เทคโนโลยีจากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี นำโดยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ ในเอ็กซ์เทรล ใหม่ ช่วยให้การเดินทางจากย่างกุ้งมุ่งสู่มัณฑะเลย์ มีความปลอดภัยและสะดวกสบาย
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ รถอเนกประสงค์อัจฉริยะสำหรับชีวิตในเมืองตะลุยเส้นทางในประเทศเมียนมาร์ด้วยสมรรถนะขั้นสูง นำโดยเทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) พร้อมฟีเจอร์การขับขี่อัจฉริยะอีกมากมายที่นำผู้ร่วมทดสอบขับขี่เดินทางจากประเทศไทยสู่ประเทศเมียนมาร์
นิสสัน ประเทศไทย พร้อมสื่อมวลชนร่วมการผจญภัยอย่างไร้ขีดจำกัดในเมียนมาร์ นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของกิจกรรมการขับขี่ NIDE Go Anywhere ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นครั้งแรกของทริปขับขี่แบบเป็นคาราวานที่เดินทางข้ามประเทศอย่างเป็นทางการ จากภาคใต้ขึ้นสู่ภาคเหนือ เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดสอบขีดจำกัดต่างๆ ของรถยนต์และคุณสมบัติของเทคโนโลยีจากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) พร้อมกับชื่นชมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม น่าประทับใจตลอดเส้นทางจากนครย่างกุ้งสู่เมืองมัณฑะเลย์
ประเทศเมียนมาร์มีภูมิประเทศและสภาพถนนที่มีความหลากหลาย เหมาะสมอย่างยิ่งกับการท้าทายศักยภาพของเอ็กซ์เทรล ใหม่
“เรามีความยินดีที่ได้นำ เอ็กซ์เทรล ใหม่ มาทดสอบบนถนนในเมียนมาร์เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่แบบนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ซึ่งทำให้คุณ “ลุยได้ทุกที่” ตามที่คุณต้องการ แม้ว่าถนนหนทางในเมียนมาร์จะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีความท้าทายที่เหมาะสมกับรถเอสยูวีอัจฉริยะอย่างเอ็กซ์เทรล ที่พร้อมจะแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่” นายราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าว “สื่อมวลชนร่วมใช้งานเทคโนโลยีจากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ในสถานการณ์จริงและมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางที่สมบุกสมบันหรือถนนที่คดเคี้ยวยิ่งขึ้นกว่าเดิม เทคโนโลยีเหล่านี้กำหนดนิยามใหม่ของการขับขี่ และวิถีการใช้ชีวิตของผู้คน”
การขับขี่บนทางหลวง คือบททดสอบชั้นดีสำหรับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control - ICC) ของเอ็กซ์เทรล ใหม่ ซึ่งสามารถรักษาระยะห่างที่ปรับตั้งไว้กับรถคันหน้า ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ด้วยการไม่ต้องกำหนดความเร็วให้คงที่ แต่จะตรวจจับความเร็วในการเคลื่อนที่ของรถในขบวนโดยสามารถเร่งหรือลดความเร็วได้ตามสถานการณ์
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning หรือ BSW) และเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning หรือ LDW) ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและตรวจจับวัตถุกีดขวาง ขณะที่เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning หรือ FCW) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking หรือ IEB) ตรวจจับการหยุดกะทันหันของรถคันหน้าที่อยู่ในเลนเดียวกัน พร้อมแจ้งเตือนผู้ขับขี่และสั่งการระบบเบรกเพื่อลดความเสี่ยงจากการชนที่อาจเกิดขึ้น
ก่อนที่จะออกจากตัวเมืองย่างกุ้งซึ่งมีการจราจรคับคั่ง มีบ่อยครั้งที่ผู้ขับขี่ได้ใช้เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) และระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection หรือ MOD) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการจอดรถในที่คับแคบ ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์ของใช้งาน และเมื่อผู้ขับขี่เดินทางออกจากนครย่างกุ้งมุ่งสู่มัณฑะเลย์บนทางหลวงพุกาม ซึ่งเป็นถนนหลวงที่ดีที่สุดในเมียนมาร์และสภาพถนนส่วนใหญ่อยู่ในสภาพดี โดยบนเส้นทางนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดสอบสมรรถนะของเอ็กซ์เทรล ใหม่ บนการขับทางไกลพร้อมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองมัณฑะเลย์ผ่านหลังคาแบบพาโนรามิกซันรูฟ (เฉพาะบางรุ่น) ทำให้มองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ผ่านหลังคาที่เปิดกว้างแบบพาโนรามิกได้อย่างเต็มที่ และแม้ว่าจะเป็นการเดินทางไกล แต่ผู้ร่วมกิจกรรมยังพบว่าเอ็กซ์เทรล ได้มอบความสะดวกสบาย กว้างขวางโอ่โถง รวมถึงความสนุกในการขับขี่ตลอดเส้นทาง
ขบวนทดสอบขับขี่เข้าสู่กรุงเนปิดอว์และได้เยี่ยมชมเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ ก่อนสิ้นสุดวัน ยามเมื่ออาทิตย์อัสดง ณ เจดีย์อุปปาตสันติ ที่ซึ่งจำลองแบบมาจากมหาเจดีย์ชเวดากองอันโด่งดังในนครย่างกุ้ง โดยหลังจากแสงอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้า เทคโนโลยีเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist) ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างยามค่ำคืนด้วยการปรับไฟหน้าโดยอัตโนมัติ ด้วยการลดไฟสูงลงเพื่อไม่ให้รบกวนรถคันอื่นขณะขับสวนในอีกช่องทาง ก่อนจะปรับกลับมาเป็นไฟสูงตามต้องการอีกครั้ง
หลังจากเข้าสู่ทางหลวงมุ่งหน้าสู่เมืองพุกาม เอ็กซ์เทรล ใหม่ ที่มี 2 ระบบขับเคลื่อนได้มีโอกาสแสดงสมรรถนะในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 233 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพิ่มกำลังสูงสุดอีก 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ซึ่งทั้งสองเครื่องยนต์มีพละกำลังเหลือเฟือสำหรับการเดินทางสู่เมืองพุกามและหยุดพักกันที่ชุมชนที่แปรรูปอาหารและผลผลิตจากต้นตาล
ในเมืองพุกาม ขบวนทดสอบขับขี่แวะเยือนตลาดยองอูเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของคนเมียนมาร์ รวมถึงจับจ่ายซื้อของฝากในผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและผ้าทอท้องถิ่น อาทิ ผ้าโสร่งโลงจีอันขึ้นชื่อ โดยสามารถใช้เทคโนโลยีประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (Hands-free Auto Lift Gate) ที่มอบประโยชน์ใช้งานทั้งการบรรทุกสิ่งของในเมืองและกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการเดินทางที่ต้องบรรทุกสัมภาระและกระเป๋าเดินทางมากมายเหมือนกับในการเดินทางครั้งนี้ โดยหลังจากเสร็จสิ้นการบรรทุกของฝาก จุดหมายต่อไปคือสถานีรถไฟพุกามที่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ก่อนเยี่ยมชมพระอาทิตย์ตกดินเหนือทะเลเจดีย์แห่งเมืองพุกาม
หลังจากนั้น ขบวนทดสอบขับขี่ออกเดินทางสู่เมืองสะกายและมิงกุน ซึ่งเป็นอดีตนครหลวงโบราณของ เมียนมาร์ เมืองทั้งสองมีเจดีย์สีขาว เงิน และทองจำนวนมากและมีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์บนเทือกเขา และเป็นการปิดท้ายทริปการผจญภัยของนิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ราเมช กล่าวเสริมอีกว่า “เอ็กซ์เทรล ใหม่ ผสมผสานความแข็งแกร่งและความอเนกประสงค์ได้อย่างยอดเยี่ยม รองรับการใช้งานภายใต้สภาพอากาศที่แตกต่างกัน และสภาพถนนที่หลากหลายของเมียนมาร์ เทคโนโลยีจากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีความมั่นใจที่จะออกไปผจญภัยในทุกรูปแบบพร้อมกับครอบครัว และเพื่อนฝูง”
กิจกรรมการทดสอบขับขี่ NIDE Go Anywhere ในกลุ่มแรกตะลุยไปบนเส้นทางเริ่มต้นจากจังหวัดกาญจนบุรีในประเทศไทยสู่นครย่างกุ้งในประเทศเมียนมาร์ ขณะที่กลุ่มที่สองเดินทางจากย่างกุ้งสู่มัณฑะเลย์ และกลุ่มที่สาม ขับขี่เริ่มต้นจากมัณฑะเลย์กลับสู่อำเภอแม่สายในจังหวัดเชียงราย รวมระยะทางขับขี่ของทั้งสามกลุ่มกว่า 3,000 กม. พร้อมสัมผัสความสวยงามของสถานที่ต่างๆ มากมาย อาทิ พระราชวังกัมโพชธานี เจดีย์ชเวมอดอร์ เจดีย์อุปปาตสันติ สถานีรถไฟพุกาม มัณฑะเลย์ฮิลล์ ทะเลสาบอินเล หมู่บ้านผ้าไหมอินปอค่อน น้ำจ๋าง หมู่บ้านปะหล่อง แม่น้ำสาละวิน วัดถ้ำหมู และวัดสมคำในเชียงตุง ตลอดจนตลาดท่าขี้เหล็กและสถานที่น่าสนใจอีกๆ อีกมากมาย รวมถึงวัดและเจดีย์อีกกว่า 2,200 แห่งเรียงรายตลอดสองข้างทาง
