สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ประกาศเกมรุก ผสานกลยุทธ์ระดับโลก ตอบโจทย์ทางเลือกเพื่อการลงทุนของคนไทย

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ประกาศวิสัยทัศน์ต้อนรับแบรนด์ใหม่ในฐานะมืออาชีพด้านการลงทุนชั้นนำด้านกองทุน ด้วยข้อเสนอกลยุทธ์ที่แตกต่างระดับโลก ภายหลังความสำเร็จของการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด (Thanachart Fund Eastspring) ซึ่งถือเป็นการควบรวมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในตลาดการเงินและการลงทุนของประเทศไทย โดยสัดส่วนผู้ถือหุ้นล่าสุด (ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2565) ของบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ได้แก่ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลถือหุ้นอยู่ที่ 59.5% และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต ถือหุ้นอยู่ที่ 40.5% ปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ครองส่วนแบ่งทางการตลาดกองทุนรวมร้อยละ 7 และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (Asset under management หรือ AUM) อยู่ที่ 342,390 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2565) และติดอันดับ 6 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การประกาศวิสัยทัศน์ภายใต้แบรนด์ใหม่ครั้งนี้ถือเป็นการเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จและวางรากฐานของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคง

ตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะมืออาชีพด้านการลงทุน

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเอเชียและตลาดโลกอย่างลึกซึ้ง มากว่า 28 ปี บริษัทมีสำนักงานสาขาในตลาดเอเชียจำนวน 11 แห่ง และสำนักงานสนับสนุนการขายสินทรัพย์ ในภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 300 ท่าน โดยมีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 258 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (สิงคโปร์) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) โดยกระจายการลงทุนอยู่ในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ โดยมีเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จจากรางวัลระดับโลกที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่องในหลากหลายสาขา ในขณะที่ TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring นั้นเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่ดำเนินธุรกิจในไทยมาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี ทำให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมุมมองเชิงลึกในตลาดการลงทุนไทย พร้อมด้วยภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำในการนำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยในการจัดการการลงทุนเสมอมา

ด้วยจุดแข็งของทั้งสองบริษัท ผสานกับความเชี่ยวชาญระดับสากลของ Eastspring Investments ช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งในการเป็นมืออาชีพด้านการลงทุน โดยเฉพาะทางด้านกลยุทธ์การสร้างโอกาสในการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign investment funds หรือ FIFs) ซึ่งปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสุทธิ (AUM) ของกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) โดยรวมกว่า 106,950 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2565) รั้งอันดับ 3 ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในไทย (ที่มา: Morningstar) และมีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์เฉลี่ย 12.5% ต่อปี เทียบกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเฉลี่ยที่ 5.2% ต่อปี ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น อีสท์สปริงยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ครอบคลุมและหลากหลาย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ กว่า 54,389 ล้านบาท และอัตราการเติบโตสูงถึง 18% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (เทียบกับอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ 10%) (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2565)

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวช่วงหนึ่งของงานแถลงข่าวว่า “ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ การเติบโต และความแข็งแกร่งของเรา วันนี้เราพร้อมแล้วกับการส่งมอบประสบการณ์การลงทุนที่มีคุณภาพแก่นักลงทุนชาวไทย ภายใต้แบรนด์ใหม่อย่าง บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ผ่านกลยุทธ์สามเสาหลักที่จะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจจากทีมงานคุณภาพของเรา เพื่อนำเสนอทางเลือกในการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ให้สอดคล้องกับเป้าหมายความมุ่งมั่นของแบรนด์ Eastspring Investments ที่จะดูแลการลงทุนเพื่ออนาคตของคุณหรือ Invested in Your Future”

อีสท์สปริง ชูกลยุทธ์สามเสาหลัก เพื่อเดินหน้าสู่ตัวเลือกในการลงทุนอันดับต้นของคนไทย

ในการขับเคลื่อนธุรกิจของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ให้เติบโตไปอีกขั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งเพื่อผู้ลงทุนชาวไทย บริษัทมีแนวทางการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ได้แก่ Global Access with Asia Focus, Investment Advisory & Market Insights, และ Holistic Health & Wealth ที่จะทำให้เข้าถึงความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม

  1. Global Access with Asia Focus – ปัจจุบันการลงทุนในต่างประเทศถือเป็นแนวโน้มการลงทุนสำคัญที่ผู้ลงทุนชาวไทยไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีและมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายกว่า ดังจะเห็นได้จากข้อมูลของบลูมเบิร์กระหว่างปี 2558 – 2564 พบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 11.5 ต่อปี เทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นไทยซึ่งอยู่ที่เพียงร้อยละ 4.7 ต่อปี (ที่มา: บลูมเบิร์ก) ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า โอกาสในการลงทุนในต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงกว่าแค่การลงทุนในประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำการออกกองทุนต่างประเทศที่มีความครอบคลุมและหลากหลาย ยิ่งเมื่อผนึกกำลังกับ Eastspring Investments ที่สิงคโปร์  ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในระดับสากล ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มมุมมองทางเลือกในการคัดสรรกองทุนจากหลากหลายประเภทสินทรัพย์เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สร้างผลตอบแทนได้ดียิ่งขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งในจุดนี้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ผู้ลงทุนชาวไทยต้องนึกถึงเมื่อมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ
  2. Investment Advisory & Market Insights – บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อว่าการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายหรือ Asset Allocation เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพตลาดและภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ยิ่งทำให้การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ทางบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงได้ร่วมมือกับอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ สิงคโปร์ ที่เชี่ยวชาญการบริหารพอร์ตการลงทุน Multi-asset ในสินทรัพย์ทั่วโลกมายาวนาน และมีระบบที่ช่วยจัดพอร์ตการลงทุนและการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแผนที่จะร่วมกันนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมการลงทุนใน Multi-asset ที่จะออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้

ก่อนหน้านี้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ยังได้ร่วมกับทีเอ็มบีธนชาต ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุน ทีทีบี สมาร์ท พอร์ต (ttb smart port) พอร์ตการลงทุนสำเร็จรูปแนวใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยประกอบด้วย 5 พอร์ตการลงทุนสำเร็จรูป ที่ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้เองตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยจากการเปิดขายครั้งแรกเมื่อเดือน มิถุนายน 2564 สามารถระดมทุนได้ประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท จนปัจจุบันผ่านมา 1 ปีมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวม 22,936 ล้านบาท (ข้อมูล เดือน มิถุนายน 2565) (ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย)) ซึ่งคาดว่ากองทุน ทีทีบี สมาร์ท พอร์ต (ttb smart port) จะเป็นกองทุนหลักอีกหนึ่งกองทุนของบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ในอนาคต

นอกจากนี้ ด้วยจุดแข็งจากความเข้าใจในตลาดไทยมายาวนานและการเข้าถึงข้อมูลการลงทุนในระดับโลก บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ได้มุ่งเน้นทางด้านการให้ความรู้และคำแนะนำในการลงทุน รวมถึงรายงานข้อมูลต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ และการวิเคราะห์ตลาดกับผู้ลงทุน ในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดสัมมนาออนไลน์ FB Live และการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆอย่างต่อเนื่อง

  1. Holistic Health & Wealth – ด้วยจุดแข็งสำคัญที่มีผู้ถือหุ้นหลักคือกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential) ผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อมั่นว่าการผสานกันระหว่างแนวคิดความมั่งคั่งที่มาพร้อมความมั่นคงจะต่อยอดความสำเร็จในโอกาสการลงทุนแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ณ ปัจจุบัน ทางบริษัทมีประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) ที่ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนผ่านพรูเด็นเชียลทั้งหมด 16 กองทุน นอกจากนี้ยังร่วมมือกันเพื่อยกระดับการบริการด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกด้วย บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาต่อยอดและนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมจุดแกร่งนี้ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นว่า สุขภาพกายและสุขภาพการเงินเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกัน

ด้วยการผสานพลังร่วมกันภายใต้แบรนด์ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ทั้งประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญในเชิงลึกสำหรับตลาดประเทศไทย และศักยภาพบริการด้านการลงทุนชั้นนำของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในระดับสากล บริษัทพร้อมที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือกองทุนที่มีคุณภาพและหลากหลายให้นักลงทุนชาวไทยได้เลือกสรร ทั้งกองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านทางช่องทางการขายของทีเอ็มบีธนชาต และตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนอีกกว่า 55 แห่ง ทั้งที่เป็นธนาคาร บริษัทประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน รวมถึงทีมขายของบริษัท

Political News