กลุ่มผู้เลี้ยงหมูและนักวิชาการ ระดมแนวคิดแก้ปัญหาหมูแพง ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เผยทางรอดฟาร์มหมูรายเล็ก รายกลาง ทำฟาร์มมาตรฐาน แก้ปัญหาโรคระบาดระยะยาว แนะรัฐบาลให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หมดยุคปศุสัตว์ครัวเรือนแล้ว เหตุเสี่ยงสูง
โดยสรุปถึงปัญหาและทางรอดดังนี้
- หมูแพงเกิดจากอะไร
เมื่อมีหมูน้อยลง (Supply) ความต้องการบริโภคหมูมาก (Demand) ราคาก็สูงขึ้นตามกลไกตลาด
ในปี 2564 ผลิตหมูได้เพียง 14.7 ล้านตัว ขณะที่ความต้องการหมู 17 ล้านตัว จึงไม่เพียงพอต่อการบริโภค
- ทำไมหมูถึงหายไปจากตลาด
เพราะปัญหาโรคระบาดในเป็นทั้งภูมิภาค โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever) หรือ ASF เป็นโรคไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงที่แพร่กระจายในภูมิภาคต่าง ๆ ใน 35 ประเทศทั่วโลก และยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาโรค การแก้ปัญหาต้องเลี้ยงในระบบปิด ซึ่งลงทุนสูง ผู้เลี้ยงหมูจำนวนมาก ขาดเงินลงทุน
- มีการปิดบังการระบาด ASF ในไทยหรือไม่
ปีที่ผ่านมา ไทยบริหารจัดการได้ดี สังเกตุได้จากปีที่แล้วที่มีหมูขายกว่า 13 ล้านตัว ถ้ามีการแพร่ระบาดของ ASF จะต้องฆ่าหมูทิ้งทั้งฟาร์ม ปีนี้เกษตรกรจึงไม่รอให้หมูติดโรค เพราะไม่อยากเสี่ยง จึงเลิกเลี้ยง เพราะหากติดโรค มีสิทธิ์หมดตัว ภาครัฐก็ไม่ได้เข้ามารับประกันหรือชดเชยความเสียหาย
- เลี้ยงระบบปิด คือทางรอด เกษตรกรจะทำได้หรือ จะมีคนลงทุนหรือไม่
ฟาร์มมาตรฐานส่วนใหญ่เป็นระบบปิด ถ้าจะแก้ปัญหาระยะยาวได้ จะต้องทำฟาร์มมาตรฐานทั้งหมด ถ้าไม่ทำก็มีโอกาสติดโรค เพราะไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่การทำฟาร์มมาตรฐาน จะใช้เงินลงทุนสูง รัฐบาลจะต้องปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรทำฟาร์มมาตรฐาน และเมื่อเกิดโรคระบาดจะโทษเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูระบบมาตรฐานไม่ได้ เพราะต้นทุนก็สูงกว่ามาก
- คนไทยต้องกินหมูแพงไปอีกกี่เดือน
อีกหลายเดือน เพราะเกษตรกรเลิกเลี้ยงหมู และกว่าจะกลับมาเลี้ยง กว่าหมูจะโต ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเพิ่มจำนวนเกษตรกร ผ่านการรับรองความเสี่ยงแทนเกษตรกร เกษตรกรจึงจะกล้าลงทุนเลี้ยงหมู
- รายย่อย ตายหมด รายใหญ่ได้เปรียบหรือไม่
ปัญหาโรคระบาดหมู ไม่มีใครอยากให้เกิด แม้รายใหญ่ก็เสียหายกว่า 50% เพราะไม่มีวัคซีน รถขนหมู ก็เสี่ยงต่อการนำโรคจากโรงเชือด เสี่ยงทั้งระบบ ไม่มีใครหวังให้มีโรคเพื่อฆ่ารายเล็ก แต่เป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศว่า ต้องเป็นเกษตรอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐาน หมดยุคปศุสัตว์ครัวเรือน เพราะความเสี่ยงสูง การทำฟาร์มมาตรฐานจึงเป็นทางออก
- นำเข้าหมูจากต่างประเทศดีหรือไม่
การนำเข้าหมูก็เสี่ยงที่จะนำมาซึ่งโรคระบาด ซึ่งหนักกว่าประเทศไทยหลายเท่า รวมถึงหากนำเข้ามาไทยจะเข้าสู่ภาวะวิกฤต เพราะประเทศรอบข้างล้วนมีราคาหมูแพงกว่าไทย
- ห้ามส่งออกแก้ปัญหาหมูแพงหรือไม่
ตราบใดที่หมูในประเทศไม่พอ คงไม่มีผู้เลี้ยงหมูอยากเสียภาษีและเสียค่าขนส่งไปต่างประเทศ เพราะราคาในประเทศก็สูงอยู่แล้วซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด และไม่มีใครอยากลักลอบส่งออก เพราะขายในประเทศก็ได้
- จากฟาร์มหมู สู่เขียง มันแพงตรงไหน
ราคาหมูที่แพง เพราะต้นทุนแพงมาตั้งแต่หน้าฟาร์ม จากราคาหน้าฟาร์ม 105 บาทต่อตัว ซึ่งคือหมูทั้งตัว รวมกระดูก รวมเครื่องใน แต่เวลาบอกราคาเขียง คือราคาเนื้อแดง ที่หั่นแยกส่วนมาเฉพาะเนื้อ ที่ราคาสูงกว่าราคารวมกระดูก ซึ่งราคาเนื้อแดงหน้าโรงเชือด 153 บาทแล้ว รวมค่าขนส่งก็ 170 บาท ผ่านพ่อค้าคนกลาง กว่าจะถึงหน้าตลาด ค้าปลีกก็ 200 บาท สรุปคือ ตลอดกระบวนการมีต้นทุนสูงขึ้น
- ทำไมภาครัฐไม่ช่วยเกษตรกร
ปัญหาราคาหมู เป็นปัญหาทั่วโลก ปัญหาเงินเฟ้อ ทุกอย่างแพงขึ้น แต่ไทยกำลังเจอเงินฝืด ที่อาหารแพงขึ้นแต่รายได้ลด ทางแก้ปัญหาคือรัฐต้องมาช่วยเกษตรกร ต้องอุ้ม ต้องชดเชย ก่อนเกษตรกรจะเลิกเลี้ยง และทั้งรายเล็ก กลาง ใหญ่ ลำบากหมด จากนี้ไทยต้องทำปศุสัตว์แบบยกระดับ ขณะที่ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ตั้งกองทุนช่วยเหลือเกษตรกรอเมริกา
แนะ 10 ทางรอด “ ต้องทำเร็ว เป็นรูปธรรม และทำทันที”
- ห้ามส่งออกระยะสั้น และห้ามนำเข้า (เสี่ยงหมูมีโรค ทำลายตลาด และราคา)
- ให้สินเชื่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ดอกเบี้ยต่ำ ทำฟาร์มมาตรฐาน
- ไม่ตรึงราคา ปล่อยตามกลไกตลาด
- ตั้งกองทุน ชดเชย หากเลี้ยงหมูแล้วติดโรค ช่วยลดภาระ และความเสี่ยง
- ช่วยเหลือผู้บริโภค ราคาพิเศษ เช่น คูปองหมู และส่งเสริมการกินไก่ ปลา ทดแทน เพราะราคาไก่ถูกกว่าหมู 3 เท่า
- ส่งเสริมเกษตรกรรายใหม่เลี้ยงหมู ด้วยการประกันราคา และถ่ายทอดเทคโนโลยี
- เพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกร เพื่อรายย่อยในราคาต้นทุน
- รัฐจัดหาเทคโนโลยีป้องกันโรค วัคซีน
- รัฐให้ข้อมูลที่แม่นยำ อัพเดท สร้างความเชื่อมั่น
- จัดการข่าวปลอม อย่างจริงจัง ไม่สร้างความสับสน
ดังนั้น หากรัฐเพิ่ม supply จากในประเทศได้ ปัญหาจะจบ การเพิ่ม Supply ก็คือการลดความเสี่ยงเกษตรกร ให้อยู่รอดได้
ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส หากรัฐแก้ปัญหาสำเร็จ อุตสาหกรรมเลี้ยงหมูของไทย ต้องปรับสู่การเลี้ยงหมู 4.0 ที่เทคโนโลยีสูง คุณภาพสูง ต้นทุนจึงจะต่ำ ปลอดความเสี่ยง และจะรอดได้ในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ ผลการหารืออาจจะนำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อพิจารณาแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ อย่างบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งหากรัฐบาลทำได้จะเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาลด้วย