ค และ หากต้องการปรึกษาคุณหมอในคลินิกเสริมความงาม ก็ควรตรวจสอบและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีฟิลเลอร์แท้และเทคนิคการฉีดที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน อย่าง “Skin Radiance Program by Merz Aesthetics” ทรีตเมนต์รูปแบบใหม่ จาก เมิร์ซ เอสเธติกส์ ที่มาช่วยดูแลให้ผิวของสาว ๆ ได้เผยออร่าเปล่งประกายสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ ดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว สุขภาพดี และยังช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวดูเรียบเนียน ร่วมกับเทคนิคพิเศษแบบ “Hourglass pattern” ที่คิดค้นเพื่อสาวไทยโดยเฉพาะ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม ถึง 3 ท่าน คือ นายแพทย์ ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์ จาก The Demis Clinic, แพทย์หญิงอรุณี ทองอัครนิโรจน์ จาก Romrawin Clinic และนายแพทย์ สมิทธิ์ อารยะสกุล จาก Smith Prive' Aesthetique Clinic ร่วมกับ Merz Aesthetics เพื่อเพิ่มความ Radiance บริเวณพวงแก้ม ซึ่งเป็นจุดกระทบแสง ให้เปล่งประกายอย่างมั่นใจ

หากท่านใดสนใจ สามารถรับบริการ Skin Radiance Program by Merz Aesthetics ได้แล้ววันนี้ ที่คลินิกความงามกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ โดยสังเกตเครื่องหมาย Skin Radiance by Merz Aesthetics  ณ คลินิกให้บริการ

Political News