สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัวรุกลงทุนตลาดใหม่และพัฒนานวัตกรรมสินค้าส่งออก

EXIM BANK ชี้ปี 61 ภาคการส่งออกของไทยโตต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง เตือนผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัวรุกลงทุนในตลาดใหม่และพัฒนานวัตกรรมสินค้าส่งออก

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแ ห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การส่งออกในครึ่งหลังของปี 2561 มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ราว 127,387-132,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกที่มีมูลค่ า 125,812 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าส่งออกทั้งปี 2561 อยู่ที่ราว 253,199-257,932 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวราว 7-9% โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ประการ ได้แก่ 1. เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวดี โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาและตลา ดใหม่ (New Frontiers) ที่ยังขยายตัวร้อนแรงต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกของไทยไปตลาดใหม่ ในปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัวในระดับสูง อาทิ CLMV ประกอบด้วยกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม (ขยายตัว 8.5%) อินเดีย (ขยายตัว 24.2%) ทวีปแอฟริกา (ขยายตัว 11.2%) และจีน (ขยายตัว 4.1%) 2. ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับสูง ส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกของไทยที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 17.5% และสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะขยายตั ว 6.6% ในปี 2561 3. ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกยังขยายฐาน การผลิตในประเทศไทย เห็นได้จากเม็ดเงินลงทุนจากต่าง ประเทศสุทธิในไทย (FDI) ในช่วงไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นถึง 85% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ แล้ว ส่งผลดีต่อการส่งออกในช่วงครึ่ง หลังปี 2561 โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ไทยเป็นฐ านการผลิตที่สำคัญของผู้ประกอบก ารต่างชาติ อาทิ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรกล คาดว่า ในปี 2561 มูลค่าส่งออกรถยนต์ของไทยจะขยาย ตัว 8.4% ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 4.8% และเครื่องจักรกลขยายตัว 4.5%

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกร ะทบต่อการส่งออกครึ่งหลังปี 2561 ได้แก่ 1. มาตรการกีดกันทางการค้าที่รุนแร งขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรั ฐฯ และจีน ปัจจุบันสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจ ากจีนเป็น 25% คิดเป็นมูลค่าราว 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแผนจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าจา กจีนเพิ่มเติมอีกในระยะถัดไป ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกไทยไม่ มากก็น้อย 2. ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น จากนโยบายการเงินของประเทศมหาอำ นาจที่ไม่สอดคล้องกัน ส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่ างประเทศเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุ นแรงขึ้น 3. ความขัดแย้งและภัยธรรมชาติอาจปะ ทุขึ้นเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งภายในตะ วันออกกลาง ความขัดแย้งภายในประเทศสเปน และภัยธรรมชาติ ทั้งพายุ น้ำท่วม และแผ่นดินไหว มีแนวโน้มเกิดบ่อยครั้งขึ้น

EXIM BANK มีนโยบายจะส่งเสริมการลงทุนเพื่ อขับเคลื่อนการส่งออก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในโครงการข นาดใหญ่หรือการลงทุนของผู้ ประกอบการ SMEs ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่รัฐบาลมีนโ ยบายและให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุ น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาประเทศอย่ างยั่งยืน โดย EXIM BANK มีสินเชื่อครบวงจรเพื่อส่งเสริม การลงทุนในโซนพิเศษ การลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ การพัฒนาพลังงานที่สะอาด พาณิชยนาวี และสินเชื่อโครงการลงทุนในต่างป ระเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมี ช่องทางการส่งออกเพิ่มมากขึ้น และไม่ต้องเผชิญกับมาตรการกีดกั นทางการค้าจากประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในประเทศตลาดใหม่

ขณะเดียวกัน EXIM BANK พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไท ยขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่ มีศักยภาพและต้องการสินค้าไทย เช่น CLMV ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและก ารค้าโลกอย่างเห็นได้ชัด สัดส่วน GDP ของตลาดใหม่เมื่อเทียบกับเศรษฐกิ จโลกเพิ่มขึ้นจาก 22% ในปี 2540 เป็น 40% ในปัจจุบัน ขณะที่สัดส่วนการค้าระหว่างประเ ทศพัฒนาแล้วด้วยกันลดลงจาก 63% ในช่วงปี 2533-2537 เหลือเพียง 38% ในปัจจุบัน ขณะที่การค้าระหว่างประเทศพัฒนา แล้วกับประเทศกำลังพัฒนา และการค้าระหว่างประเทศกำลังพัฒ นาด้วยกัน เพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2533-2537 เป็น 62% ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยจึงควรหันมาบุกต ลาดใหม่ซึ่งมีเสน่ห์ในหลายมิติ และตลาดยังไม่อิ่มตัว คู่แข่งไม่มาก มีจำนวนประชากรมากและส่วนใหญ่มี อายุน้อย ขณะที่ผู้บริโภคชั้นกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น EXIM BANK จึงพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไท ย โดยเฉพาะ SMEs มีศักยภาพ กำลังการผลิต เงินทุนหมุนเวียน และความพร้อมในด้านอื่นๆ ที่จะเจาะตลาดใหม่ได้อย่างมั่นใ จ ส่งออกได้เพิ่มขึ้น และได้รับการชำระเงินแน่นอนจากผู้ ซื้อในต่างประเทศ

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่ งปีแรกของปี 2561 EXIM BANK มีกำไรสุทธิ 754 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 มีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 96,477 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่ อนจำนวน 11,087 ล้านบาท หรือ 12.98% โดยแบ่งออกเป็นสินเชื่อเพื่อการ ค้า 31,538 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 64,939 ล้านบาท ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 85,999 ล้านบาท โดย EXIM BANK ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพ าะ SMEs ที่มีศักยภาพให้แข่งขันได้มากขึ้นทั้งทางการค้าและการลงทุนระหว่ างประเทศ มีปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 49,241 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้างแก่ SMEs เท่ากับ 32,968 ล้านบาท

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของ ธนาคาร (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 3.39% ลดลง 0.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 3,274 ล้านบาท และมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำ นวน 8,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 759 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2560 โดยเป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3,912 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กั นไว้แล้วต่อสำรองหนี้พึงกัน 222.61% ทำให้ธนาคารยังคงดำรงฐานะการเงิ นที่มั่นคง

ในไตรมาส 2 ปี 2561 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกัน การส่งออกและประกันความเสี่ยงกา รลงทุนเท่ากับ 44,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,777 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อน โดย 8,012 ล้านบาท เป็นธุรกิจส่งออกของ SMEs หรือ 18.15% ของปริมาณธุรกิจสะสมรวม สำหรับการสนับสนุนผู้ประกอบการไ ทยในการขยายฐานการค้าและการลงทุ นไปยังต่างประเทศ ปัจจุบัน EXIM BANK มีวงเงินที่ให้การสนับสนุนแก่สิ นเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้ งสิ้น 68,497 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2561 จำนวน 38,308 ล้านบาท อีกทั้ง EXIM BANK ยังมุ่งเน้นการขยายฐานการค้าและ การลงทุนในตลาดใหม่ CLMV  ซึ่งมียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อ เท่ากับ 29,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2560 เท่ากับ 1,182 ล้านบาท โดยในปี 2560 EXIM BANK ได้เปิดสำนักงานผู้แทนในเมืองย่ างกุ้ง เมียนมา และเปิดสำนักงานผู้แทนในเวียงจั นทน์ในปีนี้ และกัมพูชาในปี 2562

“EXIM BANK พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ ปรับตัวทันกระแสโลก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคมผู้สูงอา ยุ การเกิดขึ้นของนวัตกรรมและแพลตฟ อร์มการค้ายุคใหม่ กระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษ์สุ ขภาพ โดยผู้ประกอบการไทยต้องเร่งยกระ ดับซัพพลายเชนของภาคการผลิตให้ สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้ านราคา มีศักยภาพในการพัฒนาสินค้าไทยให้ มีนวัตกรรมตอบสนองความต้องการขอ งผู้บริโภคยุคใหม่ได้ แข่งขันในตลาดบนได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดใหม่ที่ยังมีโอกา สอีกมากสำหรับผู้ประกอบการไทย” นายพิศิษฐ์กล่าว 

Political News