สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

กูรูทิสโก้ชี้นักลงทุนต่างชาติเตรียมขายหุ้นเพิ่ม หาก Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

กูรูทิสโก้แนะจับตาการประชุมธน าคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หากประกาศขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าค าด นักลงทุนต่างชาติเตรียมเทขายหุ้ นประเทศตลาดเกิดใหม่ - ไทยอีกระลอก หลัง 5 เดือนแรกถล่มขายแล้วกว่า 1.1 แสนล้านบาท มากที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อเ ทียบกับช่วงเดียวกันในอดีต

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุท ธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ค. 61 ) ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วก ว่า 1.1 แสนล้านบาท นับเป็นการขายมากที่สุดเป็นประวั ติการณ์เมื่อเทียบกับช่วงเดี ยวกันในอดีต  ซึ่งการเทขายอย่างต่อเนื่องของ นักลงทุนต่างชาติในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้ น หลังการเติบโตของตลาดเกิดใหม่เริ่ มมีอุปสรรคจากค่าเงินดอลลาร์ สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นท่ามกลางการขึ้นด อกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคาร กลางสหรัฐ (Fed) ขณะที่สภาพคล่องโลกมีแนวโน้มลดล งจากการลดขนาดงบดุลของ Fed และการลดนโยบายผ่อนคลายเชิงปริม าณ (QE) ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่ มขึ้นเกือบ 50% ส่งผลกดดันกำลังซื้อและทำให้ดุล บัญชีเดินสะพัดของประเทศตลาดเกิ ดใหม่ลดลง

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามการประชุม Fed ในวันที่ 13 มิ.ย. 2561 อย่างใกล้ชิด เพราะหาก Fed ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว กว่าที่คาด จะจุดชนวนให้นักลงทุนต่างประเทศ เกิดการเทขายหุ้นไทยและหุ้ นในประเทศตลาดเกิดใหม่อีกรอบ ซึ่งประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยเร็ว กว่าที่คาดนี้จะกดดันการลงทุนใน ตลาดเกิดใหม่รวมถึงประเทศไทยไปต ลอดทั้งปี 2561

“ขณะนี้นักลงทุนคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่ง  Fed ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 1 ครั้งในเดือน มี.ค. และคาดจะขึ้นอีกครั้งในการประชุ มเดือน มิ.ย. แต่หากทั้งปี Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง หรือเร็วกว่าที่คาดจะทำให้นักลง ทุนเริ่มเทขายหุ้นในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทยอีกครั้ง ดังนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุท ธ์ทิสโก้ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนลงทุนด้วย ความระมัดระวังในช่วงที่เหลือขอ งปี และควรให้น้ำหนักการลงทุนในตลาด พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น มากกว่าตลาดเกิดใหม่ พร้อมทั้งแนะนำให้นักลงทุนถือเงิ นสดเพิ่มขึ้น เพราะจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นใน ช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ” นายคมศร กล่าว 

ทั้งนี้ ยังประเมินว่าความเสี่ยงจะมีมาก ขึ้นโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 โดยมีประเด็นต้องจับตามองอีกสอง ประการ ได้แก่ สภาพคล่องที่ลดลงจากการลดขนาดงบ ดุล (Balance Sheet) ของ Fed และการยุติ QE ของ ECB  และความเสี่ยงจากการเลือกตั้งก ลางเทอมของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ซึ่งพรรค Republican มีโอกาสสูญเสียเสียงข้างมากในทั้งสภาบนและสภาล่าง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่ อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงอาจเป็นความเสี่ยงให้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกนำเข้ากระบวนการถอดถอน (Impeachment) ได้

Political News