สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

แมคลาเรน 765LT สไปเดอร์ สมรรถนะล้ำ ขับมันกว่าเคย ยนตรกรรมซูเปอร์คาร์เปิดประทุนที่ทรงพลัง

  • สิ้นสุดการรอคอย “แมคลาเรน 765LT สไปเดอร์” จำนวนจำกัดพร้อมให้สั่งจองได้แล้ววันนี้
  • คอลเลกชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟและน่าสะสม เพราะผลิตตามคำสั่งของลูกค้าซื้อเพียง 765 คันทั่วโลก พร้อมหมายเลขเฉพาะคันเหมือนกับรุ่นคูเป้ที่จำหน่ายหมดไปแล้วก่อนหน้านี้
  • ยานยนต์เปิดประทุนล่าสุดในซีรีส์ LT เผยมิติใหม่ของประสบการณ์การขับขี่แบบ “ลองเทล” (Longtail)
  • เพื่อความพิเศษให้การขับขี่ด้วยหลังคาแข็งแบบพับได้ (RHT) ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียว ควบคุมด้วยไฟฟ้า สามารถเลื่อนขึ้น-ลงได้ในเวลาเพียง 11 วินาที ณ ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม. (31 ไมล์/ชั่วโมง)
  • เพลิดเพลินกับเสียงจากระบบท่อไอเสียไทเทเนียมได้อย่างเต็มที่จากกระจกไฟฟ้าด้านหลังที่ช่วยนำเสียง “ซาวนด์แทร็กของลองเทล” (LT Soundtrack) เข้ามาสู่ห้องโดยสาร แม้ไม่ต้องเปิดหลังคา
  • กำลังเครื่องยนต์ 765PS และ 800Nm จากเครื่องยนต์แมคลาเรน V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร ให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ใน 2.7 วินาที 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ใน 2.8 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) ใน 7.2 วินาที
  • อัตราเร่งของ “สไปเดอร์” ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา – อัตราเร่งในขณะเข้าเกียร์เร็วกว่ารุ่น 720S ถึง 15% และมีการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลมากขึ้นเพื่อการขับขี่ที่ตอบโจทย์กว่าเดิม
  • น้ำหนักเบาขึ้นอีก – น้ำหนักรถรวมเชื้อเพลิง (DIN) อยู่ที่ 1,388 กก. เบากว่า 720S สไปเดอร์ ถึง 80 กก. และหนักกว่าคูเป้ 765LT เพียง 49 กก.
  • อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักยอดเยี่ยมสำหรับรถเปิดประทุน โดยอยู่ที่ 598PS/ตัน เมื่อวัดจากน้ำหนักรถเปล่า
  • ตัวถังทำจากวัสดุน้ำหนักเบาประสิทธิภาพสูงตลอดคัน พร้อมด้วยเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์ขั้นสูงสำหรับชิ้นส่วนต่าง ๆ
  • ชิ้นส่วนพิเศษที่ช่วยทำให้รถมีน้ำหนักเบา ได้แก่ ระบบท่อไอเสียไทเทเนียม (เบาขึ้น 40% เมื่อเทียบกับท่อเหล็ก) ชิ้นส่วนเกียร์เกรด Formula 1 และกระจกที่บางกว่าเดิม
  • องค์ประกอบแอโรไดนามิกคาร์บอนไฟเบอร์แบบเดียวกับรุ่นคูเป้ - ลิ้นแต่งหน้ารถ พื้นรถด้านหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนหน้าและหลัง และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง - เพิ่มปีกหลังที่ออกแบบมาให้ปรับตามตำแหน่งขึ้น/ลงของหลังคา
  • แรงดาวน์ฟอร์ซสูงสุดในรถประเภทเดียวกัน - สูงกว่ารุ่น 720S สไปเดอร์ ถึง 25%
  • แชสซีที่มีไดนามิกมากขึ้นด้วยสปริงและแดมเปอร์ที่ออกแบบมาสำหรับ LT โดยเฉพาะ หน้ารถกว้างขึ้น ความสูงของช่วงหน้ารถจากพื้นลดลง และมีซอฟต์แวร์พิเศษ Proactive Chassis Control II สำหรับช่วงล่างไฮดรอลิก
  • ล้ออัลลอยแบบกดอัด (ล้อฟอร์จ) 10 ก้าน ขนาดมาตรฐาน น้ำหนักเบาพิเศษ และยาง P Zero™ Trofeo R ผลิตโดย Pirelli พันธมิตรทางเทคนิคของแมคลาเรน
  • การตกแต่งห้องโดยสารแบบมอเตอร์สปอร์ต เบาะนั่งคาร์บอนไฟเบอร์แบบรถแข่ง อุโมงค์กลางคาร์บอนไฟเบอร์ พื้นห้องโดยสารคาร์บอนไฟเบอร์แบบเปลือย และหนังเทียม Alcantara® น้ำหนักเบาทั่วทั้งคัน
  • ระบบเครื่องปรับอากาศและเครื่องเสียงจะไม่รวมอยู่ในตัวรถเพื่อให้ได้น้ำหนักที่เบา แต่สามารถสั่งทำได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ชุดตกแต่งพิเศษ MSO Clubsport Pack และชุด MSO LT Black Pack พร้อมตัวเลือก MSO มากมาย

แมคลาเรน ออโตโมทีฟ ผู้ผลิตยนตรกรรมซูเปอร์คาร์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลกนับทศวรรษถึงความพิเศษ หรูหรา และสมรรถนะชั้นเลิศ ได้เปิดตัวยนตกรรมรุ่นสำคัญอีกรุ่นหนึ่งในวันนี้ นั่นคือ แมคลาเรน 765LT สไปเดอร์(McLaren 765LT Spider)

ต่อยอดจาก “765LT ลองเทล คูเป้” ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อนและจำหน่ายหมดทุกคัน “สไปเดอร์” เป็นซุปเปอร์คาร์เปิดประทุนที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่แมคลาเรนเคยรังสรรค์มา เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับรถมากที่สุด “แมคลาเรน 765LT สไปเดอร์” ได้ผนวกเอาการออกแบบทางวิศวกรรมและคุณลักษณะหลักอื่น ๆ ของแมคลาเรน ลองเทลเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักที่เบา ไดนามิกแบบการขับในสนาม และแอโรไดนามิกที่ดีที่สุด ทำให้นอกจาก “แมคลาเรน 765LT สไปเดอร์” จะมีความเป็นเลิศในแบบของรถคูเป้แล้วยังสามารถตอบโจทย์ความพิเศษของ LT ได้ด้วย และจะมีการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเพียง 765 คันทั่วโลกเท่านั้น

ด้วยพลวัตและแอโรไดนามิกแบบรถคูเป้และโครงสร้างหลักที่สมบูรณ์แบบ “สไปเดอร์” มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเพียง 49 กิโลกรัม ส่วนใหญ่มาจากหลังคาแบบแข็งและกลไกการเปิดประทุน รวมแล้ว “765LT สไปเดอร์” มีน้ำหนักเพียง 1,388 กิโลกรัม (น้ำหนักรวมเชื้อเพลิง) ซึ่งเบากว่ารุ่น 720S สไปเดอร์ ถึง 80 กิโลกรัม และเบากว่าแบรนด์คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดประมาณ 100 กิโลกรัม

หลังคาแข็งแบบพับได้ (RHT) ที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียวและควบคุมด้วยไฟฟ้า สามารถเปิดประทุนได้ในเวลาเพียง 11 วินาทีณ ความเร็วรถสูงสุด 50 กม./ชม. ซึ่งจะช่วยนำเสียงอันน่าทึ่งของระบบไอเสียไททาเนียมแบบ Quad-Exit เข้ามาในห้องโดยสาร เปิดมิติใหม่ให้กับการขับขี่

 “สิ่งที่เราเห็นได้ชัดในขณะที่กำลังเดินหน้าพัฒนาแบรนด์ย่อยของ LT ด้วยการเปิดตัว “765LT สไปเดอร์” รุ่นใหม่ ก็คือลูกค้าของเราชื่นชอบข้อเสนอแบบซูเปอร์คาร์ของลองเทลที่มอบความตื่นเต้นเร้าใจ สมรรถนะเหนือชั้น และจำนวนผลิตที่ไม่มาก หลังจากที่เราปิดการขาย 765LT คูเป้ ไปได้ทั้งหมด 765 คัน ก็ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อเราประกาศเปิดตัว “LT สไปเดอร์” ใหม่ ยอดสั่งจองก็หลั่งไหลเข้ามาจนกำลังการผลิตสำหรับปี 2564 นั้นเต็มแล้ว” ไมค์ ฟลูวิตต์ (Mike Flewitt) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแมคลาเรน ออโตโมทีฟ กล่าว

ประสิทธิภาพอันเหลือล้นและไดนามิกของ “สไปเดอร์” รุ่นใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วใน 765LT คูเป้ นั้น ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีก 3 ประการ ได้แก่ ความเสถียรของโครงสร้างตัวถัง MonoCage II-S การออกแบบที่พลิกโฉมวงการของหลังคาแข็งพับได้แบบชิ้นเดียว และความทุ่มเทที่ไม่ลดละของวิศวกรแมคลาเรนในการบรรลุปรัชญาของบริษัทว่าด้วยวิศวกรรมน้ำหนักเบา

ตัวถังของคาร์บอนไฟเบอร์ MonoCage II-S ของ “สไปเดอร์” ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับตัวถัง Monocoque ของคูเป้ และมีองค์ประกอบพื้นฐานส่วนใหญ่คล้ายกัน เช่น กรอบกระจกหน้ารถที่ไม่ต้องการโครงสร้างค้ำยันเพิ่มเติมใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการช่วยลดน้ำหนักตัวรถ และที่ส่วนท้ายของรถ โครงสร้างซัพพอร์ตจากคาร์บอนไฟเบอร์ก็ถูกผสานเข้ากับแชสซีเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการพลิกคว่ำ

 หลังคาเปิดประทุนคือส่วนที่สำคัญของโครงสร้างรถ ประกอบด้วยกรอบคาร์บอนไฟเบอร์ที่อยู่ภายในแผงหลังคาแข็งแบบพับได้ ซึ่งเมื่อปิดหลังคาก็จะทำให้เกิดแผงคาร์บอนไฟเบอร์แบบเต็ม นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร เนื่องจากหลังคาเป็นแผงแบบชิ้นเดียวไม่มีโครงตรงกลาง ทำให้มีพื้นที่เหนือศีรษะมากขึ้น และแผงหลังคาเองก็มีความยาวเพิ่มขึ้นช่วยให้ยอดเสา A ยืดไปข้างหน้าได้มากขึ้น ทำให้รู้สึกกว้าง และเข้า-ออกรถได้คล่องตัว

เช่นเดียวกับ LT ทุกรุ่น “สไปเดอร์” ใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นเลิศในสนามแข่ง แต่คุณสมบัติด้านความอลังการและสุนทรียะก็ทำให้ยนตรกรรมเปิดประทุนคันนี้เป็นรถที่น่าดื่มด่ำและดึงดูดยิ่งกว่าเดิมสำหรับการขับขี่บนท้องถนน แพ็คเกจแอโรไดนามิกขั้นสูงยังคงคล้ายกับในรุ่นคูเป้ แต่ในรุ่น “สไปเดอร์” ปีกหลังจะถูกออกแบบมาให้ปรับเปลี่ยนตามหลังคาที่เปิดและปิด และมีการปรับเทียบแดมเปอร์ใหม่เพื่อรองรับน้ำหนักของรถที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกของ “สไปเดอร์” นั้นเทียบได้กับคูเป้ในทุก ๆ ด้าน และยังมีดาวน์ฟอร์ซที่สูงมาก สูงกว่ารุ่น 720S Spider ถึง 25%

ขุมพลังแห่งสมรรถนะที่ดุดันของ “สไปเดอร์” คือเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตรให้กำลัง 765 แรงม้า ทำให้ “765LT สไปเดอร์”

มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดในยนตรกรรมระดับเดียวกันที่ 598แรงม้า/ตัน วัดจากน้ำหนักไม่บรรทุก และแรงบิด 800Nm อัตราทดเกียร์ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ขับขี่สนุกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อัตราเร่งขณะเข้าเกียร์เร็วกว่า 720S Spider ถึง 15% ช่วยให้ลองเทลรุ่นใหม่นี้ทำรอบได้เร็วที่สุดในรุ่น LT แบบเปิดประทุน

ความเร็วมาตรฐานสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. คือ 2.8 วินาที (0-60 ไมล์/ชม. คือ 2.7 วินาที) และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชั่วโมง) ใช้เวลา 7.2 วินาที นอกจากนี้ “LT สไปเดอร์” ใหม่ยังใช้เวลาเพียง 10.0 วินาทีในการวิ่งเป็นระยะทาง 400 ม. (¼ ไมล์) โดยเริ่มจับเวลาตั้งแต่รถจอดนิ่ง และความเร็วสูงสุดของรถคือ 330 กม./ชม. (205 ไมล์/ชั่วโมง)

 “Longtail ของแมคลาเรน ได้รับการพัฒนาเพื่อสมรรถนะที่ไร้เทียมทานและประสบการณ์การขับขี่ที่ดื่มด่ำ ยนตรกรรมคูเป้ 765LT ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการเชื่อมโยงผู้ขับขี่เข้ากับรถ และ “สไปเดอร์” จะมาต่อยอดคุณสมบัตินี้ โดยเพิ่มการขับขี่แบบ open-air เพื่อให้ผู้โดยสารสัมผัสกับเสียงที่ปลุกประสาทสัมผัสจากท่อไอเสียไทเทเนียม เป็นความรื่นรมย์ที่ถ่ายทอดผ่านกระจกหลังที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า

แม้ไม่ต้องเปิดประทุน” เจมี คอร์สตอร์ฟิน (Jamie Corstorphine) ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ แมคลาเรน ออโตโมทีฟ กล่าว

รถเปิดประทุนรุ่นใหม่ที่สุด ขับสนุกที่สุด และทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาจากแมคลาเรนในซีรีส์ “ลองเทล” ของแบรนด์ พร้อมให้สั่งจองแล้ววันนี้ ณ ตัวแทนของแมคลาเรน ราคาเริ่มต้นที่ 310, 500 ปอนด์* และมีจำหน่ายเพียง 765 คันทั่วโลก ทั้งนี้ได้ปิดรอบการผลิตสำหรับปี 2564 แล้ว

*ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละตลาด – 310,500 ปอนด์เป็นราคาในสหราชอาณาจักร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Media release_ENG                                                         

The McLaren 765LT Spider: extreme performance and new heights of driver engagement from McLaren’s most powerful-ever convertible supercar

  • Limited-volume 765LT Spider revealed; available to order now
  • Exclusive and highly collectible: just 765 will be built to customer order – the same individually numbered total as the sold-out coupe
  • New convertible LT delivers another dimension of ‘Longtail’ driver engagement
  • Electrically operated, one-piece carbon fibre Retractable Hard Top (RHT) lowers or raises in just 11 seconds, at speeds of up to 50km/h (31mph), to enhance driving experience
  • Powered rear window allows searing ‘LT soundtrack’ from quad-exit, full titanium exhaust system to be enjoyed to the full, even with the roof in place
  • 765PS and 800Nm from 4.0-litre twin-turbocharged McLaren V8 enables 0-60mph in 2.7 seconds, 0-100km/h (62mph) in 2.8 seconds and 0-200km/h (124mph) in 7.2 seconds
  • The fastest accelerating LT Spider ever – 15% quicker in-gear acceleration than 720S – with transmission gearing optimised for driver engagement
  • Even greater focus on minimising weight – 80kg lighter than 720S Spider at 1,388kg (DIN weight) and just 49kg heavier than 765LT coupe
  • Convertible class-leading power-to-weight ratio of 598PS-per-tonne at lightest dry weight
  • High-performance lightweight materials feature throughout, with advanced carbon fibre technologies used for body components
  • Specific weight-saving components include titanium exhaust system (saving 40% over steel equivalent), Formula 1-grade transmission materials and thinner glass
  • Same carbon fibre aerodynamic package as the coupe – front splitter and front floor, side skirts, front and rear bumper and rear diffuser – but with active rear wing calibrated for roof up/roof down positions
  • Class-leading aerodynamic downforce – 25% more than 720S Spider
  • Enhanced chassis dynamics, with bespoke LT springs and dampers, increased front track width, lower front ride height and unique software programming for linked-hydraulic Proactive Chassis Control II suspension
  • Standard-fit 10-spoke Ultra-Lightweight forged alloy wheels and bespoke P Zero™ Trofeo R tyres developed by McLaren technical partner, Pirelli
  • Motorsport-inspired interior with carbon fibre racing seats, carbon fibre centre tunnel, exposed carbon fibre floor and lightweight Alcantara® throughout
  • Air-conditioning and audio system not included as standard to save weight, but can be specified at no additional cost
  • MSO Clubsport Pack and MSO LT Black Pack available, plus multiple individual MSO options

Renowned worldwide for the exclusive, luxury, high-performance supercars on which it has built its reputation over the past decade, McLaren Automotive today reveals another landmark model: the 765LT Spider.

Complementing the 765LT ‘Longtail’ coupe unveiled last year – all of which are sold – the new Spider is McLaren’s most powerful-ever convertible supercar and brings highest-ever levels of driver engagement to the McLaren LT experience. Engineered in addition with the other core attributes intrinsic to any McLaren Longtail – minimised weight, track-focused dynamics and optimised aerodynamics – the 765LT Spider has all of the class-leading abilities of the coupe and also meets the LT demand for exclusivity: just 765 cars will be available globally for customer order.

 “As we continue to build the LT sub-brand with the introduction of the new 765LT Spider, it’s clear that our customers are increasingly attracted to the Longtail supercar proposition of exhilarating, extreme performance and limited availability. With all 765 examples of the 765LT coupe sold, it’s no surprise that as we publicly announce our new LT Spider, production capacity for 2021 is already filled.”

Mike Flewitt, Chief Executive Officer, McLaren Automotive

The immense performance and dynamic prowess of the new Spider – already proven in the 765LT coupe – are enhanced by three compelling factors: the stability of its MonoCage II-S structure, the game-changing design of its one-piece Retractable Hard Top roof, and the ongoing determination of McLaren engineers to pursue the company’s philosophy of super-lightweight engineering.

Performance is ferocious, the 4.0-litre twin-turbocharged V8 engine producing 765PS – giving the 765LT Spider a best-in-class power-to-weight ratio of 598PS-per-tonne at lightest dry weight – and 800Nm of torque. Transmission gear ratios have been revised for even greater engagement and performance; in-gear acceleration is 15% quicker than a 720S Spider, helping the new Longtail to achieve the fastest lap times ever posted by a convertible LT model.

The 0-100km/h time often seen as a benchmark figure is 2.8 seconds (0-60mph is 2.7 seconds), with 0-200km/h (124mph) taking 7.2 seconds. The new LT Spider takes 10.0 seconds to cover 400m (¼ mile)

from standstill and the car’s maximum speed is 330km/h (205mph).

“A McLaren ‘Longtail’ is engineered to deliver not only incredible performance but also the highest levels of driver engagement. The 765LT coupe set new benchmarks in maximising a driver’s connection with the car and the Spider builds on this, adding the additional engagement factor of open-air driving to give direct access to the scintillating sound of the titanium exhaust – a pleasure that thanks to the electrically operated rear window can also be enjoyed with the retractable roof in place.”

Jamie Corstorphine, Director of Product Strategy, McLaren Automotive

The most powerful McLaren convertible ever and the latest and most engaging addition to the brand’s Longtail lineage can be ordered now from McLaren retailers. Pricing is from £310, 500* and availability is limited to just 765 cars for customer order worldwide, with 2021 production already all sold.

McLaren 765LT Spider in detail

Maximising the McLaren LT experience

-          The Retractable Hard-Top is among the world’s quickest and quietest. Occupants will experience a sound no louder than 50 dBA during operation, with a peak of 60 dBA during the latching process.

-          Fully electrically controlled, the roof can be opened or closed in just 11 seconds, at speeds up to 50km/h.

-          The MonoCage II-S differs features a carbon fibre upper structure and two fixed carbon fibre structural supports bonded into the chassis to provide rollover protection.

-          Luggage space is maximised with a lower height of the tonneau cover – factors which in turn improve both aerodynamic performance and over-the-shoulder visibility.

Political News