สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

LPGA Tour 2018 ปีแห่งความสำเร็จของโปรไทย

กอล์ฟ LPGA Tour ฤดูกาล 2018 ปิดฉากด้วยความสุขของคนไทย เพราะปีนี้โปรสาวหลายคนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มีทั้งการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ และการประสบความสำเร็จคว้าแชมป์แรกมาครอง

“โปรเม” เอเรียา จุฑานุกาล เป็นที่สุดของ LPGA Tour ในปีนี้ และหลายปีหลังเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถกวาดรางวัลใหญ่มาครองได้หมดจด ได้แก่ นักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี Rolex Player of the Year, รางวัลผลงานดีที่สุดในรายการระดับเมเจอร์ Rolex Annika Major Award, ตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสูงสุด และโบนัส 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะนักกอล์ฟที่จบอันดับท็อป 10 มากที่สุดตลอดปี, Vare Trophy สำหรับนักกอล์ฟที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำที่สุดของฤดูกาล และเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากคะแนนสะสม Race to CME Globe ที่สำคัญสามารถปิดฉากปีด้วยการเป็นนักกอล์ฟมือ 1 ของโลกได้อย่างสวยงาม

ผลงานที่ไร้เทียมทานของโปรเมในปีนี้ มาจากการส่งรอยยิ้มระหว่างแข่งขัน ไม่นึกถึงปลายทางว่าจะเป็นแชมป์หรือไม่ และทำตามสิ่งที่ให้สัมภาษณ์อยู่เสมอว่า “สนุกกับกอล์ฟให้มากที่สุด” ทำให้โปรเมปิดฉากฤดูกาลนี้ด้วยการผ่านตัดตัวทุกรายการเป็นครั้งแรกในการเล่นแบบเต็มทัวร์ และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักกอล์ฟสักคนจะประสบความสำเร็จได้มากมายขนาดนี้

ขณะที่ “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล ที่ฉิวเฉียดจะได้แชมป์แรกใน LPGA Tour อยู่หลายครั้ง ก็มาประสบความสำเร็จ ในรายการ HUGEL-JTBC LA Open ถือเป็นการปลดล็อกความคาดหวังลึกๆ ของตัวเองได้อย่างสวยงาม ถึงแม้จะยังไม่ได้แชมป์ที่ 2 อย่างที่น้องสาวเคยทำติดต่อกันได้ถึง 3 แชมป์ในปี 2016 แต่ผลงานของโปรโมยังคงเป็นไปตามมาตรฐาน และดูจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ผ่านการตัดตัวเพียง 2 จาก 27 รายการตลอดปีนี้ และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 19 ของโลก นอกจากนั้นยังเคยขยับไปติดท็อป 10 มาแล้วช่วงหนึ่ง

โปรไทยอีกคนที่คว้าแชมป์แรกในปีนี้ได้ คือ “โปรจูเนียร์” ธิฎาภา สุวัณณะปุระ ในรายการ Marathon Classic presented by Owens Corning and O-I

สำหรับการแข่งขันในนามทีมชาติ รายการ UL International Crown 2018 ที่มีโปรโม, โปรเม, “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ และ “โปรแชมเปญ” เฌอมาลย์ สันติวิวัฒนพงศ์ ถึงแม้จะยังไม่ไปถึงแชมป์ แต่ก็เป็นผลงานที่ดีที่สุดใน 3 ครั้งที่จัดแข่งขันมา โดยช่วยกันเล่นจนเป็นอันดับ 4 จาก 8 ชาติได้ ทำให้เห็นถึงพัฒนาการว่า การเล่นเป็นทีมก็นักกอล์ฟไทยก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

นอกจากเป็นปีที่ดีของโปรกอล์ฟสาวไทยแล้ว ก็ยังมีโปรหน้าใหม่ หน้าเก่า ที่บันทึกผลงานน่าประทับใจหลายๆ อย่างให้ LPGA Tour 2018 ได้เช่นกัน โค จิน ยอง โปรสาวเกาหลีใต้ คว้ารางวัลนักกอล์ฟดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี Louise Suggs Rolex Rookie of the Year จากการที่คว้าแชมป์ได้จากการลงเล่นในทัวร์เป็นปีแรก ในศึก ISPS Handa Women’s Australian Open

รยู โซ ยอน โปรสาวสวยจากเกาหลีใต้คว้ารางวัล William and Mousie Powell Award ซึ่งมอบให้กับนักกอล์ฟที่ประพฤติตัวเป็นต้นแบบที่ดี และมีสปิริตในการแข่งขัน ส่วนรางวัล Heather Farr Perseverance ที่มอบให้กับนักกอล์ฟที่มานะพยายาม ในปีนี้เป็นของเจสซิก้า คอร์ด้า นักกอล์ฟอเมริกัน ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดช่องปากที่เจ็บปวดมานาน จนต้องพักการแข่งขันไปถึง 3 เดือน และยังสามารถทำผลงานได้อย่างดีหลังจากกลับมาแข่งขันแล้ว

ด้านอันดับโลกนั้น โปรเมเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนเฉลี่ย 8.05 คะแนน เป็นนักกอล์ฟคนเดียวในปีนี้ที่คะแนนเฉลี่ยถึง 8 แต่ก็ยังมีนักกอล์ฟเกาหลีใต้ ที่ว่ากันว่าเป็นชาติที่โปรหญิงแข็งแกร่งที่สุดในโลกไล่ตามหลังมาอยู่หลายคน ปาร์ก ซุง ฮยุน ที่รักษามือ 1 ของโลกไว้ได้หลายสัปดาห์ ก่อนจะโดนโปรเมเบียดลงไปอยู่อันดับ 2 มีคะแนนเฉลี่ย 7.56 คะแนน ถือว่ายังจี้ติดอยู่พอสมควร, รยู โซ ยอน มือ 3 ของโลก ก็ทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอ นอกจากนั้นยังประมาทเล็กซี่ ธอมป์สัน มือดีที่สุดของสหรัฐอมเริกาในปีนี้ ที่อยู่ในอันดับ 5 ของโลก, มินจี ลี โปรออสซี่ มือ 6 ของโลก, นาสะ ฮาตาโอกะ มือ 7 ของโลกจากญี่ปุ่น, จอร์เจีย ฮอลล์ มือ 8 ของโลกจากอังกฤษ, บรู๊ก เฮนเดอร์สัน มือ 9 ของโลกจากแคนาดา และโค จิน ยอง ดาวรุ่งยอดเยี่ยม มือ 10 ของโลกไม่ได้ ในการแข่งขันปีหน้า เพราะผลงานในช่วงหลังของทุกคนก็มีลุ้นแชมป์กันหลายคน ยังไม่นับโปรที่อยู่ในอันดับถัดลงไปจากนี้ แต่ผลงานดีอีกหลายคน

โปรโมบอกว่า ปีนี้ถือว่าทั้งตัวเองและน้องสาวลงแข่งขันถี่มาก ทำให้ปีหน้าจะต้องปรับแผนลดจำนวนรายการลงไปบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม อาจจะไม่ได้ลดลงมาก แต่ก็จะพยายามตัดรายการที่ไกล หรือติดกันมากๆ ออกไปบ้าง

บทสรุปของซีซั่น 2018 ออกมาให้ทราบกันแล้ว มีเวลาให้สาวๆ ได้พักกันอีกไม่กี่สัปดาห์ การแข่งขันก็จะกลับมาอีกแล้วในช่วงต้นปี 2019 ซึ่งน่าสนใจว่า รายการสุดท้ายของปีอย่าง CME Group Tour Championship นั้น จะมีการเพิ่มเงินรางวัลจากเดิมรวม 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 80 ล้านบาท และแชมป์ของ Race to CME Globe จะได้รับ 1 ล้านดอลลาร์ หรือ 32 ล้านบาทนั้น จะกระโดดไปเป็นรางวัลรวม 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 160 ล้านบาท และแชมป์ได้รับถึง 2.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 80 ล้านบาทเลยทีเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Political News