สำนักข่าวไทยไทม์นิวส์ • ThaitimeNews
loader
Foto

คอร์นเฟอร์รี่ เฮย์กรุ๊ป เปิดตัวเลข ประเทศไหน เงินเดือนดีสุด ปี 2018

- อัตราการขึ้นเงินเดือนหลังหักอั ตราเงินเฟ้อในแต่ละประเทศ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

- ชี้อัตราฯปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ ยเพียง 1.5% ตามค่าเงินเฟ้อ

- อัตราการขึ้นเงินเดือนหลังหักอั ตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียงครึ่งหนึ่งของปี ที่ผ่านมา

- สหราชอาณาจักร อาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ มีอัตราฯที่ปรับตัวต่ำลง

ข้อมูลการคาดการณ์เงินเดือนปี ค.ศ. 2018 ซึ่งออกโดยคอร์นเฟอร์รี่ เฮย์กรุ๊ป (รหัสในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: KFY) เผยผลสำรวจของภูมิภาคเอเชียมีกา รเติบโตของอัตราการขึ้นเงินเดือ นหลังหักอัตราเงินเฟ้อ (Real wage) สูงสุด แม้อัตราการขึ้นเงินเดือนของปี นี้จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับภูมิภาคเอเชีย คาดการณ์ว่าอัตราเงินเดือนจะเพิ่ มขึ้นราว 5.4% ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.1% จากเมื่อปีก่อน โดยคาดว่าการปรับขึ้นของอัตรากา รขึ้นเงินเดือนหลังหักอัตราเงิน เฟ้อ (Real wage) จะอยู่ที่ราว 2.8% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราสูงที่ สุดในโลก แต่ยังลดลงจาก 4.3% ของปีก่อน โดยจีนมีการคาดการณ์ว่าอัตราฯจะ เพิ่มขึ้นที่ 4.2% ในปี 2018 ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ในปี ก่อนว่าจะเพิ่มขึ้น 4% ทั้งนี้ ขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียมี อัตราฯมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่ องทุกปี อาทิ เวียดนามคาดการณ์ที่ 4.6% ลดลงจาก 7.2% ของปีก่อน สิงคโปร์ที่ 2.3% ลดจาก 4.7% ญี่ปุ่นที่ 1.6% ลดลงจาก 2.1% ของปีก่อน ส่วนประเทศไทย ค าดการณ์ว่าอัตราการขึ้นเงินเดือ นหลังหักอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น  4.5 % ซึ่งยังต่ำกว่าที่คาดการ ณ์ไว้ที่ 5.6 % ในปีที่แล้ว

ภูมิภาคส่วนใหญของโลกมีอัตราการ ขึ้นเงินเดือนหลังหักอัตราเงินเ ฟ้อลดต่ำลง

เมื่อพิจารณาการปรับขึ้นตามภาวะ เงินเฟ้อ คาดการณ์ว่าลูกจ้างทั่วโลกจะได้ รับอัตราฯเฉลี่ยเพียง 1.5% ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ปี 2017 ที่ 2.3% และ 2.5% ของปี 2016

 “เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่ง สูงขึ้นในแต่ละประเทศ เราจึงได้เห็นถึงการลดลงของอัตร าการขึ้นเงินเดือนหลังหักอัตราเ งินเฟ้อ” บ็อบ เวสเซลเคมเปอร์ หัวหน้าฝ่ายงานระหว่างประเทศ Re wards and Benefits Solutions ของ คอร์นเฟอร์รี่ เฮย์กรุ๊ป กล่าวว่า “อัตราฯของการเพิ่มหรือลดเงิ นเดือนจะแตกต่างไปตามตำแหน่งงาน อุตสาหกรรม ประเทศ และภูมิภาค แต่ประเด็นสำคัญที่เห็นชัดเจนคื อ ในส่วนของพนักงานนั้น จะไม่สามารถรู้ได้ถึงการเพิ่มขึ้ นของค่าตอบแทนที่แท้จริง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ”

 ภูมิภาคออสตราเลเซียมีอัตราการ ขึ้นเงินเดือนหลังหักอัตราเงินเ ฟ้อต่ำสุด

ค่าจ้างในออสตราเลเซียคาดการณ์ ว่าจะเติบโตราว 2.5% ซึ่งคิดเป็นอัตราการขึ้ นเงินเดือนหลังหักอัตราเงินเฟ้ อที่เพิ่มขึ้นจริงเพียง 0.7% โดยในประเทศออสเตรเลียจะมี การปรับขึ้นค่าจ้างสูงสุดที่ 2.5% โดยที่ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้ น 2.1% และคิดเป็นอัตราการขึ้นเงิ นเดือนหลังหักอัตราเงินเฟ้อ 0.4% ส่วนในนิวซีแลนด์ คาดว่าเงินเดือนจะเพิ่มขึ้น 2.5% ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มที่ 1.5% จึงคิดเป็นอัตราการขึ้นเงิ นเดือนหลังหักอัตราเงินเฟ้ออยู่ ที่ 1% 

 ภูมิภาคอเมริกาเหนือให้อัตรากา รขึ้นเงินเดือนหลังหักอัตราเงิน เฟ้อที่ลดลง

ในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าค่าจ้างจะมีอั ตราฯเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3% เท่ากับเมื่อปีก่อน เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินเฟ้อ ที่ 2% ในปี 2018 ทำให้อัตราการขึ้นเงินเดือนหลัง หักอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1% ลดลงจาก 1.9% ของปีก่อน ส่วนในประเทศแคนาดาอัตราการขึ้น ค่าจ้างเพิ่มขึ้นราว 2.6% โดยมีค่าเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.7% จึงทำให้อัตราการขึ้นเงินเ ดือนหลังหักอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.9%

 ภูมิภาคยุโรปตะวันออกให้อัตราฯ ดีกว่าฝั่งยุโรปตะวันตก

จากผลจากสำรวจของ คอร์นเฟอร์รี่ เฮย์กรุ๊ป ในปี 2018 ลูกจ้างทางฝั่งยุโรปตะวั นออกจะมีอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้ น 6% อย่างไรก็ดี เมื่อคำนวณกับค่าเงินเฟ้อ จะมีอัตราการขึ้นเงินเดือนหลั งหักอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.4% ซึ่งลดลงจาก 2.1% ของเมื่อปีก่อน ส่วนทางฝั่งยุโรปตะวันตก ลูกงานจะมีอัตราการเพิ่มค่าจ้าง ที่ต่ำลง โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นที่ 2.3% โดยเมื่อคำนวณกับการปรับค่ าเงินเฟ้อแล้วจะได้อัตราการขึ้น เงินเดือนหลังหักอัตราเงินเฟ้อเ พียง 0.9%

 เนื่องจากความผันผวนหลังการออก จากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร ทำให้ค่าจ้างในสหราชอาณาจักรเพิ่ มขึ้นเพียง 2% เมื่อคำนวณกับค่าเงินเฟ้อที่ 2.5% ทำให้อัตราการขึ้นเงินเดือ นหลังหักอัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ที่ -0.5% ซึ่งแตกต่างจากในปี 2017 ที่ค่าจ้างที่ปรับตามค่าเงินเฟ้ อในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 1.9% ส่วนลูกจ้างในประเทศที่มีเ ศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่าง ฝรั่งเศสและเยอรมนี คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการขึ้นเงิ นเดือนหลังหักอัตราเงินเฟ้อที่เ พิ่มขึ้น อยู่ที่ 0.7% และ 0.8% ตามลำดับ

 ภูมิภาคตะวันออกกลางมีอัตราปรั บตัวขึ้นเล็กน้อย

ค่าจ้างในตะวันออกกลาง คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 3.8% ลดลงจาก 4.5% ของเมื่อปีก่อน โดยอัตราการขึ้นเงินเดือนหลังหั กอัตราเงินเฟ้อเมื่อคำนวณกับค่า เงินเฟ้อ จะเพิ่มขึ้น 0.9% ซึ่งลดลงจาก 2.5% ของปีก่อน ส่วนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีค่าเงินเฟ้อที่ 4.6% เมื่อคำนวนณกับค่าจ้างที่เ พิ่มขึ้นเพียง 4.1% ทำให้อัตราการขึ้นเงินเดือ นหลังหักอัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ที่ -0.5%

 จอร์แดนและเลบานอนจะมีภาวะตกต่ำ รุนแรงที่สุดในภูมิภาค โดยคาดการณ์ว่าจอร์แดนจะมีอัตรา การขึ้นเงินเดือนหลังหักอั ตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1.6% ลดลงจาก 6.3% ของปีก่อน และเลบานอนคาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.8% ลดลงจาก 6.1% ของปีที่ผ่านมา

 ภาวะเงินเฟ้อกระตุ้นอั ตราการเพิ่มเงินเดือนในเอเชีย

แม้เอเชียจะมีอัตราการเพิ่มเงิน เดือนสูงสุดที่ 8.5% แต่ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่ มสูงขึ้น ทำให้อัตราการขึ้นเงินเดือนหลัง หักอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.7% เพิ่มจากเมื่อปีก่อนซึ่ งอยู่ที่ 0.7% ในณะที่อียิปต์มีอัตราการเ พิ่มเงินเดือนสูงสุดอยู่ที่ 15% แต่กลับพบว่ามีอัตราเงินเฟ้ อสูงถึง 18.8% ทำให้ลูกจ้างมีอัตราการขึ้ นเงินเดือนหลังหักอัตราเงินเฟ้อ ลดลงมาอยู่ที่ -3.8%

ละตินอเมริกามีอัตราการเพิ่มอัต ราการขึ้นเงินเดือนหลังหักอัตรา เงินเฟ้อสูงสุดเป็นอันดับสอง

คาดการณ์ว่า ลูกจ้างในละตินอเมริกาจะได้ค่าแ รงเพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อคำนวณกับภาวะเงินเฟ้อ ที่ชะลอตัวมากสุดในภูมิภาค ทำให้มีอัตราการขึ้นเงินเดื อนหลังหักอัตราเงินเฟ้อที่ 2.1% สูงกว่า 1.1% ของปีก่อน ส่วนในโคลัมเบีย คาดว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อที่ 2.7% ในปี 2018 เมื่อคำนวณกับอัตราการเพิ่มเงิน เดือนที่ 5.3% ทำให้โคลัมเบียมีอั ตราการขึ้นเงินเดือนหลังหักอั ตราเงินเฟ้อที่ 2.6% และสำหรับบราซิล คาดว่าจะมีอัตราการเพิ่มเงินเดื อนที่ 7.3% เงินเฟ้อ 4% ทำให้มีอัตราการขึ้นเงินเดือ นหลังหักอัตราเงินเฟ้อที่ 3.3%

“การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตั วในเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่ วโลกทำให้อัตราการเพิ่มค่าจ้ างลดต่ำลง” บ็อบ เวสเซลเคมเปอร์ กล่าว “สำหรับในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ ลูกจ้างที่มีทักษะการทำงานสูงจะ ถือเป็นทรัพยากรที่สำคั ญมากสำหรับบริษัทในการสร้ างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งลูกจ้างที่มีทักษะเหล่านั้น ย่อมคาดหวังว่าจะได้ค่าจ้างเพิ่ มขึ้น ในขณะที่การขาดแคลนบุคลากรที่มี ความสามารถในภูมิภาคย่อมส่งผลทำ ให้เงินเดือนในภูมิภาคนั้นเพิ่ม สูงขึ้นเช่นกัน”

ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารค่าจ้ างค่าตอบแทนของ คอร์นเฟอร์รี่ เฮย์กรุ๊ป แนะนำว่าให้วิเคราะห์ถึงปัจจั ยต่างๆ และคำนึงถึงองค์ประกอบโดยรวมในก ารพิจารณาเรื่องการปรับเงินเดือ น

“แม้อัตราเงินเฟ้อจะเป็นดัชนีเป รียบเทียบและปัจจัยสำคัญที่ส่งผ ลต่อตลาดในเรื่องการจ่ายค่าจ้าง ทั้งนี้บริษัทต้องมีมุมมองที่ กว้างขึ้นในการกำหนดและตกลงใช้ มาตรการต่าง ๆ ทั้งในเรื่องปัจจัยด้านต้นทุน ด้านกลยุทธ์ธุรกิจ และเงื่อนไขการดำเนินธุรกิจของแ ต่ละประเทศ” เบนจามิน ฟรอสต์ Global General Manager จากคอร์นเฟอร์รี่ เฮย์กรุ๊ป กล่าว “โครงสร้างเงินเดือนและค่าตอบแท นต่างๆควรได้รับการตรวจสอบและทบ ทวนอยู่เสมอ เพื่อให้บริษัทมั่นใจได้ว่า การจ่ายผลตอบแทนสามารถแข่งขั นได้กับตลาด โดยยังคงมีความสอดคล้องกับกลยุท ธ์และการพัฒนาของธุรกิจ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Political News