SHR ปรับกลยุทธ์จัดพอร์ต ส่งผลดีสะท้อนในอัตราเข้าพักที่เพิ่มสูงขึ้น มองสภาวการณ์นี้เป็นจังหวะดีในการลงทุน เดินหน้ามองหาโอกาสขยายธุรกิจ ทั้งการซื้อกิจการ ปรับปรุงประสิทธิภาพสินทรัพย์ พัฒนาแบรนด์ และรับบริหารจัดการโรงแรม ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ทโฟลิโอเป็น 2 เท่า ภายใน 5 ปี
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด มหาชน (SHR) บริษัทเรือธงในการประกอบธุรกิจโรงแรมของสิงห์ เอสเตท มองว่าช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ท้าทาย และพิสูจน์ให้เห็นว่า การวางกลยุทธ์จัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงของ SHR เป็นแนวทางที่เหมาะสม เพราะแม้ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ SHR ก็ยืนหยัดอยู่ได้ เพราะมีการลงทุนในโรงแรมที่หลากหลาย โดยรีสอร์ทในมัลดีฟมีอัตราเข้าพักสูงขึ้น 63% ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และ 71% ในเดือนมกราคมปีนี้ เนื่องจากจุดแข็งด้านโลเคชั่น ความสวยงามของสถานที่ และบริการที่ดีตอบโจทย์นักท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการเรื่องสุขอนามัย ความปลอดภัย มาตรการป้องกันเรื่องโรคติดต่อได้มาตรฐานสากล
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทใหม่ล่าสุดได้แก่ แบรนด์ nābor” (เนเบอร์) ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตด้วยดิจิทัล และรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ “SAii” อีก 2 แห่งในประเทศไทย ในภาคใต้ของประเทศไทย “ทรายลากูน่าภูเก็ต” (SAii Laguna Phuket) และ “ทรายพีพีไอส์แลนด์วิลเลจ” (SAii Phi Phi Island Village) รีสอร์ทไลฟ์สไตล์ระดับบน ที่มีบุคลิกสนุกสนาน และมอบความอิสระให้กับนักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์การพักผ่อนรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งการสร้างแบรนด์โรงแรมในไทย นอกจากเป็นการสร้างธุรกิจรับบริหารจัดการโรงแรมที่บริษัทตั้งใจจะใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโตให้พอร์ทโฟลิโอต่อไปแล้ว แบรนด์ดังกล่าวยังเป็นหนึ่งในแผนที่เปลี่ยนรูปแบบการบริหารของโรงแรมในกลุ่ม Outrigger ให้เป็นแบรนด์ของบริษัทเอง เพื่อประหยัดต้นทุนในการบริหาร การใช้ทรัพยากรร่วมกันในหลายส่วน ให้เหมาะสมกับภาวะการณ์ปัจจุบัน
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2653 มีรายได้ 297.3 ล้านบาท ผลการดำเนินงานปกติ (ไม่นับรวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ) รายงาน Adjusted EBITDA จำนวน -22.5 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 85% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2563 เป็นผลมาจากการกลับมาเป็นบวกของผลประกอบการโรงแรมที่มัลดีฟส์ รวมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ช่วงปลายปี และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากโควิด 19 ที่มีต่ออุสาหกรรมท่องเที่ยว ผลการดำเนินงานในปี 2563 จึงเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มอุตสาหกรรม โดยมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,562.9 ล้านบาท ลดลง 51% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการหยุดให้บริการโรงแรมชั่วคราวในทุกประเทศที่กลุ่มบริษัทดําเนินธุรกิจอยู่ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2563 และหลายประเทศยังมีมาตรการจำกัดการเดินทางที่เข้มงวดแม้อุตสาหกรรมโรงแรมจะทยอยกลับมาให้บริการในครึ่งปีหลังของปี 2563
“การดำเนินธุรกิจอาจมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากระทบ สิ่งสำคัญคือเราต้องวางแผนล่วงหน้า สร้างกลยุทธ์ที่รัดกุม เดินตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และพร้อมจะปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ SHR มองว่าสภาวการณ์เช่นนี้กลับเป็นโอกาสดีในการลงทุน
ทั้งผ่านการซื้อกิจการ ปรับปรุงประสิทธิภาพสินทรัพย์ที่ดำเนินการอยู่ เดินหน้าในการพัฒนาแบรนด์ และรับบริหารจัดการโรงแรม ด้วยความพร้อมและความทุ่มเทของผู้บริหารและทีมงาน ผสานกับความแข็งแกร่งทางการเงินของเรา จะสามารถนำพา SHR ไปสู่เป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ทโฟลิโอเป็น 2 เท่า ภายใน 5 ปี ตามที่วางไว้” นายเดิร์กกล่าว
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯ ได้ประกาศความสำเร็จในการเดินหน้าซื้อหุ้นทั้งหมดในโรงแรมทั้ง 26 แห่งในสหราชอาณาจักรภายใต้แบรนด์ Mercure เพื่อตรียมรองรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเดินทางในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีความต้องการการท่องเที่ยวสูงมากจากทั้งภาคการท่องเที่ยวในประเทศ และระหว่างภูมิภาคยุโรป จุดเด่นของพอร์ตโฟลิโอนี้ คือการกระจายตัวของโรงแรมต่างๆ ตามเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักร รองรับนักเดินทางจากในประเทศและในทวีปยุโรปกว่าร้อยละ 90 ได้รับอานิสงส์จากความคืบหน้าที่ดีของการรับวัคซีนในสหราชอาณาจักร โดยหวังว่าตลาดท่องเที่ยวของยุโรปจะกลับมาคึกคักในไตรมาสที่ 3 โดยภายหลังการทำรายการ SHR จะมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 100 ซึ่งจะทำให้ SHR รับรู้รายได้ภายหลังเพิ่มสัดส่วนในการลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มนี้ คาดว่าจะสามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้นปีละ 2 – 3 พันล้านบาท หากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
SHR Demonstrates Resilience with Revenue of THB 1,563 Million in 2020, as it
Targets Hospitality Business Recovery in 2021
Bangkok, February 24, 2021 – S Hotels & Resorts Public Company Limited (SHR), the hospitality arm of Singha Estate, has reported a resilient performance in 2020, despite the downturn in global travel and hospitality caused by COVID-19.
This is the result of the company’s successful strategy of being geographically diversified and its investment in key leisure destinations. SHR continues to focus on the improvement of assets to meet demand for safe and secure travel, the digitalisation of its commercial platforms, the rebranding of certain assets, the deployment of hotel management agreements under its own brands, and the divestment of non-performing assets. SHR has already experienced a recovery in its business since Q4/2020, mainly driven by international travel to the Maldives, and it sees strong opportunities for growth in leisure destinations offering robust recurring income.
Mr. Dirk De Cuyper, Chief Executive Officer of SHR, noted that 2020 was a challenging year. However, adaptive strategies to protect cash and diversification of the business yielded positive results. Despite the impact of COVID-19 on hospitality businesses around the globe, SHR can still stand tall. Its resorts in the Maldives ramped up well towards the last quarter of 2020 and the beginning of 2021, with occupancy rate in December 2020 and January 2021 at 63% and 71%, respectively. The resorts have been proactively communicating their ability to offer safe and secure stays. Resorts only accommodating domestic business showed strong occupancy on weekends and special holidays (50-70%) mainly driven through online campaigns. In markets with limited domestic or no international demand, properties suspended services for several months.
This all resulted in a strong financial position for SHR, with cash of THB 2.5 billion and D/E ratio as low as 0.53X, as of December 31, 2020,
For the fourth quarter of 2020, SHR reported revenue of THB 297.3million. Although the Company registered a core operating performance (exclude non-recurring items) with Adjusted EBITDA of THB -22.5 million, improved by 85% Quarter-on-Quarter thanks to effective cost management and the relaxation of regulations in certain key markets at the year’s end. Nonetheless, the impact of COVID-19 on the hospitality business was inevitable, and the Company was impacted in the same way as other major companies. SHR generated operating revenue for 2020 in an amount of THB 1,562.9 million, dropped by 51% Year-on-Year, mainly resulting from the temporary suspension of hotel operations in all countries during the second quarter.
Even after the reopening of some hotels in the latter part of the year, the hospitality business still faced pressure from ongoing international travel restrictions in many countries.
“Even though we were clouded by uncertainty in 2020, we were able to take a proactive approach in rebuilding our digital platform to improve guest experiences with safe and secure travel. We saw additional opportunities in supporting independent hotels and launched our homegrown brands, SAii and nābor, that will spur our growth in the coming years. We have a healthy balance sheet and now it’s all about rebuilding with asset enhancements, strategic divestments, performance improvements and working capital management,” Mr. De Cuyper commented.
SHR recently unveiled its new brands: “nābor” (neighbour), designed for savvy travellers who demand smart and digital lifestyles, and “SAii”, a fun and free-spirited upscale concept. Two new SAii resorts have already opened in 2021 – SAii Laguna Phuket and SAii Phi Phi Island Village – both located in highly desirable destinations in southern Thailand, targeting travellers seeking new leisure experiences.
On February 17, 2021, SHR announced the acquisition of additional 50% stakes in 26 hotels in the United Kingdom under the Mercure brand (raising its stakes to 100%). This THB 564 million investment will position the Company to take advantage of the leisure and transient recovery in the UK, including staycations and a pickup of inter-regional travel demand from mid-2021 onwards. The strength of the UK-wide portfolio is that it spans a wide range of key destinations that cover more than 90% of leisure and transient business in the UK. SHR estimates that this important investment will enable it to generate about THB 2-3 billion per year in revenue, once the leisure, transient and group segments have stabilised.
