สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

โบท็อกซ์ลดกรามดีไหม? ต้องดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดอย่างไร?

เชื่อว่าหลายคนคงไม่ชอบที่มีกรามบนใบหน้าที่ใหญ่ และสังเกตเห็นได้ง่าย เพราะให้ความรู้สึกดูมีอายุ และหน้าดุ และคงฉีดชอบการมีใบหน้าที่สมส่วนได้รูป ดูละมุนสบายตามากกว่า ซึ่งสำหรับคนที่มีปัญหากรามใหญ่ จึงต้องการจะลดขนาดกรามของตนเองลง แต่ไม่อยากผ่าตัด เพราะว่ากลัวเจ็บ และกลัวอันตราย เราจึงจะขอพาคุณไปรู้จักกับนวัตกรรมความงาม ที่จะช่วยให้คุณสามารถลดกรามได้โดยไม่ต้องผ่าตัด นวัตกรรมที่กำลังพูดถึงอยู่นี่คือ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามนั่นเอง โดยเราจะขอมาไขข้อข้องใจให้คนที่อาจลังเลสงสัยว่าโบท็อกซ์ลดกรามดีไหม? ต้องดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดอย่างไร? ไปหาคำตอบกันได้ในบทความนี้ 

โบท็อกซ์ลดกรามคืออะไร? ทำแล้วดีไหม?

ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม คือการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ซึ่งเป็นสารสกัดจากโปรตีนลงไปยังกล้ามเนื้อบดเคี้ยวที่อยู่บริเวณกราม เพื่อเป็นการลดการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณกล้าม เพื่อทำให้กล้ามเนื้อหดตัว และกระชับกล้ามเนื้อเข้าหากัน ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามดูกระชับ และใบหน้าดูเล็กลงได้

            สำหรับคนที่สงสัยว่าการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามทำแล้วดีไหม? ต้องบอกว่าผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำ ซึ่งถ้าได้แพทย์ดีและคนที่ทำตอบสนองต่อการรักษาได้ดี ก็จะเห็นผลของขนาดกรามที่ลดลงได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับบางคนอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น บวม รอยแดง หรือช้ำรอบจุดฉีด 

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดกรามควรทำอย่างไร?

  1. ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้คำแนะนำและวิเคราะห์ผลกระทบต่อบุคคลโดยเฉพาะ
  2. ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่อาจทำให้กรามเด่นชัดยิ่งขึ้น เช่น อาหารเค็ม น้ำตาล และกาแฟ เป็นต้น
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดที่อาจทำให้กระตุ้นกรามได้ โดยควรสอบถามแพทย์เพื่อเลือกยาที่ไม่มีผลกระทบต่อการฉีดโบท็อกซ์
  4. ควรเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม และป้องกันผลกระทบที่ไม่คาดคิด
  5. ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้การดูดซึมของโบท็อกซ์ลดลง และเกิดอาการอักเสบได้

หลังฉีดโบท็อกซ์ลดกรามควรทำอย่างไร?

  1. ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  2. ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือมีการนวดบริเวณที่ฉีด
  3. ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดหรือออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของฟกช้ำหรือบวม
  4. ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด



Political News