สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

ทดลองขับ มาสด้า บีที 50 ใหม่ สัมผัส สปอร์ตปิกอัพ เรียบ หรู แรง เจนเนอเรชั่นใหม่

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เดินหน้าพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการปิกอัพเมืองไทย หลังซุ่มพัฒนารถกะบะ มาสด้า บีที 50 ใหม่  ด้วยการผสมผสานร่วมมือกับ โดยใช้แพล็ตฟอร์มและเทคโนโลยี อีซูซุ ในขณะที่  มาสด้า ออกแบบ จับ Kodo Design ซึ่งประสบผลสำเร็จกับรถซีดาน และเอสยูวี มาแล้ว มาใส่ในปิกอัพรุ่นใหม่ ซึ่งทางมาสด้า เคลมว่าเป็นสปอร์ตปิกอัพที่ออกแบบสง่างามที่สุดในโลก

มาสด้า ได้จัดให้สื่อมวลชนยลโฉม ร่วมสัมผัสกับ All New Mazda BT-50 Prototype Preview & Test Drive แบบเอ็กซ์คลูซีฟลักษณะ Sneak Preview ภายใต้ชื่อกิจกรรม Mazda Thailand Sneak Preview 2020 พร้อมชิมลองทดที่สนามในจังหวัด  พระนครศรีอยุธยา ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรก ปี 2564

สำหรับ  All NEW Mazda BT-50 ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “Built for DRESS & JEANS” เพื่อตอบสนองการใช้งานหลากหลายรูปแบบ มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร ทั้งระบบเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟรีสไตล์แคบ 2 ประตู และดับเบิลแคบ 4 ประตู ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว  ขนาด 1.9 ลิตร 1,898 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 80.0 x 94.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 16.5 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/ต่อนาที  แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย     16.1      กม./ลิตร       

และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 95.4 x 104.9 มิลลิเมตร กำลังอัด 16.3 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/ต่อนาที  แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย    14.1       กม./ลิตร

รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ใหม่ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ เช่นเดียวกับมาสด้ารุ่นอื่นๆ ด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบเพื่อให้สามารถ “ใช้งานได้ทุกโอกาส” สามารถขับลุยน้ำได้สูงถึงระดับ 800 มม. ด้านนอก กระจังหน้าที่สูงและตั้งตรงที่ให้ความรู้สึกสง่าผ่าเผย ซิกเนเจอร์วิงส์ที่แผ่ขยายออกทางด้านข้างและไฟหน้ารูปทรงกระบอกสูบ ก็ทำให้ดูดุดันและแสดงถึงความงดงามอันประณีตที่มองแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นรถมาสด้า เมื่อมองจากด้านหลัง ซุ้มล้อที่ดูโดดเด่นให้ภาพลักษณ์ที่ทรงพลัง กระบะท้ายที่ทอดยาวไปจนถึงสัญลักษณ์มาสด้าที่ด้านหลัง ไฟหน้าแบบ LED ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว และเป็นทรงกระบอก ทำให้ได้แสงไฟที่สว่างไสว ส่วนไฟท้ายก็เป็นรูปทรงกระบอกเช่นเดียวกับไฟหน้า

ภายในถูกออกแบบให้สอดคล้องกับธีมการออกแบบภายนอก มีฟังก์ชั่นอันหลากหลายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้งาน รวมถึง พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง กุญแจรีโมทอัจฉริยะ ที่สามารถ สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมทและมีฟังชั่นเปิดไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ  รวมถึงมือจับที่ช่วยให้ผู้โดยสารแถวหลัง ขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบ Infotainment รวมถึงหน้าจอแสดงผลความคมชัดสูง WXGA และฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ซึ่งฟังก์ชั่นต่างๆ โดยสารมีความสะดวกสบายและมีความเงียบเทียบเท่ากับรถเอสยูวี ระยะห่างระหว่างเบาะนั่งฝั่งซ้ายและขวา มีความเหมาะสมก็ช่วยทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางและโอ่อ่า การเย็บที่ประณีตของวัสดุตกแต่งบริเวณคอนโซลส่วนบน สำหรับรุ่นดับเบิ้ล แค็ป มีการเพิ่มช่องแอร์ด้านหลัง และช่อง USB เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารแถวหลังยิ่งขึ้น ช่องแอร์ถูกวางตำแหน่งในส่วนกลาง ด้านซ้าย และด้านขวา ของคอนโซลหน้า

นอกจากนี้  รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่  ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบช่วยจอด ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่องแอร์ถูกวางตำแหน่งในส่วนกลาง ด้านซ้าย และด้านขวา ของคอนโซลหน้า ทำให้ดูมีมิติ และตกแต่งคอนโซลหน้าด้วยแถบที่ลากยาวจากกลางคอนโซลต่อเนื่องไปยังเบาะนั่งผู้โดยสาร ซึ่งช่องแอร์และแถบกลางคอนโซลนี้ได้ถูกตกแต่งด้วยสีเงินเข้มที่ให้ความรู้สึกสงบ กรอบช่องแอร์สีเงินเข้มก็ยังช่วยเสริมสร้างความสง่างาม ในขณะที่สีดำด้านที่ตกแต่งแผงคอนโซลก็ให้ภาพลักษณ์ที่หนักแน่นของเมทัลลิก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยผสมผสานการแสดงออกถึงความแข็งแกร่งของรถปิกอัพกับความลงตัวของการออกแบบ

ขณะที่ดิสก์เบรกหน้า มีทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 17 และ 15 นิ้ว ในขณะที่ด้านหลังใช้ดรัมเบรกขนาด 15 นิ้ว ซึ่งจากการปรับตั้งทำให้สามารถหยุดล้อได้อย่างยอดเยี่ยม และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหม้อลมเบรก ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมเบรก

หลังทราบรายละเอียดของตัวรถแล้ว คราวนี้ ก็มาเริ่มต้นการขับทดสอบในสนาม ซึ่งมีความยาวต่อรอบประมาณ 3.2 กิโลเมตร พร้อมๆ กับโค้งที่มีทั้งโค้งยาวความเร็วสูงและโค้งมุมแคบที่ต้องใช้พวงมาลัยบังคับมากขึ้น

โดยแบ่งการทดออกเป็น 3 สถานี เริ่มต้นด้วยสถานีแรกเป็นการขับเข้าออกหลบไพล่อนแบบสลาลม ซึ่งอัตราเร่งความแม่นยำของพวงมาลัยและช่วงล่างที่แน่นหนึบทำให้การขับขี่ทำได้ดี จากนั้น สถานีที่ 2 เป็นการการขับแบบหลากหลายไล่ตามโค้งต่างๆ ของสนาม ใช้อัตราเร่งหลายระดับตั้งเพื่อทดสอบอัตราเร่ง ช่วงล่าง เบรก พวงมาลัย จากนั้น ก็เข้าสู่วงรอบใหญ่ซึ่งสามารถแตะคันเร่งได้อย่างเต็มที่

ด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ และชุดแหนบทำให้ช่วงล่างทำให้การควบคุมรถอย่างมีเสถียรภาพ การเข้าโค้ง และเกาะถนนดี ทำให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวน ลดการสั่นสะเทือน และลดความกระด้าง อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบมีการสลับขับทั้งเครื่อง 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร ต้องบอกว่า เครื่อง 3.0 ลิตร ขับได้สนุกมาก อัดได้เต็มที่ เสียงในห้องโดยสารเงียบกว่า และความนิ่งเวลาเร่งทำความเร็วทำได้ดี

หลังการทดสอบแม้จะเป็นระยะสั้นๆ แต่ก็มีความรู้สึกชอบตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเท่สวยงามแบบเรียบๆ ไม่ได้ความใหญ่หรือบึกบึนเหมือนค่ายอื่น แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ความเรียบ หรู ทั้งภายในและภายนอก ขับขี่ในชีวิตประจำวันในเมืองได้ไม่ขัดเขิน แถมใช้งานบรรทุกและลุยได้อย่างมั่นใจในแบบออฟโรด  ส่วนราคาว่าจะสูงหรือต่ำกว่าอีซูซุ ก็ต้องรอลุ้นในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า แต่คาดว่าคงใกล้เคียงกันเพื่อให้แข่งขันได้ในตลาดรถกะบะ ตามเป้าหมายที่ผู้บริหารมาสด้า หมายมั่นปั้นมือส่งเข้ามากระตุ้นยอดขายเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกและสร้างความคึกคักในตลาดรถปิกอัพปี2564

Political News