เซ็นทรัล เจดี มันนี่ บริษัทในเครือของ เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง ผู้นำด้านการพัฒนาบริการอีไฟแนนซ์และฟินเทค ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ จับมือธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย ร่วมปฏิวัติวงการการเงินพร้อมยกระดับไลฟ์สไตล์ของคนไทยให้มุ่งหน้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการแนะนำ ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) แอปพลิเคชันอี-วอลเล็ทที่พร้อมเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล มอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับนักช้อปทั่วไทยในทุกโอกาส ด้วยนวัตกรรมระดับโลกจาก JD Digital ผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลจากประเทศจีน และความเชี่ยวชาญของกลุ่มเซ็นทรัล บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค เผยว่า “ดอลฟิน วอลเล็ท เป็นบริการอี-วอลเล็ทที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้พันธกิจหลักของเราในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคทุกคน ด้วยนวัตกรรมทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่าย ตอบสนองทุกความต้องการด้านการเงินที่แตกต่างไปในแต่ละบุคคลผ่านเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) และ Big Data Analytics ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญหลักของเซ็นทรัล เจดี มันนี่ ที่พร้อมช่วยคิดและแนะนำโปรโมชั่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และคุ้มค่าที่สุด พร้อมมอบสิทธิประโยชน์อีกมากมายผ่าน The1 Loyalty Platform ด้วยความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย ผนึกกับแรงสนับสนุนจากกลุ่มเซ็นทรัล จะช่วยให้ดอลฟิน วอลเล็ท กลายเป็น ‘ซูเปอร์ อี-วอลเล็ท’ ที่มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานได้ยอดเยี่ยมกว่าใคร พร้อมรองรับการซื้อสินค้าและทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมทั้งที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งในเครือเซ็นทรัล และ เครือข่ายร้านค้าพันธมิตรอีกมากมาย”
ดอลฟิน วอลเล็ท เป็นแอปพลิเคชันอี-วอลเล็ทรายแรกที่รองรับการชำระและโอนเงินแบบครบครันทุกช่องทาง นับตั้งแต่การเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต และบัตรเครดิต การเติมเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ CenPay ทุกสาขาทั่วประเทศ ไปจนถึงการรองรับพร้อมเพย์เต็มรูปแบบ ด้วยระบบการยืนยันตัวตนผู้ทำธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันของทั้งสองธนาคารพันธมิตร จึงสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ได้ ณ จุดชำระเงินพร้อมเพย์ทั่วไทย พร้อมสะสมคะแนน The1 ทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านดอลฟิน วอลเล็ท เพื่อเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายตลอดปี
นอกจากคุณสมบัติและบริการทั้งหมดนี้แล้ว ดอลฟิน วอลเล็ท ยังเป็นอี-วอลเล็ทเจ้าแรกที่นำระบบ E-KYC (electronic know-your-customer) มาใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดขั้นตอนในการลงทะเบียนเปิดบริการ โดยผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งการจดจำใบหน้า (face recognition) และการอ่านตัวอักษรจากภาพถ่าย (OCR – optical character recognition) เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานจากภาพเซลฟี่และภาพถ่ายบัตรประชาชน โดยไม่ต้องมีการยื่นเอกสารในช่องทางอื่นนอกแอป ส่วนในอนาคต เซ็นทรัล เจดี มันนี่ มีแผนที่จะเปิดตัวระบบการชำระเงินด้วยใบหน้าเพื่อความสะดวกและปลอดภัยสูงสุดในการชำระเงิน รวมถึงมีแผนการเปิดบริการด้าน E-Consumer Finance ในเครือของเซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้งอีกด้วย
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการค้าปลีกของ เซ็นทรัล เจดี มันนี่ กับความตั้งใจของธนาคารกรุงเทพในการดำเนินการตามNational ePayment Plan ที่ธนาคารกรุงเทพได้มีส่วนร่วมสนับสนุนมาโดยตลอด ทางธนาคารมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นธนาคารพันธมิตรในอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะยกระดับประเทศไทยสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ ในยุคที่เทคโนโลยีฟินเทคจะเข้ามามีบทบาทสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โดยในความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพจะให้บริการสนับสนุน ดอลฟิน วอลเล็ท ในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เช่น การเติมเงินเข้าวอลเล็ท รวมทั้งระบบการยืนยันตัวตนผู้ใช้ และที่สำคัญ ธนาคารกรุงเทพเล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำบริการพร้อมเพย์เข้ามาเสริมสร้างความสะดวกสบายให้กับไลฟ์สไตล์ทางการเงินของคนไทย จึงนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของธนาคารมาช่วยเชื่อมโยงบริการพร้อมเพย์เข้ากับดอลฟิน วอลเล็ท เพื่อให้ดอลฟิน วอลเล็ทสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้บริการสามารถใช้ดอลฟิน วอลเล็ท สแกนคิวอาร์โค้ดชำระค่าสินค้ากับร้านค้าที่รับพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ดซึ่งมีจำนวนกว่า 3 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยธนาคารกรุงเทพหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยพัฒนาให้แอปพลิเคชัน ‘ดอลฟิน วอลเล็ท’ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไร้เงินสด และ ‘เพื่อนคู่คิด’ ทางการเงินให้กับคนไทยในอนาคต”
นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เสริมว่า “ธนาคารกสิกรไทยตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอี-วอลเล็ทในประเทศไทยที่จะเป็นแรงผลักดันสู่สังคมไร้เงินสด และเล็งเห็นศักยภาพของเซ็นทรัล เจดี มันนี่ เป็นอย่างดี ทั้งในฐานะของผู้นำในธุรกิจการให้บริการอี-เพย์เมนท์ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระดับโลก ถือเป็นโอกาสอันดีในการนำศักยภาพระดับโลกของเซ็นทรัล เจดี มันนี่ และความเชี่ยวชาญในด้านดิจิทัล แบงกิ้งของธนาคารกสิกรไทย มาร่วมมือในการแลกเปลี่ยนนวัตกรรมเทคโนโลยีและข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อนำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการ และสร้างประสบการณ์ดิจิทัล แบงกิ้ง และอี-เพย์เมนท์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ซึ่งนอกจากให้การสนับสนุนด้านธุรกรรมทางการเงินกับผู้ใช้บริการดอลฟิน วอลเล็ท แล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังช่วยผลักดันด้านการขยายร้านค้า และจุดรับชำระเงินด้วยอี-เพย์เมนท์ ซึ่งเป็นการช่วยขยายวงจรธุรกิจการรับชำระเงิน (Payment Ecosystem) ของดอลฟิน วอลเล็ท ให้ครบสมบูรณ์ โดยอาศัยจุดแข็งของธนาคารด้านความเป็นผู้นำธุรกิจร้านค้ารับบัตร ซึ่งในปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีจำนวนร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านเครื่อง EDC กว่า 300,000 จุด และร้านค้า K PLUS Shop อีกกว่า 1.7 ล้านราย การสนับสนุนนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มร้านค้าที่จะมีทางเลือกในการรับชำระเงินมากขึ้น และกลุ่มลูกค้าก็จะมีทางเลือกในการชำระเงิน และสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้หลากหลายขึ้นด้วย”
“ดอลฟิน วอลเล็ท พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และตรงตามมาตรฐานและกรอบข้อบังคับที่กำหนดไว้โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์ศักยภาพมาแล้วกับฐานผู้ใช้กว่า 400 ล้านคนในประเทศจีน และรองรับการทำธุรกรรมเป็นมูลค่ารวมถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี” นายรุ่งเรืองกล่าว “เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค ต้องการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ผสมผสานจุดแข็งของทั้ง JD Digitalและกลุ่มเซ็นทรัลเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้ใช้ เข้าถึงได้ง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และมีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อขับเคลื่อนทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจไทยให้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและโลกไร้เงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง”
ขณะนี้ แอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท อยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย โดยจะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากทางธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เซ็นทรัล เจดี มันนี่ มีแผนที่จะเปิดให้บริการฟังก์ชันการชำระเงินด้วยใบหน้าภายในปีนี้เช่นกัน ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://cjdfintech.com
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Central JD Fintech joins hands with Bangkok Bank and KASIKORNBANK in unveiling “Dolfin Wallet” – the world-class, cutting-edge e-wallet driving Thailand towards a cashless society
Central JD Money, a subsidiary of leading e-finance and fintech service developer Central JD Fintech Holding, has announced a major fintech collaboration with Bangkok Bank and KASIKORNBANK to revolutionize personal finance in Thailand, elevating the lifestyles of Thai people to the next level and driving the country towards a full-scale cashless society with the introduction of e-wallet application Dolfin Wallet. The app will serve as a digital wallet that offers unparalleled convenience for Thai shoppers on every occasion through world-class innovation developed by JD Digital, the leader in digital technologies in China, as well as expertise of Central Group, the largest retailer in Thailand.
Mr. Rungruang Sukkirdkijpiboon, Chief Executive Officer of Central JD Fintech Holding, revealed: “Dolfin Wallet is an e-wallet service conceived under our mission to uplift standards in everyday living for all with accessible financial innovations that satisfy different demands on an individual level through the integration of AI (Artificial Intelligence) and Big Data Analytics – both of which are part of Central JD Money’s technological expertise. These innovations will enable us to develop and present promotional offers that fit perfectly into our users’ lifestyles, offering maximum value as well as a bevy of privileges on The1 Loyalty Platform. With our collaboration with Bangkok Bank and KASIKORNBANK, plus support from Central Group, Dolfin Wallet will become the ‘super e-wallet” that gives users superior convenience and security – with full support for purchases and transactions at Central Group department stores and accommodations across the country as well as many other retail partners in our network.”
Dolfin Wallet is the first e-wallet application to support payment and money transfers through all channels – including connection to bank accounts, debit cards and credit cards, cash top-up at all CenPay counters nationwide, and full-scale PromptPay support. Through a user authentication system connected to Bangkok Bank and KASIKORNBANK’s respective applications, Dolfin Wallet supports payment for products and services at all PromptPay locations nationwide regardless of partner bank. Furthermore, users can gain The1 points for every transaction carried out via Dolfin Wallet and redeem them for exclusive privileges available throughout the year.
In addition to these features and services, Dolfin Wallet is also the first e-wallet application to introduce the E-KYC (electronic know-your-customer) system for user identity verification, allowing for a much friendlier user experience in the sign-up process. Advanced technologies – including Face Recognition and Optical Character Recognition (OCR) – integrated into the process enable a new user to confirm their identity with a selfie and a photo of their identification card with no need for hard copies of any document beyond the app. In the near future, Central JD Money plans to launch a face payment service to achieve maximum convenience and security in payment authentication, while e-consumer finance services are also in development for future launches by Central JD Fintech Holding.
Mr. Charamporn Jotikasthira, Member of the Board of Executive Directors of Bangkok Bank, said: “Central JD Money’s expertise in digital technologies and retail dovetails well with Bangkok Bank’s intention to fulfil the objectives of the National ePayment Plan – an initiative that we have always been supporting. We are pleased to be a banking partner in this important collaboration to elevate Thailand towards a full-scale cashless society in an era where fintech technology will play an important role in daily life. Under this cooperation, Bangkok Bank will facilitate many types of transactions through Dolfin Wallet – including wallet top-up, user verification and – most crucially – the integration of PromptPay to enhance convenience for the financial lifestyles of Thai people. Bangkok Bank has brought its experience and expertise in technology to connect PromptPay to Dolfin Wallet, giving the app more extensive usage opportunities as users can simply scan QR codes to make payments at 3 million supported retail locations in Bangkok and beyond. We hope that this partnership will enable the Dolfin Wallet app to become part of the cashless lifestyle and become a digital financial partner for Thais in the future.”
Mr. Wirawat Panthawangkun, Senior Executive Vice President of KASIKORNBANK, added: “KASIKORNBANK sees e-wallet development as an important part of Thailand’s progress towards a cashless society. We also recognize the potential of Central JD Money as the leading e-wallet service provider and a global expert of digital technology. This partnership is a great opportunity for all of us to share our knowledge and expertise – bringing together Central JD Money’s capabilities in technology and retail and KASIKORNBANK’s digital banking expertise to create a new solution for consumers that deliver better digital banking and e-payment experiences. In addition to facilitating financial transactions for Dolfin Wallet users, KASIKORNBANK is committed to expanding the network of supported retailers and e-payment locations to create a strong and well-rounded payment ecosystem for Dolfin Wallet – an undertaking that takes full advantage of our strength as the leader in credit card transaction facilitation across retailers. Today, KASIKORNBANK supports more than 300,000 merchants with EDC machines as well as 1.7 million K PLUS Shop partner retailers. Our partnership with Dolfin Wallet promises to benefit retailers with more ways to receive payment, while customers will enjoy a greater variety of payment options as well as exclusive privileges.”
“Dolfin Wallet is based on a secure and reliable platform that fully complies with the standards and regulations from the Bank of Thailand. The technology behind the platform has more than proven its capabilities with more than 400 million users in China and over USD 200 billion in annual transactions processed,” said Mr. Rungruang. “Central JD Fintech aims to offer new experiences driven by advanced technologies, seamlessly combining the strengths of JD Digital and Central Group to offer new benefits that are accessible, in line with consumer lifestyles, and highly secure as we move confidently forward into the digital, cashless era.”
The Dolfin Wallet application is currently in the final stages of pre-launch preparations with availability expected soon after regulatory approval from the Bank of Thailand. Central JD Money also plans to launch the Face Recognition feature for payments within this year. For further information, please visit https://cjdfintech.com
