สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ขับ มาสด้า CX-8 ใหม่ลุยเส้นทางในฝัน หาดใหญ่-เบตง หรู แรง นิ่ม หนึบ นั่งสบาย

โดย....หรั่ง รอบโลก

หลังจาก มาสด้า เปิดตัว มาสด้า CX-8 ใหม่ รถยนต์ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ดีไซน์ใหม่สุดหรู เทคโนโลยีใหม่เต็มคัน

               มาสด้า ได้จัดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะ บนเส้นทางในฝันของใครหลายคน “หาดใหญ่-เบตง” รวม 4 ทริป มีผู้ร่วมทดสอบเกือบ 140 ชีวิต ซึ่งต้องบอกว่า ใจถึงมาก เพราะเส้นทางสายนี้ แม้จะ สวย อุดมด้วยธรรมชาติ และท้าทาย ในลักษณะของภูมิประเทศ ที่ไต่เขาคดเคี้ยว แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย และความมั่นคง

               ผมมีโอกาส ได้ร่วมขบวนทดสอบด้วย ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ผมไฝ่ผัน มานานแล้ว แม้จะเคยไปเยือนมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยขับในเส้นทางนี้ จึงถือว่า เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมาก ทั้งได้ทดสอบรถระดับพรีเมียม และเส้นทางสุดท้าทาย

               ก่อนเริ่มทดสอบ เรามาดูถึงรายละเอียดของตัวรถ ทั้งการออกแบบ และเครื่องยนต์ และระบบต่างๆ มาดูที่ ดีไซน์ด้านนอก มาสด้า CX-8 ใหม่  ยกระดับเอกลักษณ์ความสง่างามตามแนวทางการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ที่ถ่ายทอดความงามที่อยู่เหนือกาลเวลา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม มาพร้อมแนวคิด “THE PRECIOUS MOMENTS TOGETHER” ให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่าร่วมกัน ปรับโฉมใหม่ให้หรูหรามากยิ่งขึ้น ให้สอดคล้องกับรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สี Gun Metallic ตามแบบฉบับของมาสด้า และเป็นครั้งแรกที่เพิ่มสีภายนอกเทรนด์ใหม่ กับสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ บ่งบอกถึงความพรีเมี่ยม เหนือระดับ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ให้กับทุกการเดินทางด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว

ใส่อุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจนล้นคัน ใส่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นและนำมาติดตั้งใน CX-8 เป็นรุ่นแรก เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี

MAZDA CX-8   ใหม่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ที่ดีที่สุดในตลาด นับเป็นรุ่นที่ 3 เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรถในตระกูล CX-Series มีแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (7-Seat) และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง (6-Seat) โดยกลุ่มเป้าหมาย ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ ที่มองหาความสะดวกสบาย การเข้า-ออก หรือขึ้น-ลง สะดวกง่ายดาย ตอบโจทย์การใช้งานของคนในทุกช่วงวัย

ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งเพิ่มความโดดเด่นด้วยวัสดุคุณภาพสูงแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยวัสดุ Warm Silver ที่มาพร้อมเบาะหนังสีดำ หรือวัสดุ Metal Wood ที่มาพร้อมเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ในรุ่น 6 ที่นั่ง (6-Seat) มาพร้อมกับ 2 ทางเลือก ได้แก่ ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat แยกอิสระซ้าย ขวา (Captain seats with center walk-through (6-Seat) ที่สามารถเดินเชื่อมได้ถึงเบาะนั่งแถวที่สาม

 และห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats (6-Seat) พร้อมคอนโซลกลาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของแต่ละครอบครัวได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังกว้างขวางนั่งสบายในทุกตำแหน่ง และมาพร้อมระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า ที่ช่วยระบายอากาศและความชื้น ทำให้เพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง

นอกจากนี้ มาสด้า CX-8 ใหม่ยังเพิ่มระดับความสะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ สามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสาร หรือ รับ-ส่ง ข้อความ จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth และเพลิดเพลินไปกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลด้วย Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android AutoTM ที่เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่แสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ที่จัดวางในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และ USB สำหรับชาร์จไฟบริเวณเบาะนั่งแถวที่สามได้ถูกเพิ่มเข้ามาในรถรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน ระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง

มาดูที่ขุมกำลัง มาสด้า CX-8 ใหม่มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร (Skyactiv-D 2.2) พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้พละกำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 17.5 กม./ลิตร* และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road (Off-Road Traction Assist) เพิ่มเติมในรุ่นที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD เพิ่มความมั่นใจให้ทุกคน ออกไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในทุกเส้นทาง

เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5) ให้พละกำลังถึง 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 13.2 กม./ลิตร* และในทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ขับสัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถอย่างสมบูรณ์แบบ

ขณะเดียวกัน มาสด้า CX-8 ใหม่ ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ล้ำสมัย i-Activsense รอบคัน ด้วยการติดตั้งระบบ Advanced SCBS ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance ช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า และระบบ SCBS-R ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนขณะถอยหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อีกทั้งยังมีระบบ MRCC แบบ Stop & Go ที่ได้รับการพัฒนาและติดตั้งใน NEW MAZDA CX-8 เป็นรุ่นแรกของรถมาสด้าที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง นอกจากนี้ยังเพิ่มอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและช่วยลดอาการเหนื่อยล้าจากการขับขี่หลากหลายระบบ เพื่อมอบความสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง

สำหรับ ระบบความปลอดภัย i-Activsense ที่มาพร้อม มาสด้า CX-8 ใหม่รอบคัน ประกอบด้วย  ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert)  ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support)        ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane-keep assist System) ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Control)      ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring)  ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (Lane Departure Warning System)  ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED Headlamps) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) และระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control with Stop & Go) ซึ่งได้รับการพัฒนาและติดตั้งในรถมาสด้า CX-8 ใหม่เป็นรุ่นแรก

นอกจากนี้ NEW MAZDA CX-8 ยังเพิ่มความอุ่นใจให้ผู้โดยสารตลอดเส้นทางในทุกสถานการณ์การขับขี่ ด้วยระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) อาทิ ระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง พร้อมมุมกล้องในแบบ Top View ผ่านหน้าจอ Center Display ขนาด 8 นิ้ว รวมถึงระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุดและด้านหลัง 4 จุด ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น และแบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (Passive Safety) อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวม 6 ตำแหน่ง

               หลังทราบรายละเอียดคร่าว ก็ได้เวลาที่เราจะได้ทดสอบแบบเต็มๆ โดยทีมสื่อมวลชนที่จะร่วมทดสอบกว่า เดินทางจากสนามบินนานาชาติดอนเมือง มาลงที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จากนั้น ฟัง บรรยายสรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์  ณ โชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่

จากนั้น คาราวาน มาสด้า CX-8 ก็เริ่มขับทดสอบ โดยผมได้ขับตัวเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5)  194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร สีแพลตทินั่ม ควอตซ์ เริ่มออกเดินทางจาก โดยมีเป้าหมายแรกที่ จังหวัดปัตตานี ออกจากตัวเมืองหาดใหญ่ ออกนอกเมือง ถนนถือว่า ดีมาก 4 เลน ทัศนียภาพยังคงเป็นเมือง หมู่บ้าน ภูเขา แต่ไม่คดเคี้ยวมากนัก ใช้ความเร็วได้พอสมควร ไปจังถึง จังหวัดปัตตานี ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร

เมื่อเดินทางถึงจังหวัดปัตตนานี ได้แวะชมมัสยิดกรือแซะ หรือมัสยิดปินตูกรือบัน หรือ มัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาห์ เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองปัตตานี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตรสันนิษฐานได้ว่าเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มัสยิดปิตูกรือบัน ชื่อนี้เรียกตามรูปทรงของประตูมัสยิด  ซึ่งมีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบโกธิคของชาวยุโรป และแบบสถาปัตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง รูปลักษณะเป็นอาคารก่อสร้างด้วยอิฐปูน เสาทรงกลมเลียนรูปลักษณะแบบเสาโกธิคของยุโรป ช่องประตูหน้าต่างมีทั้งแบบโค้งแหลมและโค้งมนแบบโกธิค โดม และหลังคายังก่อสร้างไม่เสร็จ อิฐที่ใช้ก่อมีรูปลักษณะเป็นอิฐสมัยอยุธยา ตรงฐานมัสยิดมีอิฐรูปแบบคล้ายอิฐสมัยทวารวดีปะปนอยู่บ้าง

จากนั้น ได้แวะชมศาลเจ้าเล่งจูเกียง หรือ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ศาลเจ้า ซึ่งเป็นที่เคารพนักถือของคนจีน และนักท่องเที่ยว ตามประวัติ เล่าว่าลิ้มกอเหนี่ยวเป็นสาวชาวจีนจากเมืองฮกเกี้ยน ซึ่งเกิดในช่วง 400-500 ปีมาแล้วเดินทางลงเรือสำเภามายังเมืองปัตตานี เพื่อตามพี่ชายชื่อลิ้มโต๊ะเคี่ยมให้กลับไปหามารดาที่ชราภาพที่บ้านเกิด แต่ได้พบความจริงว่าพี่ชายของตนได้แต่งงานกับธิดาพระยาตานีแล้วเข้ารับราชการในจวนเจ้าเมือง และได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม จึงไม่สามารถกลับไปยังเมืองจีนพร้อมนางได้ ลิ้มกอเหนี่ยวจึงได้ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ ดังสัจวาจาที่กล่าวไว้กับมารดาว่า “หากตามพี่ชายกลับไปหามารดาไม่ได้จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป” ลิ้มโต๊ะเคี่ยมผู้เป็นพี่ชายจึงได้ฝังศพของนางไว้ที่ฮวงซุ้ยที่หมู่บ้านกรือเซะนอกเมืองปัตตานี กล่าวขานกันว่าดวงวิญญาณของนางได้แสดงอิทธิฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวบ้านทั่วไป พอมีผู้มาขอพรให้โชคลาภก็ได้ผล หรือแม้แต่การค้าขายที่ซบเซาหรือขาดทุนก็กลับรุ่งเรืองขึ้น จนทำให้เกิดความนับถือศรัทธาอย่างมาก ชาวปัตตานีจึงได้นำต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตายมาแกะสลักเป็นรูปบูชาและสร้างศาลเจ้าขึ้นสักการะ สำหรับองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาโชคลาภ ค้าขาย ซึ่งเป็นที่นิยมมากราบไหว้ของพรเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต

สำหรับสถานที่ทั้ง 2 แห่ง ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ของจังหวัดปัตตานี  จากนั้น ได้รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารลอนดอน ร้านอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดปัตตานี หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ได้เดินทางต่อ โดยมีเป้าหมายที่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

โดยผ่านตัวเมืองยะลา อ.บันนังสตา อ.ธารโต แม้จะหวั่นๆ กับความปลอดภัยเรื่องความไม่สงบอยู่บ้าง แต่เมื่อผ่านด่านของทหารที่คอยรักษาควาปลอดภัยเป็นระยะๆ จึงทำให้คลายกังวลเป็นปลิดทิ้ง ระหว่างทาง ได้แวะชมความงามของทะเลสาบฮาลา บาลา บนสะพานแม่หวาด หรือ สะพานโต๊ะกูแช ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่สวนงามปลายเขื่อนบางลาง ขณะที่สะพาน สร้างขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกสบาย ย่นระยะทาง ของประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่สัญจร ไปมา และถือเป็นจัดเช็คอิน จัดแวะถ่ายรูป ชมความสวยงามแห่งใหม่ ของจังหวัดยะลา

 

จากนั้น เดินทางสู่ อำเภอเบตง โดยตลอดเส้นทางตั้งแต่ออกจากตัวเมืองยะลา ถือว่า ได้ใช้สมรรถนะของรถอย่างเต็มที่ เพราะถนนส่วนใหญ่ขึ้นเขาคดเคี้ยว ลัดเลาะตามไหล่เขา โค้งหักศอก ซึ่งการขับขี่ต้องใช้ความชำนาญ และระมัดวะวังอย่างเต็มที่ ขับมาเรื่อยๆ จนถึงอำเภอเบตง ก่อนเข้าเมือง ทีมสื่อมวลนักทดสอบ ได้ไปแวะที่ด่านพรมแดน ไทย-มาเลเซีย ในช่วงตะวันตกดินพอดี ซึ่งห่างจากตัวเมืองเบตงประมาณ 4 กิโลเมตร หลังจากนั้น ได้เขาสู่ตัวเมืองเบตง รวมระยะทางจากจังหวัดปัตตานี สู่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ประมาณ 170 กิโลเมตร ผ่านด่าน โอเค เบตง สู่ตัวเมืองเบตง ยามค่ำ คืน ผ่านหอ นาฬิกา ตู้ไปรษณีย์โบราณสีแดง สูงเด่น และเข้าสู่อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดเช็คอิน แลนด์มาร์ค สำคัญของเบตง ในปัจจุบัน และเข้าพักผ่อนที่โรงแรมแกรนด์แมนดาริน

               ตื่นเช้าขึ้นมา ผมมีโอกาสได้เดินแวะชมเมืองเบตง แม้เป็นเมืองเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยมนต์สเน่ห์ มีร้านอาหารเช้าท้องถิ่นให้เลือก อย่างหลากหลาย ผมมีโอกาสได้แวะไปไหว้มหาธาตุเจดีย์ วัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวง ของอำเภอเบตง บนเนินเขาเตี้ยๆ มีความความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งการออกแบบ ทิวทัศน์ สามารถมองเห็นตัวเมืองเบตงได้ชัดเจน จากนั้น คาราวาน มาสด้า CX-8 ได้เริ่มออกเดินทาง โดยมุ่งตรงสู่ ต.อัยเยอร์เวง เพื่อขึ้นสกายวอล์ค ชมทะเลหมอก ภูเขา สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าฮาลาบาลา

               สำหรับ สกายวอล์คอัยเยอร์เวง ถือว่า เป็นหนึ่งในสกายวอล์คที่สวยงามของประเทศไทย และเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ยอดนิยมของ อำเภอเบตง ที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ ระยะทางจากตัวเมืองเบตง ถึง สกายวอล์คอัยเยอร์เวง ประมาณ 40 กิโลเมตร

               หลังชมความงามของทะเลหมอก มองเห็นทะเลสาบเขื่อนบางลาง และเทือกเขาน้อยใหญ่ บนมุมสูง แบบ 360 องศา บนสกายวอล์คอัยเยอร์เวง คาราวาน มาสด้า CX-8 ได้ออกเดินทางกลับสู่จังหวัดปัตตานี โดยมุ่งตรงสู่ วัดช้างให้ ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

               เมื่อมาถึง วัดช้างให้ ผมมีโอกาส ได้เข้าไปกราบหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด พระมหาเถระ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ ของคนไทย และชาวต่างประเทศทั่วโลก ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนาน เล่าว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จึงใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้ดำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านได้เดินธุดงค์ไปมาระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้ และได้สั่งลูกศิษย์ไว้ว่าถ้าท่านมรณะภาพขอให้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ ซึ่งเมื่อท่านมรณะภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ก็ได้นำศพท่านมาทำการฌาปนกิจที่วัดช้างให้ อัฐิของท่านส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้ อีกส่วนหนึ่งนำกลับไปเมืองไทรบุรี ต่อมาได้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของท่านไว้ที่วัดช้างให้

สำหรับ ผมแล้ว แม้จะเคยเดินทางไปหลายสถานที่ทั่วโลก แต่ วัดช้างให้ ได้กราบรูปปั้น พ่อหลวงพ่อทวด ถือเป็นความตั้งใจอย่างยิ่ง และก็สมปรารถนา จากการได้ร่วมทดสอบ มาสด้า CX-8 ใหม่ ในครั้งนี้      หลังจากได้ทำบุญ กราบหลวงพ่อทวด แล้ว ได้เดินทางกลับสู่จังหวัดปัตตานี และหาดใหญ่ ในที่สุดรวมระยะทางในการทดสอบทริปนี้ กว่า 600 กิโลเมตร

               จากการทดสอบขับ มาสด้า CX-8 ใหม่ ในครั้งนี้ บนสภาพถนนที่หลากหลาย มีทั้งทางเรียบ ขึ้นเขา สูงชัน คดเคี้ยว โค้งหักศอก ได้ทดสอบสมรรถนะอย่างเต็มที่ โดยทันทีที่เข้ามานั่งในรถสตาร์ทเครื่อง สิ่งที่สะดุดตา  คือหน้าปัด ที่ใช้สีดำ ขาวดำ สะท้อน ถึงความขลัง และพรีเมียม ปุ่มใช้งานต่างๆ จัดวางได้ลงตัว เบาะใช้วัสดุระดับพรีเมียม หรู นั่งสบายปรับด้วยระบบไฟฟ้า จัดองศาเข้ากับสรีระของผู้ขับขี่ได้ดี ด้วยความที่เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ภายในจึงกว้างขวาง นั่งสบาย ทั้งด้านหน้า และเบาะด้านหลัง ขณะที่เครื่องอำนวยความสะดวก และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ครบครัน

               ในการทดสอบในช่วงทางเรียบ ใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ พวงมาลัย แม่นยำ อยากขับสนุกยิ่งขึ้น สามารถใช้โหมด สปอร์ต ได้อีกต่างหาก ช่วงล่างแนนหนึบ ที่สำคัญในทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจอย่างยิ่ง

               ผมได้ทดลองใช้งานระบบต่างๆ ทั้งระบบความปลอดภัย ระบบช่วยขับ ที่ มาสด้า CX-8 ใหม่ จัดให้มาครบ ต้องยอมรับว่า ทุกระบบทำงานได้ดี เพิ่มความมั่นใจให้ผมมาก ทั้งช่วงที่ใช้ความเร็วสูงบนทางเรียบและความเร็วต่ำในช่วงขึ้นเขา ลงเขา ลัดเลาะตามไหล่เขา ขณะที่การขับในเมืองไม่เมื่อย สำหรับ อัตราเร่ง แม้รถจะมีขนาดใหญ่เทียบเท่า พีพีวี แต่ความนุ่มนวลแบบเอสยูวี เร่งแซงได้ทันใจ กับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5)  194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร

               มาถึงความสะดวกสบายในการโดยสาร สำหรับการนั่งเบาะหลัง ผมได้ทดลองนั่ง ทั้งในทางเรียบ และทางคดเคี้ยว ขึ้นเขา ถือว่า ช่วงล่าง และออกแบบสำหรับความเป็นรถอเนกประสงค์แบบครอบครัว ตรงนี้ ถือว่า ทำได้ดี ไม่มีอาการเมารถ สำหรับผู้โดยสารที่นั่งด้านหลัง ความรู้สึกโคลงของตัวรถ มีไม่มาก

               มาสด้า CX-8 ใหม่ NEW MAZDA CX-8 มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครบครัน โดยเคาะราคาจำหน่าย รุ่นเครื่องยนต์  2.5 S  SKYACTIV-G 2.5 หองโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (7-Seat) 1,549,000 บาท รุ่น 2.5 SP  SKYACTIV-G 2.5  ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (7-Seat)    1,619,000 บาท รุ่น 2.5 SP EXCLUSIVE       SKYACTIV-G 2.5 ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat แยกอิสระซ้าย-ขวา (Captain seats with center walk-through (6-Seat)) บาท    1,699,000 รุ่น XDL SKYACTIV-D 2.2 ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (7-Seat) บาท1,849,000 และรุ่นท็อป XDL EXCLUSIVE SKYACTIV-D 2.2  ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain Seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats (6-Seat))2,199,000 บาท

 มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี โดยสีใหม่ล่าสุด คือ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray), และยังมี สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)**, สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)**, สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue) และ สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)**

               จากการทดสอบ มาสด้า CX-8 ใหม่ น่าจะคุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ของการใช้งานแบบครอบครัว ได้ดี แถมยังสามารถใช้งานเพื่อการท้องเที่ยว และไปลุยได้ในสถานที่ท้องเที่ยวทั่ว ๆ ไปได้ ขณะที่ระบบความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัย น่าจะรองรับการใช้ชีวิตในเมืองได้ดีด้วย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Political News