สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

สกุลเงินดิจิทัล สุดฮ็อต บริษัท สินค้า รถ-บ้าน-คอนโด-เพชร เปิดรับชำระแล้ว

สกุลเงินดิจิทัล  ได้ฮ็อตต่อเนื่อง เริ่มเจาะเข้าหลายวงการ  อสังหาริมทรัพย์ประเดิมคึกคัก อนันดาฯ จับมือ บิทคับ ซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าผ่านคริปโทฯได้แล้ว!! เป็นรายแรก ด้าน คอนโดไทย เปิดให้เช่าคอนโดด้วย Crypto ทุกที่ ทุกโครงการ ทั่วไทย ขณะที่วงการรถยนต์ ไม่น้อยหน้า เรนาสโซ มอเตอร์ จับมือ ซิปเม็กซ์  ใช้ซื้อ ลัมโบร์กินี ส่วน วีซ่า เปิดรับธุรกรรมด้วยสกุลเงิน USD Coin (USDC) ผ่านเครือข่ายเป็นรายแรก ด้าน WCG DIAMOND เอาด้วยเขย่าวงการเครื่องประดับเพชร รับซื้อด้วยเงินดิจิทัล

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  บริษัท ประกาศความร่วมมือกับ (บิทคับ) Bitkub บริษัทชั้นนำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอเรนซี่ ที่ปัจจุบันเป็นธุรกิจการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสภาพคล่องที่สุดในประเทศ พัฒนาช่องทางการชำระเงินซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมของอนันดาฯ ทุกโครงการผ่านคริปโทเคอเรนซี รายแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ลูกค้าจ่ายได้ง่าย มั่นใจและปลอดภัยในทุกขั้นตอน

สำหรับโครงการที่เข้าร่วมครั้งนี้ คือ ทุกโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าของอนันดาฯ ภายใต้แบรนด์คุณภาพ  แอชตัน, ไอดีโอ คิว , ไอดีโอ โมบิ , ไอดีโอ , เอลลิโอ , ยูนิโอ , อาร์เทล , แอริ , เอโทล , ยูนิโอทาวน์ และเออร์บานิโอ

ในปัจจุบันตลาดคริปโทฯ ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะด้วยมูลค่าของตลาดคริปโทฯ มีที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะในปีนี้ที่มูลค่าของเหรียญ BITCOIN : BTC ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่เกิน 2,000,000 บ. ต่อ 1 เหรียญ BTC แสดงให้เห็นว่าวิถีการลงทุนในทรัพย์สินของคนยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนไป โดยการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลในครั้งนี้ คือการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบไร้เงินสด เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถชำระค่าใช้จ่ายในการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมจากอนันดาฯ ผ่านคริปโทฯ ได้ โดย อนันดาฯ เปิดรับเงินสกุลคริปโทฯ ที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก 3 สกุลประกอบด้วย Bitcoin: BTC*, Ethereum: ETH* และ Tether USD: USDT* 

“ปัจจุบัน เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตผู้คนมากขึ้น ซึ่งอนันดาฯ ไม่ได้หยุดนิ่งในการคัดสรรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาให้ลูกค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัวที่สุด และมั่นใจว่าการรับชำระเงินผ่านคริปโทฯ ที่มี “บิทคับ” เป็นแพลตฟอร์มการรับชำระ จะสร้างความมั่นใจ สะดวกสบายและเกิดความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าของเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต” นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ในความร่วมมือดังกล่าวเป็นการเพิ่มโอกาสในการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมด้วยการชำระเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมี 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ 1.  เตรียมBitkub Wallet ของคุณ หรือสมัคร Bitkub Wallet พร้อมยืนยันตัวตน  ( KYC )  กรณีที่ยังไม่มี Bitkub Wallet สามารถสมัครสมาชิกใหม่ได้ที่นี่ https://www.bitkub.com/signup 2.  เตรียมเหรียญ คริปโทฯ ที่จะใช้ชำระให้พร้อมใน Wallet ของคุณ 3.  โอนเหรียญเพื่อชำระผ่าน QR CODE ที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้เข้า Wallet Ananda และ 4.  รอรับเอกสารยืนยันการชำระ

ด้านนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลและวงการอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย  หลังจากที่คริปโทฯ เริ่มเป็นกระแสและได้รับการพูดถึงในวงกว้างนับจากที่บิตคอยน์ทำราคาสูงสุดแตะ 1 ล้านบาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และทำให้มีผู้สนใจเข้ามาเก็งกำไรในตลาดซื้อ-ขายเป็นจำนวนมาก จนทำให้ได้รับรายงานว่ามีผู้ใช้งานผ่านแพล็ตฟอร์ม bitkub.com ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด มีจำนวนถึง 1 ล้านรายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดกว่า 10,000 ล้านบาทต่อวัน ทำให้เห็นได้ว่าประชาชนทั่วไปเริ่มเห็นความสำคัญของคริปโทฯ มากขึ้น และมองว่าเป็นทั้งทางเลือกในการลงทุน อีกทั้งมีการทดลองใช้จ่ายในชีวิตประจำวันบ้างแล้ว เช่น การชำระค่าสินค้าต่างๆ เนื่องจากการโอนด้วย คริปโทฯ นั้นสามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็ว มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงแค่แสกนผ่าน QR Code ผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่นวัตกรรมทางการเงินได้มอบความสะดวกสบายให้กับผู้คน

นายศักดิ์สิทธิ์ เลิศไฝ่คุณธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนโดไทย จำกัด (Condothai) กล่าวว่า บริษัท ได้พัฒนาช่องทางการชำระเงินเพิ่มเติม จากเดิมสามารถชำระด้วยเงินสด หรือ บัตรเครดิต เท่านั้น เพิ่มให้สามารถรับชำระเงินโดยเป็นการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) มาใช้ในการชำระเงินสำหรับการเช่าและการซื้อขายคอนโด ทุกห้อง ทุกโครงการ ทั่วประเทศไทย ในแพลทฟอร์ม Condothai เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในแง่ของการชำระเงิน เป็นการตอบโจทย์กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทฯ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโทฯ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯที่เป็นการปรับตัวสู่สังคมแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ปัจจุบัน ห้องในระบบของ Condothai มีมากกว่า 37,000 ห้อง ที่สามารถชำระเงินผ่านคริปโทเคอเรนซี ซึ่งถือเป็นรายแรกของวงการการเช่าและการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของไทย เพิ่มความสะดวก และความปลอดภัยให้กับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่มากขึ้น

จากสถิติในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า ตลาดคริปโทฯ ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ มูลค่าของเหรียญ Bitcoin : BTC ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่เกิน 2,000,000 บาท ต่อ 1 เหรียญ BTC เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า วิถีการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ได้เปลี่ยนไป ยอมรับในสินทรัพย์ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น โดย Condothai เปิดรับสกุลคริปโทฯทั้งหมด 5 สกุล ประกอบด้วย      Bitcoin : BTC,    Ethereum : ETH ,    Tether : USDT ,    Binance Coin : BNB,     Binance USD : BUSD

ทั้งนี้ ถือเป็นนการเพิ่มโอกาสในการในการเช่าคอนโด และการซื้อขายคอนโดในแพลทฟอร์ม Condothai ด้วยการชำระเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมี 5 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้     เลือกห้องที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ     นัดหมายเพื่อชมห้อง และต่อรองราคา     ชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency)    แลกเปลี่ยนเป็นเงินสด และ ทำสัญญาพร้อมเข้าอยู่

นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ("Renazzo Motor") ตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการ รายเดียวในประเทศไทย (Lamborghini Bangkok) ประกาศความร่วมมือกับ “Zipmex” (ซิปเม็กซ์) แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนําของเอเชีย นำสินทรัพย์ดิจิทัล (Crytocurrency) มาใช้เป็นตัวเลือกในการชำระเงินสำหรับการซื้อรถ Lamborghini จาก Renazzo Motor ซึ่งเป็นการมอบสิทธิพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าของ Renazzo Motor และ Zipmex จุดประกายความสนใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ได้มากยิ่งขึ้น

การส่งเสริมวิถีชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ไร้เงินสด เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถชำระค่าใช้จ่ายในการซื้อรถ Lamborghini จาก Renazzo Motor ผ่านคริปโตฯ ได้แล้วเช่นเดียวกัน โดย Renazzo Motor จะรับเงินสกุลคริปโต ประกอบด้วย Bitcoin (BTC), Tether USD (USDT) และ Zipmex Token (ZMT)

“การจับมือกับ Zipmex ในครั้งนี้ เป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาสู่การใช้งานจริง ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยการเพิ่มทางเลือกของการชำระเงินในรูปแบบการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มของ Zipmex สำหรับการซื้อรถซูเปอร์คาร์ลัมโบร์กินีกับทาง Renazzo Motor เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้มากขึ้น”

ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า Zipmex มีจุดมุ่งหมายในการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าปรารถนาที่จะเพิ่มคุณค่าชีวิตผ่านการเข้าถึงในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะมีแคมเปญที่น่าตื่นเต้นเพื่อให้ผู้ถือ ZMT สามารถเป็นเจ้าของรถซูเปอร์คาร์ได้”

ขณะเดียวกัน วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญของธุรกิจในการเชื่อมโยงโลกแห่งสกุลเงินดิจิทัล (Criptocurrency) และสกุลเงินทั่วไปเข้าด้วยกัน ด้วยการเปิดให้ USD Coin (USDC) หรือ สเตเบิ้ลคอยน์ (stablecoin) ที่อ้างอิงราคากับเงินดอลล่าห์สหรัฐ มาใช้ชำระเงินในการทำธุรกรรมกับวีซ่าได้เพิ่มเติมจาก อีเธอเรียม (Ethereum) หนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในบล็อกเชนแบบเปิด (open-source) โดยวีซ่าได้เปิดให้ทดลองผ่าน Crypto.com ซึ่งนอกจากจะเป็นพันธมิตรของ วีซ่า แล้วยังเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มรายใหญ่ในโลกคริปโตอีกด้วย โดยวีซ่าได้วางแผนที่จะเปิดรับการชำระด้วยสกุลเงิน USDC กับพันธมิตรรายอื่น ๆ ภายในปลายปีนี้

การผลักดันสกุลเงินดิจิทัลให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชำระเงินถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์ Network of Networks ของวีซ่า เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนที่ของเงินตราไม่ว่าจะเป็นส่วนที่ดำเนินอยู่บนเครือข่ายของวีซ่า หรือเครือข่ายอื่น วีซ่ามุ่งเสริมสร้างคุณค่าอีโคซิสเท็มด้วยการทำให้คริปโตเคอร์เรนซี่เป็นสกุลเงินที่มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และนำไปใช้จ่ายในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ผ่านการใช้ประโยชน์ของเครือข่ายวีซ่าที่มีอยู่ทั่วโลก การเข้าถึงพันธมิตรทางธุรกิจ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์

ในปีที่ผ่านมา วีซ่าได้กรุยทางสำหรับการชำระเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลภายในโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินที่มีอยู่ของวีซ่า ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเคลื่อนย้ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละวันไปยังหลายพันสถาบันการเงินที่มีอยู่ในมากกว่า 200 ประเทศและ 160 สกุลเงิน นอกจากนี้ วีซ่า ได้ทำงานกับ Anchorage ธนาคารที่ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกและพันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญด้านการชำระบัญชีด้วยสกุลเงินดิจิทัลของวีซ่า ในการเปิดทดสอบให้ Crypto.com ส่งเงินสกุล USDC ให้แก่วีซ่า เพื่อชำระหนี้ในส่วนของบัตร Crypto.com วีซ่า

กระบวนการชำระบัญชีตามมาตรฐานของวีซ่า ต้องการให้พันธมิตรชำระเงินในรูปแบบของสกุลเงินทั่วไป โดยสามารถเพิ่มทุนและความซับซ้อนให้กับธุรกิจที่เกิดขึ้นด้วยสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ได้  ซึ่งที่สุดแล้วความสามารถในการชำระบัญชีด้วย USDC สามารถช่วยให้ Crypto.com และบริษัทอื่น ๆ ที่ดำเนินธุรกิจด้านคริปโตประเมินพื้นฐานโมเดลการทำธุรกิจใหม่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินคงคลังและผังระบบงานสำหรับการชำระบัญชีเช่นธุรกิจทั่วไป การอัพเกรดทางด้านการเงินและการบูรณาการร่วมกับ Anchorage ของวีซ่า ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านศักยภาพของวีซ่าในการสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC) ได้โดยตรงในอนาคต

นายแจ๊ค ฟอเรสเทลล์ รองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์ของวีซ่า กล่าวว่า ผู้ประกอบการฟินเทคทางด้านคริปโตต้องการคู่ค้าที่เข้าใจการทำธุรกิจของพวกเขา รวมถึงความซับซ้อนของปัจจัยต่าง ๆ ในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล  การประกาศในครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า วีซ่ามีศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคในเรื่องของสเตเบิ้ลคอยน์ หรือคริปโตเคอร์เรนซี่ได้ รวมถึงเป็นการต่อยอดสิ่งที่ วีซ่าทำอยู่ในทุกวันนี้อย่างการอำนวยความสะดวกให้การชำระเงินให้มีความปลอดภัยสูงสุดในหลากหลายสกุลเงินทั่วโลก

ขณะที่ นายคริส มาร์สซาเล็ค ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Crypto.com กล่าวว่า ระบบนิเวศคริปโตขยายวงกว้างยิ่งขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา และเพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านของโลกสู่สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ เราต้องการพันธมิตรที่มีความเข้าใจถึงโอกาส และเครื่องมือที่จะช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การได้เป็นพันธมิตรกับวีซ่าในหลายปีที่ผ่านมา ได้สานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านข้อตกลงระดับโลกในครั้งนี้ พร้อมกับการเป็นผู้บุกเบิกเจ้าแรกในการเปิดให้ชำระเงินด้วยสเตเบิ้ลคอยน์เป็นครั้งแรกของโลก

นางศุภากรณ์ ปรีชา (บอสอุ้ม) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิว ซี จี ไดมอนด์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจิวเวลรี่แบรนด์ WCG DIAMOND  เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนทั่วโลกได้ให้ความสนใจเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) บริษัทจึงมีแนวคิดที่จะขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มนี้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถือเงินสกุล BTC , ETH , USDT ทั่วโลกสามารถซื้อเครื่องประดับเพชรกับ WCG DIAMOND ได้อย่างไร้ขีดจำกัด เนื่องจากขณะนี้บริษัทฯ มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้ากลุ่มนี้ สำหรับผู้ที่สนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 02-0684343 ต่อ102 และ 095-052-8855  หรือ  www.wcgdiamond.com  และร่วมการประมูลเพชรออนไลน์ได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ ขายส่งเพชรแท้  WCG DIAMOND

Political News