• ซิตี้แบงก์ ผนึกกำลัง อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ เปิดตัวกองทุนเทคโนโลยี AI ศักยภาพสูง มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 ที่ 26.70%
• บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก คาดการณ์ว่าธุรกิจเทคโนโลยี AI เติบโตปีละ 55% (CAGR) จาก 8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี พ.ศ. 2559 เป็น 47 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี พ.ศ. 2563

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ผนึกกำลังกับบริษัทอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ เปิดตัวกองทุนเทคโนโลยี AI “Allianz Global Artificial Intelligence” ในประเทศไทย ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี AI  ทั้งนี้กองทุน “Allianz Global Artificial Intelligence” สร้างผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 (ข้อมูล ณ 31 มกราคม พ.ศ. 2561) ที่ 26.70% โดยเทคโนโลยี AI ถือเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญและทำให้เกิดการเติบโตของภาคธุรกิจ เนื่องจากสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งในภาคธุรกิจหลายๆ ส่วนได้หันมาใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อช่วยประหยัดต้นทุน และเวลาการทำงาน นอกจากนี้บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก PwC คาดการณ์ว่าธุรกิจในเทคโนโลยี AI จะมีการเติบโตปีละ 55% (CAGR) จาก 8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี พ.ศ. 2559 เป็น  47 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2563 และคาดการณ์ว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยเพิ่มจีดีพี (GDP) ทั่วโลกได้ 15.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี พ.ศ. 2573

            ทั้งนี้ ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ร่วมกับ บริษัทอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์  จัดงานเปิดตัวความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมเปิดตัวกองทุนเทคโนโลยี AI ซึ่งในประเทศไทย มีเสนอขายที่ซิตี้โกลด์เพียงแห่งเดียว  เมื่อเร็วๆนี้ ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ  สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือเข้ารับการบริการแนะนำการลงทุนได้ที่ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย www.citibank.co.th หรือ www.citi.co.th.

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า   ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับบริษัท อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำของโลก เสนอขายกองทุน “Allianz Global Artificial Intelligence”  ให้กับนักลงทุนไทยเป็นครั้งแรก โดยในประเทศไทยมีการเสนอขายที่ซิตี้โกลด์ ธนาคารซิตี้แบงก์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น และจากความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเสริมศักยภาพในการลงทุนของนักลงทุนให้พอร์ตฟอลิโอแข็งแรงและเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

นายดอน กล่าวต่อว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูงสุด คือกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 37.6% โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial intelligence (AI) ถือเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของนวัตกรรมใหม่ๆ และการเติบโตของภาคธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ เนื่องจากสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย โดยความสามารถของ AI ในการปฏิบัติงานแทนมนุษย์ ครอบคลุมถึงการจดจำเสียงพูด การแสดงข้อมูลแบบ Visualization การตัดสินใจ และการจัดหมวดหมู่ข้อมูลแบบอัตโนมัติ ทำให้หลายภาคธุรกิจหันมาใช้เทคโนโลยีนี้ เพื่อช่วยประหยัดต้นทุน และเวลาการทำงาน อาทิ ในธุรกิจภาคการเงิน (โดยเฉพาะในด้านการชำระเงิน) ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจด้านสุขภาพ และอุตสาหกรรมการผลิต เป็นต้น

บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก PwC คาดการณ์ว่า เทคโนโลยี AI จะช่วยเพิ่มจีดีพี (GDP) ทั่วโลกได้ 15.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี พ.ศ. 2573 และคาดการณ์ว่าธุรกิจเทคโนโลยี AI จะเติบโตปีละ 55% (CAGR) จาก 8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีพ.ศ. 2559 เป็น 47 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563  นอกจากนี้นักวิเคราะห์ซิตี้ได้ทำการเปรียบเทียบผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี AI จำนวน 117 ตัวทั่วโลกกับดัชนีมาตรฐาน MSCI World พบว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าวมีผลตอบแทนโดยรวมตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2552 มากกว่าดัชนีมาตรฐาน MSCI World ถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี นักลงทุนที่สนใจลงทุนในภาคธุรกิจเทคโนโลยีควรคัดสรรและเลือกลงทุนเฉพาะในหุ้นบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีเวลาและทักษะในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลแต่ละบริษัท แนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมซึ่งบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญการลงทุน และสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้มากกว่า นายดอน กล่าวสรุป

มร.เควิน แลม, Head of Retail Distribution, South East Asia บริษัท อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า กองทุน “Allianz Global Artificial Intelligence” เป็นกองทุนที่มองหาการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาวโดยเน้นการลงทุนในหุ้นบริษัททั่วโลกที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี AI โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นธุรกิจด้านไอทีประมาณ 70% และส่วนที่เหลือลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มใช้งานเทคโนโลยี AI เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ธุรกิจการดูแลสุขภาพ ธุรกิจการเงิน  ภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยมีการจัดสรรสินทรัพย์การลงทุนกว่า 89% ใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีนและฝรั่งเศส ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวสร้างผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ31 มีนาคม พ.ศ. 2560 ที่ 26.70% (ข้อมูล ณ 31 มกราคม พ.ศ. 2561)

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือเข้ารับการบริการแนะนำการลงทุนได้ที่ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย www.citibank.co.th หรือ www.citi.co.th