สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

พระเทพฯเสด็จพระราชทานเพลิงศพ'หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ'ชาวพุทธน้อมส่งสู่นิพพานเนืองแน่น

"สมเด็จพระเทพฯ" เสด็จฯพระราชทานเพลิงศพ "หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ" อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ โดยมีเหล่าพุทธศาสนิกชน-ศิษยานุศิษย์ จำนวนมากร่วมตั้งจิตสวดมนต์เจริญภาวนาในพิธีสลายสรีรธาตุ น้อมส่งสู่มรรคผล นิพพานแน่นวัด พร้อมน้อมนำคำสอนมาเป็นแนวทางดำเนินชีวิตด้วย ความศรัทธา

          เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์จำนวนมากเดินทางไปร่วมพิธีสลายสรีรธาตุ พระราชทานเพลิง พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทมหาเถระ) หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ "น้อมส่งสู่มรรค ผล นิพพาน"

โดยประชาชนจำนวนมากทยอย เดินทางมาร่วมแสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณตั้งแต่ช่วงเช้า โดยต่างนั่งสมาธิสวดมนต์ สงบนิ่ง จนเต็มพื้นที่ลานธรรม หน้าโรงเรียนพุทธธรรม สถานที่ประกอบพิธี  และมีพระเถรานุเถระสลับปรับเปลี่ยนกันขึ้นแสดงธรรม รวมทั้งเชิดชูผลงานคุณงานความดี และความเป็นเลิศของหลวงพ่อในด้านการแสดงธรรมสั่งสอนประชาชนขณะที่ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ทางวัดได้เตรียมที่จอดรถไว้บริการอย่างเพียงพอ พร้อมทั้ง มีโรงทานไว้บริการ พุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมงานหลายซุ้มอาหาร

          โดยเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่เชิญโกศแปดเหลี่ยมฉัตรเบญจาและฉัตร 5 ชั้น ตั้งประดับหน้าจิตกาธาน ด้านหน้าโรงเรียนพุทธธรรม จากนั้นมีพิธีบำเพ็ญกุศลพระราชทานในการออกพระเมรุ พระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์และบังสุกุล มีการแสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ เรื่อง "หลวงพ่อปัญญากับการพัฒนาการศาสนา" โดยพระพรหมวชิรญาณจากวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคม พระสงฆ์ถวายพร พระรับพระราชทานฉัน ซึ่งมีการถ่ายทอดภาพและเสียงมายังลานหินโค้ง ให้พุทธศาสนิกชนที่มาปฏิบัติธรรมและมาร่วมงานได้รับฟัง หลายคนบอกตรงกันว่า ตั้งใจน้อมนำคำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มาเป็นแนวทางดำเนินชีวิต ด้วยความศรัทธา

          จากนั้น เวลา 13.30 น. มีพิธีการเคลื่อนหีบศพของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ซึ่งตั้งไว้ที่บริเวณหน้าลานธรรม โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังและต่อแถวด้วยขบวนพระสงฆ์จำนวน 100 รูป เดินตามขบวน หีบศพของหลวงพ่อปัญญาฯไปยังเมรุบริเวณศาลาขจรประศาสน์  จากนั้นได้มีขบวนจากสำนักพระราชวังแต่งเครื่องแต่งกายโบราณ อัญเชิญโกศแปดเหลี่ยมติดตามขึ้นไปที่เมรุด้วย เพื่อเตรียมพระราชทานเพลิงศพ

          เมื่อถึงเวลา 18.30 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทรงเป็นองค์ประธานในการพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ  โดยทรงทอดผ้าไตรบังสุกุล 10 ไตร พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล  โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 และพล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เฝ้าฯรับเสด็จ

          ขณะที่ พระสงฆ์เดินนำนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพกาญจนาภิเษก หนองจอก เชิญหีบสรีรธาตุพระพรหมมังคลาจารย์จากเมรุชั่วคราวไปประดิษฐาน ณ จิตกาธาน บริเวณบุญพิธีหน้าโรงเรียนพุทธธรรม วัดชลประทานรังสฤษฏ์ โดยมีพยาบาลจากศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และศิษยานุศิษย์ รวมถึงพุทธศาสนิกชน นั่งรอรับตลอดสองข้างทางที่ขบวนเคลื่อนผ่านจากนั้นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนร่วมสวดเจริญมรณานุสติ เสร็จแล้วนายเนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ อ่านบทกวี "กราบหลวงพ่อปัญญา" โดยมีการบรรเลงขลุ่ยโดยนายธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ

          จนกระทั่งถึง เวลาสำคัญประมาณ 23.00 น. พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ นำจุดประทีปประกาศสัจธรรม พุทธศาสนิกชนร่วมกันเจริญจิตตภาวนาและสวดมรณานุสติคาถา และขอขมาหลวงพ่อปัญญา โดยพุทธศาสนิกชน ลูกศิษย์หลวงพ่อยังคงคอยปักหลักส่งหลวงพ่อสู่มรรคผล นิพพาน อย่างเนืองแน่น โดยมีละอองฝนโปรยปราย ประดุจหลวงพ่อปัญญานันทะ มารดน้ำมันต์ให้ศิษยานุศิษย์ เป็นครั้งสุดท้าย

          สำหรับพระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิขุ เกิดวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2454 ที่ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง ชื่อเดิมว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ เมื่ออายุ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จ.ระนอง ก่อนอุปสมบทเป็น พระภิกษุที่ วัดนางลาด จ.พัทลุง ในปี 2474 หลังอุปสมบทไม่นาน ได้เดินทางไปศึกษาหาหลักธรรมในหลายจังหวัด เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา และ กรุงเทพมหานคร จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก จากนั้นได้ศึกษาภาษาบาลี จนจบเปรียญธรรม 4 ประโยค และยังใฝ่รู้ศึกษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

          หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มีโอกาสเดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาในหลายประเทศ จนได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์รูปแรกของเมืองไทยที่ไปประกาศธรรมในภาคพื้นยุโรป ช่วงหนึ่งท่านไปจำพรรษากับพระพุทธทาสภิกขุ ที่สวนโมกข พลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จนร่วมเป็นสหายธรรมเผยแพร่หลักธรรมตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่นั้นมา

          ในปี 2503 หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส "วัดชลประทานรังสฤษดิ์" อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ได้แตกฉานในหลักธรรม ปฏิบัติศาสนกิจ ที่เป็นประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งยังเป็นพระนักเทศนาธรรมในไทยและต่างประเทศ จนได้รับรางวัล "สังข์เงิน" จากสมาคม นักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ในฐานะพระภิกษุผู้เผยแผ่ธรรมะและศีลธรรมยอดเยี่ยมของประเทศไทย และรางวัล "นักพูดดีเด่น" ประเภทเผยแผ่ธรรม จากสมาคมฝึกพูดแห่งประเทศไทย ทั้งยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ ในหลายสาขาวิชา จากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง โดยสมณศักดิ์ที่ได้รับสุดท้ายคือ พระพรหมมังคลาจารย์ ในวันที่ 5 ธ.ค.2547

          หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มรณภาพด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2550 ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริรวมอายุได้ 96 ปี 5 เดือน

 

Political News