สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

‘เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย’โชว์ปี60ทำรายได้รวมพุ่ง37%หลังกระแสซีรี่ย์อินเดียบูมในไทย

‘บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN’ ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล โชว์ผลการดำเนินงานปี 2560 เติบโตพุ่ง ทำรายได้รวม 1,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% หลังกระแส

ซีรี่ย์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ฮิตติดลมบน ด้านบอร์ดฯ บริหาร ออกวอแรนท์ อายุ 2 ปี จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนท์ เพื่อนำไปใช้ซื้อหุ้นสามัญในราคา 15 บาทต่อหุ้น เตรียมชงเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ขณะที่แผนปี 61 เตรียมงบ 600-800 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างประเทศแบบ Output Deal เพิ่ม เน้นซีรี่ย์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ รับความต้องการจากทีวีดิจิทัลที่สนใจซื้อไปออกอากาศ พร้อมเดินหน้าผลิตคอนเทนต์ที่มีโครงสร้างรูปแบบรายการภายใต้แบรนด์ CNBC เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจ ตั้งเป้าทั้งปีทำรายได้รวมโต 20-25%

คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันการเติบโตของผลประกอบการได้เป็นอย่างดี โดยมีรายได้รวม 1,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 846 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 164 ล้านบาท

ปัจจัยการเติบโตมาจาก JKN สามารถบริหารจัดการด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพื่อผ่านทุกช่องทางการเผยแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างรายได้สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางผ่านสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล เคเบิ้ลทีวี Video on Demand (VOD) ซึ่งลิขสิทธิ์คอนเทนต์ประเภทซีรี่ย์อินเดียและซีรี่ย์ฟิลิปปินส์ ถือหัวหอกที่สร้างรายได้แก่บริษัทฯ เนื่องจากเนื้อหาของซีรี่ย์ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชมในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัลช่อง 3 ช่อง 8 และไบร์ททีวีช่อง 20 สนใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มขึ้น เพื่อนำไปออกอากาศสร้างเรตติ้งให้แก่ทางสถานี

“ปี 2560 เป็นปีที่เรามีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นมาก เนื่องจากสามารถบริหารจัดการลิขสิทธิ์คอนเทนต์ได้เป็นอย่างดีและสามารถสร้างกระแสซีรี่ย์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ให้เป็นที่นิยมของผู้ชมชาวไทย ทำให้ช่องทีวีดิจิทัลสนใจทุ่มเม็ดเงินเพื่อซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศเพิ่มขึ้นและผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ JKN เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” คุณจักรพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 มีมติออกวอแรนท์เพื่อจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนท์ และ 1 วอแรนท์จะได้รับสิทธิซื้อหุ้นสามัญจำนวน 1 หุ้น ในราคา 15 บาทต่อหุ้น โดยวอแรนท์มีอายุ 2 ปี ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิวอแรนท์ได้ทุกๆ 6 เดือนตามวันที่กำหนด โดยเตรียมเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติเห็นชอบในวันที่ 25 เมษายนนี้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN กล่าวว่า ส่วนแผนดำเนินงานในปี 2561 จะตอกย้ำจุดแข็งด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่จำหน่ายหลายรายการเป็นสิทธิ์แบบ Output Deal จากเจ้าของสิทธิ์อย่างต่อเนื่องโดยครอบคลุมทั้งรายการประเภทภาพยนตร์ ซี่รีย์ วาไรตี้ สารคดี รายการเพลงและรายการที่เกี่ยวกับเด็ก เพื่อผลักดันให้ JKN เป็นศูนย์รวมความหลากหลายของคอนเทนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของสื่อแต่ละช่องได้ดียิ่งขึ้น โดยจะใช้งบลงทุน 600-800 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีลิขิสิทธิ์กว่า 3,500 คอนเทนต์ ที่จะช่วยผลักดันการเติบโตให้แก่ JKN ได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน  JKN ยังวางแผนก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ หลังจากที่ได้รับสิทธิ National Broadcasting Company Universal (NBC) เพื่อผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ Consumer News and Business Channel (CNBC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการเกี่ยวกับข่าวธุรกิจและการลงทุนที่มีชื่อเสียงของโลก สัญญามีระยะเวลา 10 ปี (2560-2570) ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมบุคลากรเพื่อผลิตคอนเทนต์รายการข่าวให้แก่สถานีข่าวช่อง CNBC Thailand รวมถึงผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC ที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก NBC ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ได้คุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยรายการที่ผลิตจะมีโครงสร้างตามรูปแบบของแบรนด์ CNBC และใช้พิธีกรรวมถึงผู้ดำเนินรายการที่เป็นคนไทย ในการผลิตรายการเพื่อออกอากาศในช่อง JKN CNBC เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับช่อง JKN CNBC ประมาณ 125 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มออกอากาศได้ภายในปี 2562 ทั้งนี้ จากแผนดำเนินงานดังกล่าว บริษัทฯ มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของ JKN ในปี 2561 เติบโตได้ 20-25% ตามเป้าหมาย

Political News