สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

เชื้อไวรัสโคโรน่า..เพียง 1 เดือนคาดกระทบเศรษฐกิจจีน 3แสนล้านหยวน

สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ยังคงส่อเค้าความรุนแรงต่อเนื่อง นำมาซึ่งมาตรการสูงสุดของทางการจีนเพื่อป้องกันและควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคคาบเกี่ยวกับช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ชาวจีนมีการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในเบื้องต้นเฉพาะในกรอบระยะเวลา 1 เดือน อาจสูงถึง 3 แสนล้านหยวน ซึ่งอาจฉุดรั้งให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2563 ต่ำกว่าที่เคยประมาณการณ์ไว้ที่กรอบร้อยละ 5.5-5.9 อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ยังคงประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป หากสถานการณ์ยื้ดเยื้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนเผชิญความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้น

  • +สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV) ในประเทศจีน โดยเฉพาะมณฑลหูเป่ย ยังคงส่อเค้าความรุนแรงต่อเนื่อง โดยจากสถิติล่าสุดของทางการจีนในเช้าวันที่ 30 ม.ค. 2563 ระบุถึงจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในจีนที่ได้รับการยืนยันแล้วกว่า 7,700 ราย ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) ปี 2546 โดยจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่ได้รับการยืนยันแล้วในจีนยังคงเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด อย่างไรก็ดี ถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะสูงกว่าช่วง SARS ระบาด แต่อัตราการเสียชีวิต ณ ขณะนี้ยังต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบ กล่าวคือ อัตราการเสียชีวิตในจีนช่วงการระบาดของ SARS อยู่ที่ร้อยละ 6.6 ส่วนอัตราการเสียชีวิตในช่วงการระบาดของ 2019-nCoV ณ ขณะนี้อยู่ที่เพียงราวร้อยละ 2.2
  • +จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่เข้มข้นขึ้น นำมาซึ่งมาตรการสูงสุดของทางการจีนเพื่อป้องกันและควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจายในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการการระงับการสัญจรเข้าออกจากเมือง และการคมนาคมขนส่งภายในเมือง ครอบคลุม 18 เมืองภายในมณฑลหูเป่ย การระงับการดำเนินธุรกิจและจัดการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวจีนทั้งในและต่างประเทศ การสั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองอื่นๆ ของจีนที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก อาทิ กำแพงเมืองจีน เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ รวมถึงการขยายระยะเวลาช่วงวันหยุดตรุษจีนออกไปอีก 3 วันจากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 ม.ค. 2563 เพื่อชะลอการเดินทางของผู้คน

ผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ต่อเศรษฐกิจจีนเบื้องต้นในกรอบระยะเวลา 1 เดือน อาจสูงถึง 3 แสนล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.3 ของ GDP จีนทั้งปี ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2563 อาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5.5-5.9 โดยมีผลกระทบหลักๆ ผ่านทางภาคค้าปลีก ภาคขนส่ง และภาคบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคและการท่องเที่ยว

  • +จากการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่คาบเกี่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ชาวจีนมีการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนจึงค่อนข้างสูง โดยผลกระทบหลักจะอยู่ในภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคภาคเอกชน (Private consumption) และการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งมณฑลหูเป่ยจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ส่วนมณฑลอื่นๆ นั้นมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบบางส่วน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จะสร้างมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีนทั้งหมดราว 3 แสนล้านหยวนในกรอบระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.3 ของ GDP จีนทั้งปี โดยส่วนใหญ่เป็นความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน (1 สัปดาห์) ราว 2.15 แสนล้านหยวน คิดเป็นร้อยละ 70 ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 16 ของมูลค่าเงินที่หมุนเวียนในช่วงเทศกาลตรุษจีนจากการท่องเที่ยวและการบริโภคในปี 2562
  • +ทั้งนี้ ภาคการค้าปลีกนับว่าเป็นธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบสูงสุดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โดยคิดเป็นมูลค่าของผลกระทบราว 1.3 แสนล้านหยวน หรือร้อยละ 4 ของมูลค่าการค้าปลีกเฉลี่ยในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ. 2562 โดยเป็นผลกระทบในส่วนของช่องทางค้าปลีกออฟไลน์ เนื่องจากชาวจีนหลีกเลี่ยงการออกไปจับจ่ายใช้สอยนอกบ้าน อีกทั้ง การบริโภคสินค้าคงทนและสินค้าฟุ่มเฟือยน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี แรงหนุนจากการค้าปลีกออนไลน์ที่จะกลายมาเป็นช่องทางการจับจ่ายใช้สอยหลักในช่วงวิกฤตนี้ ผนวกกับ ความต้องการบริโภคสินค้าจำเป็นและสินค้าประเภทเวชภัณฑ์ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งมีส่วนผลักดันให้ระดับราคาสินค้าปรับสูงขึ้น จะช่วยหักล้างผลกระทบทางลบต่อภาคค้าปลีกได้ส่วนหนึ่ง ส่งผลให้ภาคการค้าปลีกของจีนอาจไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าใดนัก
  • +รองลงมาได้แก่ ภาคบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคและการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มลดการเดินทางลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ภาคบริการการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมในส่วนของโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง และสถานที่ท่องเที่ยวน่าจะได้รับผลกระทบราว 9 หมื่นล้านหยวน หรือลดลงประมาณร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ประกอบกับมีการปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจีนที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก อาทิ กำแพงเมืองจีน เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ โดยรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างประเทศน่าจะลดลงถึงราวร้อยละ 40 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ ภาคขนส่ง (การเดินทางระหว่างเมืองและภายในเมือง) คาดว่าจะได้รับผลกระทบราว 8 หมื่นล้านหยวน โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่ทางการจีนมีมาตรการการระงับการสัญจรเข้าออกจากเมือง และการคมนาคมขนส่งภายในเมืองในมณฑลหูเป่ย รวมถึงการระงับการดำเนินธุรกิจและจัดการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์

 มองไปข้างหน้า สถานการณ์การแพร่ระบาดของของเชื้อไวรัส 2019 Novel Coronavirus (n-CoV) ทั้งในจีนเองและนอกประเทศจีน ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีตัวแปรหลักที่ต้องจับตาอยู่ 2 ประเด็น ได้แก่

-              ระยะเวลาและความรุนแรงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากจุดเริ่มต้นของการระบาดอยู่ในช่วงต้นฤดูหนาวซึ่งเป็นฤดูกาลที่มักมีการแพร่กระจายของโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ความน่าจะเป็นของจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นยังมีอยู่สูงไปจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูร้อน นอกจากนี้ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคของทางการจีนที่เข้มข้นขั้นสูง อาจไม่สามารถบังคับใช้ให้เกิดประสิทธิผลได้ในระยะเวลาที่ยาวนาน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อสังคม อาทิ ความไม่พอใจของผู้คนในเมืองที่ถูกกักกันอาจทวีความรุนแรงขึ้น กิจกรรมในภาคส่วนอื่นของสังคมอาจได้รับผลกระทบมากขึ้นอย่าง ภาคการศึกษา ทั้งนี้ หากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ยาวนานเกิน 3 เดือน โอกาสที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2563 จะลงไปต่ำกว่าร้อยละ 5.0 ก็คงจะมีมากขึ้นตามลำดับ

-              มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนในช่วงที่ผ่านพ้นการแพร่ระบาดของโรคเพื่อชดเชยความเสียหายทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน อีกทั้ง ความสามารถในการใช้เครื่องมือทางการคลังของทางการจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่จำกัด หลังจากที่ปี 2562 ทางการจีนขาดดุลงบประมาณในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราวร้อยละ 5 ของ GDP ซึ่งหากเปรียบเทียบกับช่วงการระบาดของ SARS ในจีนปี 2546 สัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อตัวเลข GDP ของจีนอยู่ที่เพียงราวร้อยละ 2.1 เท่านั้น

ดังนี้แล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจะคอยประเมินสถานการณ์เป็นระยะ และจะมีการปรับปรุงตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกครั้ง หากมีพัฒนาการใหม่ของระดับความรุนแรง ขอบเขตและความยืดเยื้อของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส 2019 Novel Corona virus (n-CoV) ในระยะข้างหน้า

Political News