โดย...หรั่ง รอบโลก
ถึงแม้ว่า ผมอาจจะยังเที่ยวไม่ครบทุกรัฐของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะยังอยู่ในฝั่งตะวันตกมากกว่า แต่ถ้ามีใครถามว่า ผมชอบที่ไหนมากที่สุด ผมก็คงตอบแบบไม่ต้องคิดนาน แน่นอนย่อมเป็นเมืองบอซแมน (Bozeman) รัฐมอนทานา อย่างไรก็ ยังมีหลายเมืองที่ไปแล้วประทับใจ ทั้งที่แวะเที่ยว และพัก เยี่ยมเยือนเพื่อนฝูง ซึ่งหลายเมืองสวย และอากาศดี และถ้าผมไม่ได้เขียนถึงเมืองนี้ ก็คงเหมือนกับว่า “หรั่ง รอบโลก” ลืมอะไรที่สำคัญของชีวิตไป
เพราะเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ผมได้อาศัย ได้สัมผัสเมืองนี้ ในบางแง่มุม แม้จะเป็นเวลาไม่นานนัก ในช่วงเดือนตุลาคมปี 2516 ผมมีโอกาสได้ไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อรายงานข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดี อีกทั้งไม่ใช่สถานที่แรกของสหรัฐที่ผมได้เห็น เพราะประสบการณ์ในดินแดนแห่งเสรีภาพ สัมผัสแรกคือการได้ตะลอนเที่ยวเมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่ มีทิวทัศน์สวยงามโอบล้อมด้วยน้ำทะเลตามภูมิประเทศที่เป็นอ่าว รวมทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย
เมือง Bozeman ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐมอนทานา เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสี่ ของรัฐมอนทานา และถือเป็นเมืองที่โตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ มีประชากรประมาณ 50,000 คน รวมทั้งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอนทานา (Montana State University) อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐฯ จึงเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นน้อยมาก อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล มองไปสุดลูกหูลูกตา ย่านใจกลางเมืองไม่ใหญ่มากนัก รถไม่ติด เหมาะสำหรับคนที่ชอบขับรถเที่ยว เรียกว่า เพลิดเพลินเจริญใจทีเดียว แต่ช่วงหิมะตกอาจต้องระมัดระวัง เป็นพิเศษ
เมืองนี้ได้รับการตั้งชื่อตาม จอห์น เอ็ม. โบซแมน ซึ่งมาสร้างทางรถไฟบอซแมน และเป็นผู้ก่อตั้งเมืองในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1864 ได้รับการขนานามกว่า “the most livable place” "สถานที่ที่น่าอยู่ที่สุด" อันนี้ฝรั่งเขายกย่องกันเองนะครับ เพราะน้องจากทิวทัศน์จะสวยงาม แวดล้อมไปด้วยภูเขา และแม่น้ำ มีกิจกรรมหลายอย่างที่ทำให้เพลิดเพลิน ทั้งตกปลาในแม่น้ำ ภูเขาที่เหมาะสมหรับการเดินป่า ปั่นจักรยานเสือภูเขา ปีนเขา เล่นสกี ล่าสัตว์ เที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน และเพลิดเพลินไปกับสัตว์ป่า อย่างกวางมูส และควายป่าไบซัน ที่และเล็มกินหญ้าแบบไม่สนใจใคร นอกจากนี้ ยังมีหมี และสุนัขจิ้งจอก ที่อาศัยอยู่ในป่าเขา และที่สำคัญรัฐมอนทานา ช้อปปิ้ง ปลอดภาษีนะครับ
ผมมักจะถูกฝรั่งอำแบบตลกๆ เมื่อถามถึงความหมายของชื่อเมือง เขาก็ตีความเข้าข้างตัวเองว่า เมืองบอซแมน คือ เมืองของเจ้านาย โดยแผงจาก คำว่า Bozeman เป็น Bossman เพราะเป็นคำพ้องเสียงกัน ซะอย่างงั้น
กลับมาที่เหตุผลทำไมผมชอบเมืองนี้ แต่เมือผม ได้เข้าสู่เมืองบอซแมน สัมผัสแรกที่สนามบินเยลโลว์สโตน (Yellowstone Airport) มีการตกแต่งแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว สื่อถึงความเป็นเมืองแห่งขุนเขา มีรูปปั้นความป่าไบซัน ตั้งเด่นเป็นสง่า และข้อมูลการท่องเที่ยว เพราะเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวชื่อดัง และความเป็นคาวบอย เพราะเมืองนี้ นอกจากอาชีพในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้ว ปศุสัตว์ เลี้ยงสัตว์ อย่างวัว แพะ แกะ เป็นอีกหนึ่งอาชีพหลักของผู้คนของเมืองนี้
ต้องบอกว่า เป็นเมืองที่สวยมาก ท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม ส่วนหนึ่งบรรยากาศการอาจคล้ายกับบ้านเกิดของผม ที่ปากช่อง โคราช แต่อากาศต่างกันแบบสุดขั้วเลย เพราะที่นี้ ผมได้สัมผัสกับหิมะแทบทุกหนทุกแห่งตั้งแต่หน้าบ้าน ถนน หนทาง ทุกหญ้า ภูเขา เต็มไปด้วยหิมะ ต้องอยู่กับหิมะประมาณครึ่งปีเลยทีเดียว ตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจน ถึง มีนาคม บรรยากาศหิมะตกทำให้ผมต้องตะลึงกับความสวยงามอีกแบบที่ผมไม่คุ้นเคยทุ่งหญ้าที่เคยเขียวขจี ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ มีหนังฮอลีวูดหลายเรื่องถ่ายที่ทำที่เมืองนี้
เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก เมืองบอซแมน จึงมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สกีรีสอร์ท ชื่อดัง อย่าง Bridger Bowl Ski Resort และ Bigsky Ski Resort เทศกาลดนตรีบิ๊กสกาย (Bigsky Music Festival) การแสดงคอนเสิร์ตที่มีเอกลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ ที่หลายชาติเลียนแบบนำไปจัด
นอกจากนี้ ยังเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำมิสซูรี (Missouri River)เป็นทางน้ำที่สำคัญทางตอนกลางของสหรัฐอเมริกา มีความยาว 3,767 กิโลเมตรซึ่งยาวที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ เกิดจากการไหลมารวมกันของแม่น้ำเจฟเฟอร์สัน แม่น้ำแมดิสัน และแม่น้ำแกลละติน แล้ว ผมจะเขียนถึงในโอกาส ต่อไป
การได้สัมผัสเมืองนี้แบบไม่คาดฝัน ต้องขอบ คุณน้อยเพื่อนรัก (ประพาด มั่นหมาย) และส้มโอ ภรรยา ที่ดูแลเป็นอย่างดี ทั้งที่พัก และ อาหาร ในคราวที่ผมมาใช้ ชีวิต อยู่ที่นี้ ถือเป็นความทรงจำที่ผมมิอาจลืมได้
