สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ส่อง 8 เทรนด์สินค้ามาแรง ไว้สร้างแบรนด์เองง่ายๆ จากธุรกิจ OEM

                ก่อนหน้านี้หากใครคิดจะทำธุรกิจ อาจจะต้องอาศัยเงินจำนวนมากในการลงทุน ทำให้สินค้าแต่ละกลุ่มมีจำนวนจำกัด และเห็นกันแต่แบรนด์เดิมๆ แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไปบวกกับไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนแปลง เช่น อยากมีกิจการส่วนตัว อยากมีอิสระทางการเงิน หรืออยากออกไปใช้ชีวิตตามความฝัน แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่างตีกรอบเอาไว้ ทำให้ต้องอดทนใช้ชีวิตในรูปแบบเดิม แม้กระทั่งปัจจัยภายนอกที่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในปัจจุบัน ทำให้ผู้คนเข้าถึงและรับข้อมูลข่าวสารรวมถึงการสังเกตสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้ผู้คนต่างมีทางเลือกเป็นของตัวเองมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

                หากท่านใดกำลังมองหาทางเลือกในการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง วันนี้จะพาทำความรู้จักกับการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจได้ด้วยเงินลงทุนไม่มากเกินไปแถมมีแบรนด์เป็นของตนเอง นั่นคือธุรกิจ “OEM” นั่นเอง อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มีไอเดียอยากลองทำแบรนด์สินค้าของตัวเอง แต่มีงบลงทุนจำกัด

OEM คืออะไร แตกต่างจาก ODM อย่างไร

                OEM ย่อมาจาก Original Equipment Manufacturer คือ โรงงานที่รับออเดอร์พร้อมรายละเอียดสินค้าจากเจ้าของธุรกิจมาผลิต แล้วส่งกลับไปต้นทางเพื่อนำไปติดแบรนด์ของตัวเอง

                แตกต่างจาก ODM หรือ Original Design Manufacturer เพราะการผลิตแบบนี้ โรงงานจะเป็นผู้คิดค้น ทำวิจัย รวมไปถึงดำเนินการในทุกขั้นตอนของการผลิตสินค้าให้เจ้าของธุรกิจ แต่ใช้เงินลงทุนสูงกว่าการผลิตแบบ OEM

ข้อดี-ข้อเสียการลงทุน OEM

                ข้อดี

  • ช่วยลดต้นทุนการผลิต ใช้เงินลงทุนต่ำ
  • ไม่ต้องมีโรงงานของตัวเอง ก็มีแหล่งผลิตสินค้าให้
  • สามารถย้ายฐานการผลิตได้ง่าย
  • ง่ายต่อการเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจ
  • มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและดูแลการผลิต

ข้อเสีย

  • เกิดสินค้าลอกเลียนแบบได้ง่าย

งบการลงทุนผลิตสินค้า OEM

                การทำธุรกิจหลายคนอาจจะคิดว่าต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่จริงๆ แล้วการเริ่มต้นทำธุรกิจกับผู้ประกอบการ OEM ใช้งบเริ่มต้นที่หลักหมื่น ดังที่กล่าวไปเบื้องต้นว่าโรงงานมีหน้าที่ช่วยผลิตสินค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการสร้างแบรนด์ไปได้มากทีเดียว ส่วนรายละเอียดค่าใช้จ่ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อตกลงระหว่างเจ้าของธุรกิจกับโรงงาน

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนจ้าง OEM

  • ศึกษาตลาดสินค้าในเชิงลึก ได้แก่ แนวโน้มการบริโภคของกลุ่มลูกค้า คู่แข่งในตลาด การกำหนดราคา รวมถึงกรณีตัวอย่างการทำสินค้าประเภทนั้นๆ ไว้เป็นแนวทาง
  • เตรียมแผนการตลาดล่วงหน้า เพื่อหาจุดขายและสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้า พร้อมกับเจาะกลุ่มลูกค้าได้ตรงเป้าหมายมากที่สุด ทั้งตัวผลิตภัณฑ์ ราคา การบริการ ช่องทางการจัดจำหน่าย และการทำโปรโมชั่น
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตทั้งหมด ทั้งขั้นตอนการผลิต เผื่อเกิดปัญหาในระหว่างการผลิต จะได้เข้าใจและแก้ปัญหาได้ตรงจุด รวมถึงวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ สำหรับวางคอนเซ็ปต์สินค้า และใช้คำนวณต้นทุนได้ง่ายขึ้น
  • ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานที่ใช้ผลิต โดยเช็คจากเว็บไซต์กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือคัดเลือกจากโรงงานที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นโรงงานที่เปิดดำเนินการอยู่จริง มีการการันตีมาตรฐานการผลิตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ มาตรฐาน GMP มาตรฐาน HACCP และมาตรฐาน ISO

                หลังจากตัดสินใจเลือกโรงงานได้แล้ว ก่อนการผลิตควรมีสัญญาว่าจ้างที่รัดกุม ครอบคลุม และตรวจสอบให้ดี หากมีข้อสงสัยให้สอบถามทันที โดยเฉพาะความลับเรื่องของส่วนผสมและขั้นตอนการผลิต เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลและผลประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเอง

8 เทรนด์สินค้ามาแรง 

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ)  ผู้จัดงาน OEM Manufacturer Expo 2021 By FTI & NEO งานแสดงสินค้าด้านผู้รับจ้างผลิตที่ได้รับการรับรองจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลจากการสำรวจตลาดพบว่า หลังการระบาดของเชื้อโควิด 19 ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์และการอุปโภค-บริโภคเปลี่ยนไปมากทีเดียว แต่ก็ยังมีธุรกิจที่สามารถไปต่อได้ และมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งจะเป็นช่องทางให้ผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง ได้เริ่มมองหาช่องทางและสร้างแบรนด์สินค้าจากกลุ่มสินค้าน่าจับตามองในปี 2021 ดังนี้

  1. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

                กลุ่มสินค้าด้านความงาม ได้แก่ ลิปสติก ครีมกันแดด ครีมบำรุงผิว เพราะเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจกันทุกเพศทุกวัย ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น แถมในประเทศไทยยังมีโรงงาน OEM รับผลิตมากมาย อีกทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นจากปี 2020 สามารถเจาะตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เลย

  1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

                จากการสำรวจของ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พบว่าหลังการระบาดของเชื้อโควิด 19 ส่งผลให้คนไทย 45.39% ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้นกัน และทำให้ร่างกายแข็งแรง เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีแนวโน้มการขยายตัวที่ทีดี และเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 10% ต่อปี ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา   

  1. ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค

                อีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่ได้รับอานิสงส์จากเทรนด์รักสุขภาพ โดยเฉพาะสินค้าทดแทนเนื้อสัตว์ที่เรียกว่า Plant Based Meat เนื้อสัตว์สังเคราะห์ที่ผลิตจากพืช แต่ให้กลิ่น สัมผัส และรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์จริง ๆ และยังได้รับสารอาหารครบถ้วน

  1. อาหารและเครื่องดื่ม

                ส่วนสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่น่าจับตามอง นอกจากพวกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค หรือผลผลิตจากการเกษตรแบบไร้สารเคมีที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ เน้นสารอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น ลดน้ำตาล เน้นสารโปรตีน มีฉลากให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบไว้ครบถ้วน รวมไปถึงสินค้าประเภท Meal Kits หรือชุดวัตถุดิบให้ผู้บริโภคนำไปประกอบอาหารเองที่บ้าน

  1. สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์

                กลุ่มผลิตภัณฑ์ขายดีตลอดกาล โดยเฉพาะเสื้อผ้าตามแฟชั่นและโอกาสต่างๆ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ทุกปี ทั้งกระแสที่มาจากเหล่าเซเลบ-คนดัง ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง ศิลปิน ดีไซเนอร์ รวมถึงแบรนด์ดังต่าง ๆ

  1. เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน

                หนึ่งในเทรนด์สินค้าที่มาแรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะช่วงกักตัวและเน้นการทำงานที่บ้านหรือ Work From Home เพื่อช่วยรักษาระยะห่างและลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด 19 ส่วนกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ของแต่งบ้านหรืออุปกรณ์สำหรับจัดเก็บของ ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย ดีไซน์สวย และมีราคาที่เหมาะสม

  1. ผลิตภัณฑ์ทําความสะอาด

                ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านอย่าง น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิว น้ำยาซักผ้าช่วยกำจัดเชื้อโรค และอุปกรณ์เสริมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์ และทําความสะอาดร่างกาย เพื่อสุขภาพที่ดี ตอบรับวิถีชีวิตแบบ New Normal

  1. บรรจุภัณฑ์และการพิมพ์

                ในเวลานี้บรรจุภัณฑ์สินค้า (Packaging Design) ก็มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค กลุ่มที่มาแรง ได้แก่ บรรจุภัณฑ์สินค้าและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ เป็นต้น

                ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจเท่านั้น งาน “OEM Manufacturer Expo 2021 by FTI & NEO” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเพียงหนึ่งเดียวด้านผู้รับจ้างผลิตที่ได้รับการรับรองจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  ได้รวบรวมโรงงานผลิตสินค้า OEM ที่มีมาตรฐาน ที่มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในการสร้างแบรนด์ ทำตลาด สำหรับผู้ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจของตัวเอง มาไว้ที่งานเดียวแล้ว ภายใต้แนวคิด “Build Your Brand” ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 2 ตุลาคม 2021 ณ ฮอลล์ 99 ไบเทค บางนา

ติดตามข่าวสารเข้าร่วมงาน OEM Manufacturer Expo 2021 by FTI & NEO ได้ที่ https://oemexpo.biz/, FB Fan Page: @oemexpo, โทร 02-203-4230-5 หรือ อีเมล [email protected]

Political News