สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

อดีตผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดินยันพระผู้ใหญ่ไม่ทุจริตตามผอ.พศ.ฟ้อง

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า จากการได้ติดตามข่าวการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนพระปริยัติธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในฐานะชาวพุทธและผู้ตรวจสอบภาคประชาชน รู้สึกเป็นห่วง เนื่องจากสังคมกำลังสับสนเกี่ยวกับเรื่องเงินทอนวัด กับกรณีงบฯ การศึกษาพระปริยัติธรรม ที่ทางพศ.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ 5 พระเถระ กล่าวคือ เรื่องเงินทอนวัดนั้น เกิดจากเจ้าหน้าที่ พศ.ดำเนินการโดยมิชอบด้วยวิธีการหักค่าหัวคิว ส่วนกรณีงบฯ การศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นการกล่าวหาว่า 5 พระเถระ นำงบฯ นี้ไปใช้ดำเนินการในส่วนที่ไม่ใช่การศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งหากมองตามหลักการแล้ว การตั้งงบฯ ดังกล่าว รวมทั้งการ โยกงบฯ ที่จะมาให้แก่วัด การตั้งเรื่องอนุมัติงบฯ วิธีการต่าง ๆ ต้องทำโดยเจ้าหน้าที่พศ. วัดเป็นเพียงผู้ทำเรื่องเสนอของบฯ เท่านั้น การจัดสรรงบฯ ก็ขึ้นอยู่กับงบฯ ที่มีอยู่ และโอนให้แก่วัดตามที่จัดสรร โดยที่พระหรือวัดไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับวิธีการอนุมัติงบฯ ของ พศ.

นายพิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ได้เห็นเอกสารการเสนอขอรับงบฯ ในปี 2556-2557 ของวัดที่เป็นข่าวอยู่นั้น จะเขียนแบบกว้าง ๆ เพื่อที่จะได้บริหารจัดการงบฯ ในการทำงานได้สะดวก โดยเมื่อวัดได้รับงบฯ มาแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับวัด หากนำไปใช้ในกิจการพระพุทธศาสนาของวัด โดยไม่ได้นำงบฯ ไปให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ก็ถือว่าทำได้ แต่ถ้านำงบฯ ไปใช้ในนามบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถือว่าเข้าข่ายทุจริต นอกจากนี้วิธีในการผันงบฯ ของหน่วยงานราชการ ไปใช้ในอีกโครงการหนึ่ง ก็ถือว่า เป็นวิธีการที่หน่วยงานราชการปฏิบัติกัน เรียกว่า การบริหารจัดการงบฯ ทั้งนี้แนวปฏิบัติของสตง.จะดูที่เจตนาการใช้งบฯ ด้วยว่า ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน สังคม ประเทศชาติหรือไม่ อาจจะไม่ตรงวัตถุประสงค์แบบไม้บรรทัด แต่เมื่อเป้าหมายที่ออกมาเกิดประโยชน์และชี้แจงที่มาที่ไปได้ ก็จะถือว่าไม่มีเจตนาทุจริต ดังนั้นจึงเชื่อว่า พระสงฆ์ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นวิธีการอนุมัติเงินงบฯ เนื่องจากก่อนที่วัดจะเป็นผู้ขอเสนองบฯ นั้น ทาง พศ.จะต้องแจ้งว่า มีงบฯ หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่พศ.ต้องให้คำแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Political News