กกต.ประกาศผลไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกลนำ 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 141 ที่นั่ง ขณะที่ยอดผู้มาใช้สิทธิ์ 75.22% มากที่สุดในประวัติศาสตร์ คาดอีก 60 วัน ได้ผลอย่างเป็นทางการ ชี้ปมสอบหุ้นสื่อไอทีวี "พิธา" ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้อง
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภาพรวมการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ว่า มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 39,293,867 คน จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดราว 52 ล้านคน คิดเป็นผู้ใช้สิทธิ ร้อยละ 75.22 เป็นผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวนเฉลี่ยมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้ง นับตั้งแต่ กกต.ได้มีการจัดเลือกตั้ง ส.ส. มารวม 7 ครั้ง โดย การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่ามีประชาชนมาใช้สิทธิมากที่สุดโดยในปี 2554 สูงถึงร้อยละ 75.02 ขณะที่ปี 2562 มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 74.87 ถือเป็นตัวเลขที่น่ายินดี สะท้อนให้เห็นความตั้งใจในการเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง
สำหรับ ผลการเลือกตั้งแบบไม่เป็นทาง จากการนับคะแนนที่เสร็จสิ้น 99% ดังนี้ ผลคะแนน สส.แบบแบ่งเขต 1. พรรคก้าวไกล 112 ที่นั่ง 2. พรรคเพื่อไทย 112 ที่นั่ง 3.พรรคภูมิใจไทย 68 ที่นั่ง 4. พรรคพลังประชารัฐ 39 ที่นั่ง 5. พรรครวมไทยสร้างชาติ 23 ที่นั่ง 6. พรรคประชาธิปัตย์ 22 ที่นั่ง 7. พรรคชาติไทยพัฒนา 9 ที่นั่ง 8. พรรคประชาชาติ 7 ที่นั่ง 9.พรรคไทยสร้างไทย 5 ที่นั่ง 10. พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง 11. พรรคชาติพัฒนากล้า 1 ที่นั่ง
ส่วนผลคะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ มีทั้งหมด17 พรรค
- พรรคก้าวไกล 39 ที่นั่ง
- พรรคเพื่อไทย 29 ที่นั่ง
- พรรครวมไทยสร้างชาติ 13 ที่นั่ง
- พรรคภูมิใจไทย 3 ที่นั่ง
- พรรคประชาธิปัตย์ 3 ที่นั่ง
- พรรคประชาชาติ 2 ที่นั่ง
- พรรคพลังประชารัฐ 1 ที่นั่ง
- พรรคเสรีรวมไทย 1 ที่นั่ง
- พรรคไทยสร้างไทย 1 ที่นั่ง
10.พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 ที่นั่ง
11.พรรคใหม่ 1 ที่นั่ง
12.พรรคท้องถิ่นไทย 1 ที่นั่ง
13.พรรคชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่ง
14.พรรคเป็นธรรม 1 ที่นั่ง
15.พรรคพลังสังคมใหม่ 1 ที่นั่ง
16.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 ที่นั่ง
17.พรรคพลัง 1 ที่นั่ง
นายอิทธิพร ได้ขอบคุณประชาชนที่ตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์กันจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เพื่อทำให้การเลือกตั้งมีความหมาย พร้อมขอโทษประชาชนที่การนับคะแนนเป็นไปด้วยความล่าช้ากว่าที่ตั้งเป้าไว้หลายชั่วโมง โดยยืนยันว่าการนับคะแนนเน้นที่ความถูกต้องมากกว่าความรวดเร็ว
สำหรับคำร้องปัญหาการเลือกตั้งครั้งนี้ 168 เรื่อง ซื้อเสียงมากสุด 59 เรื่อง หลอกลวง 58 เรื่อง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 18 เรื่อง ทั้งนี้หากเทียบกับการร้องเรียนในการเลือกตั้ง ปี 2562 พบว่ามีมากถึง 592 เรื่อง เชื่อว่าเป็นผลจากพัฒนาการมีส่วนร่วมการเมือง โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพยายามปฏิบัติตามกฏหมายไม่ฝ่าฝืนกฏหมาย
สำหรับการประกาศผลอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นภายใน 60 วัน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาผลการลงคะแนนเสียง และดูข้อร้องเรียนว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต ยุติธรรม หรือ จำเป็นต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ พร้อมย้ำว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนกรณีคำร้องเรื่องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีหุ้นไอทีวี กกต. ได้รับคำร้อง และอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหลังจากพิจารณาแล้วเสร็จจะแจ้งต่อสื่อมวลชนอีกครั้งว่า กกต. รับคำร้องหรือไม่ โดยหาก กกต. รับคำร้องขั้นตอนต่อไป เป็นเรื่องที่ศาลจะพิจารณา